แท้จริง! คน Introvert คุยไม่เก่ง แต่สำเร็จเร็ว ต้องเป็นคนแบบไหนถึงมีโอกาสประสบความสำเร็จ?

นักจิตวิทยาได้จัดแบ่งบุคลิกลักษณะของคนออกเป็นหลายประเภทและหลายทฤษฎี นิยามที่ใช้บ่อยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ

  1. Introvert (เก็บตัว)
  2. Extrovert (ชอบเข้าสังคม)
  3. Ambivert (ผสมผสานระหว่าง Introvert + Extrovert)

ถ้าประเมินจากความรู้สึกส่วนใหญ่จะบอกว่ากลุ่ม “Extrovert” น่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่!

กลุ่ม Introvert ที่ใครก็มองว่าคนกลุ่มนี้ไม่ชอบเข้าสังคม มีโลกส่วนตัวสูง รู้สึกเก้อเขินทุกครั้งที่อยู่กับคนหมู่มาก เก็บตนเองเงียบ และขี้อาย กลับเป็นกลุ่มคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุด

คน Introvert

ลองมาสำรวจตัวเองกันสักนิดว่าตอนนี้เราเป็นกลุ่ม Introvert หรือเปล่า?

  • ชอบใช้เวลาอยู่กับตนเองเมื่อมีเวลาว่าง และรู้สึกมีความสุขมากกว่าการออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คน
  • เมื่อต้องเข้าสังคม จะรู้สึกเหนื่อย หมดแรง และต้องการพักผ่อน ต้องการใช้เวลาอยู่กับตัวเอง
  • บุคลิกภาพเงียบขรึม ชอบทบทวนความคิดของตัวเองบ่อยๆ
  • ชอบอยู่กับคนกลุ่มเล็กๆ มากกว่าอยู่ท่ามกลางคนกลุ่มใหญ่

ซึ่งข้อดีของ Introvert มักจะแก้ปัญหาหรือเรียนรู้ได้ดีกว่าเมื่ออยู่กับตัวเอง และการเป็นคนพูดน้อย ก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสในการเป็นผู้ฟังที่ดีมากขึ้น และยังมีอีกหลายข้อดีที่น่าสนใจเช่น

  • โฟกัสและความเข้าใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบลึกๆได้ดี
  • คิดเยอะก่อนที่จะพูดอะไรออกมา
  • ชอบเขียนมากกว่าพูดและบางส่วนชอบการจัดบันทึกหรือการโน้ตสิ่งสำคัญๆเพื่อให้จำได้
  • มีทักษะการค้นคว้าการหาข้อมูลที่มากเป็นพิเศษ
  • มีความใจเย็น นิ่ง ในสถานการณ์ยากลำบาก

ด้วยคุณสมบัติของคนกลุ่ม Introvert ที่กล่าวมานี้หากนำมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจะเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในแง่ของการทำธุรกิจที่คนกลุ่ม Introvert ได้เปรียบมาก ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น

1.บุคลิกภาพมีความน่าเชื่อถือสูง

คน Introvert

การทำธุรกิจย่อมสัมพันธ์กับการขาย ด้วยบุคลิกของคนกลุ่ม Introvert ที่มีความสุขุม พูดจามีหลักการและเหตุผล มีความน่าเชื่อถือที่สำคัญนิยมการฟังมากกว่าการพูด ทำให้ดูมีความน่าเชื่อถือยิ่งเฉพาะการเจรจาธุรกิจในระดับผู้บริหารจะยิ่งได้เปรียบมาก หรือแม้แต่การนำเสนอสินค้าใดๆ ก็มักจะทำให้คนฟังรู้สึกเชื่อถือและคล้อยตามได้

2.เป็นนักปรึกษาที่ดี

คน Introvert

ในยุคที่ลูกค้ามีโอกาสเลือกสินค้าได้มากขึ้น ย่อมต้องการสินค้าที่ตัวเองประทับใจ ซึ่งกลุ่ม Introvert ตอบโจทย์ความรู้สึกนี้ได้ดี ด้วยบุคลิกที่ฟังมากกว่าพูด พร้อมรับฟังปัญหาของลูกค้ามากกว่าที่จะเสนอขายสินค้า หลายครั้งที่ลูกค้าเปิดใจคุยกับคนที่เป็นกลุ่ม Introvert แล้วรู้สึกสบายใจ รู้สึกว่าเขาไม่ได้ยัดเยียดการขายมาให้ แต่สุดท้าย คน Introvert กลับเสนอวิธีแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุดถือเป็นหนึ่งในเทคนิคการขายที่น่าสนใจมาก

3.ปิดการขายได้อย่างทรงพลัง

คน Introvert

คำว่าทรงพลังในที่นี้มาจากบุคลิกของ Introvert ที่ไม่หวั่นเกรงแม้จะเป็นการเผชิญหน้าแบบ 1:1 ซึ่งการรู้จักคิดวิเคราะห์และตอบโต้ในทุกคำถามได้อย่างเฉียบคม จึงเป็นบุคลิกที่จะได้ใจลูกค้ามากกว่ากลุ่ม Extrovert ที่บางครั้งอาจจะคึกมากเกินไป จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในแง่ของการขาย Introvert จึงน่าจะทำได้ดีกว่า

สำหรับอาชีพที่เหมาะคนกลุ่ม Introvert คือ อาชีพที่ใช้ความคิด และไม่ต้องพบปะผู้คนเยอะๆ เช่น นักเขียน, นักวิจัย, ที่ปรึกษา, ล่าม ,นักบัญชี, ผู้ตรวจสอบบัญชี, โปรแกรมเมอร์ , กราฟิกดีไซน์, สถาปนิก เป็นต้น

แต่ก็ใช่ว่าหากเป็นอาชีพอื่นแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหากมองในแง่ของการทำธุรกิจมีบุคคลระดับโลกที่เรารู้จักกันดีซึ่งอยู่ในกลุ่ม Introvert นี้ด้วย เช่น Warren Buffet , Mark Zuckerbuft , Steve Job , Bill gate , Amancio Ortega (เจ้าของแบรนด์ ZARA) และแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนในกลุ่ม Introvert เช่นกัน

มีอีกหลายความคิดที่ตีความ คน Introvert ดูจะมีข้อดีมากกว่าข้อเสียแต่ในความเป็นจริงบุคลิกภาพแบบ Introvert ถ้ามีเยอะเกินไปจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายกว่าคนในกลุ่ม Extrovert ดังนั้นการรักษาสมดุลชีวิตไม่ให้สิ่งใดมากเกินไปจึงน่าจะเป็นการใช้ชีวิตที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด