อยากรู้มั้ย? Facebook , Twitter และ Instagram มีอะไรที่เหมือนกัน?

ไทยเอสเอ็มอีเซ็นเตอร์ เชื่อว่า ในมือถือทุกคนอย่างน้อยๆ ต้องมีแอปพลิเคชั่นสองหรือสามอย่าง ที่ใช้ติดต่อในโซเชียลมีเดีย ก็คือ Facebook , Twitter และ Instagram

ซึ่งหลีกหนีไม่พ้นการมีฟังก์ชั่นที่คล้ายๆกัน เสมือนให้ผู้ใช้อย่างเราๆ ไม่ต้องหนีไปหาคู่แข่งรายอื่นๆเลย  ในทศวรรษที่ผ่านมาในปี 2013 ถือได้ว่า Facebook และ Twitter เป็นสื่อโซเชียลมีเดียที่มีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในกระแสโลกของการแข่งขันและมีอินเตอร์เฟสที่เหมาะสมกับผู้ใช้ได้ดี ดังเช่น Facebook เปิดตัวในส่วนที่เป็น “Verified Page” ของเหล่าดาราชื่อดัง เหมือนกันกับ Twitter มี “Seal of Approval” เช่นกัน  ในปีที่ผ่านมา 2015 ทั้ง Facebook, Twitter และ Instagram มีการปรับรูปแบบฟังก์ชั่นมากกว่าคู่แข่งรายอื่น และที่สำคัญๆมีถึงสี่ครั้งด้วยกันที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกัน หรือแทบจะเรียกว่าต่างคนต่างลอกเลียนแบบซึ่งกันและกัน มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างคะ

1. Twitter มาแรง! ใช้ปุ่มรูปหัวใจ (Heart)

เพื่อต้องการเพิ่มจำนวนผู้ใช้ในแต่ละเดือน (Monthly Active Users) ดังนั้นในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Twitter ประกาศเปลี่ยนเครื่องหมาย Favorites จากรูปปุ่มดาว (Star) กลายเป็นปุ่มรูปหัวใจ (Heart) :ซึ่งมันก็เหมือนปุ่มไอคอนในFacebook และInstagram เช่นกัน

คุณ Akarshan Kumar ตำแหน่ง “Twitter Product Manager” เขียนไว้ในบล็อคว่า
“เรารู้ดีว่า เครื่องหมายรูปดาว (Star) สำหรับผู้เล่นรายใหม่อาจจะเกิดความสับสนก็เป็นได้ คุณอาจจะชอบหลายสิ่ง แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นที่คุณจะชื่นชอบ รูปหัวใจเป็นสัญลักษณ์สากลที่เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะชนชาติใดหรือภาษาใดก็ตาม”

Instagram

2. Facebook ไม่รอช้า จัดเต็มเปิดตัว Live Streaming

แรกเริ่มเดิมที่แอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า “Periscope” ของทาง Twitter ที่สามารถทำ Live Broadcast Streaming ซึ่งถ่ายทอดเหตุการณ์แบบสดๆ และยิ่งเมื่อมีคนตาม Follower อยู่จะสามารถติตตามชมไปพร้อมๆกันได้เลยทีเดียว

ส่วนทาง Facebook สวนกลับด้วยฟังก์ชั่นที่เรียกว่า “Facebook Live Video” ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดเหตุการณ์แบบสดๆ ได้เช่นกัน ซึ่งได้มีการทดสอบกับกลุ่มเซเล็บดาราชื่อดัง ผลปรากฎว่ามีคนเข้าชมมากกว่าล้านวิวในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี

n8

3. Twitter ก็ขันอาสา เปิดตัว Auto Play Video เช่นกัน

Twitter ได้ให้ช่องทางกับนักการตลาด (Marketer) เพิ่มมากขึ้นสำหรับการสื่อสารด้วยวิดีโอออโต้เพลย์ ผ่านหน้าจอโมบายเพียงแค่เลื่อนหน้าจอเท่านั้น ซึ่งจะเป็นการแสดงผลในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาที

ซึ่งทาง Facebook ก็ได้รายงานเช่นเดียวกันว่า ตลอดในช่วงเดือนพฤศจิกายนมีผู้เข้าชมวิดีโอกว่าแปดพันล้านวิวในทุกๆวัน เลยทีเดียว  การสร้างวิดีโอผ่านสื่อทั้งสองรายนั้นมีรูปแบบที่เหมือนกัน Twitter ได้ให้คำมั่นสัญญากับผู้โฆษณาหรือสปอนเซอร์ว่า จะมีผู้คนมองเห็นแน่นอน 100% ซึ่งเพียงแต่ Facebook เพิ่งมาเริ่มทำเมื่อไม่นานมานี้เอง

n9

4. Instagram มีการใช้ Hashtags ต่อโพสมากสุดถึง 9 Hashtags

ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาInstagram เปิดตัวแทป Explore ซึ่งมีการรวมแฮชเท็ก “Hashtags” ที่นิยมเข้าด้วยกัน ซึ่งจะคล้ายกับทาง Twitter เช่นกัน เพียงแต่ทางInstagram มีการอนุญาตให้ใช้แฮชแท็กมากที่สุดถึง 9 Hashtags มากกว่า Twitter ที่ยังคงจำกัดตัวอักษร

เป้าหมายเพื่อต้องการให้ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่จะเริ่มต้นด้วยการสนทนาในสิ่งที่สนใจ “ชอบ” และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพถ่ายที่นอกเหนือไปจากการอัปโหลดรูปภาพและวิดีโอของตัวเอง

n10

 

ทาง ThaiSMEsCenter.com  มองว่าการเข้าถึงข้อมูลของผู้คนเป็นจำนวนมากแบบปัจจุบันทันด่วน เสมือนเป็นขุมทรัพย์ที่นักการตลาดต้องการเป็นอย่างยิ่ง ขึ้นอยู่ที่เครื่องมือที่จะใช้มากกว่าที่อยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตามขอเป็นกำลังใจกับผู้ประกอบการทุกๆท่านซึ่งกำลังใช้เครื่องมือดังที่กล่าว หรือกำลังมองหาธุรกิจ สุดท้าย.. ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือ แต่อยู่ที่ความต่อเนื่องของการทำการตลาดมากกว่าคะ

 

ที่มา: http://www.adweek.com/news-gallery/technology/4-times-facebook-and-twitter-copied-each-other-2015-168786

 

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต