ข้าวกล่อง 7–Eleven สีแดง-ดำ-ขาว ต่างกันอย่างไร?

เมื่อ 7-Eleven แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ในแต่ละวันเราอาจใช้บริการ 7-Eleven มากกว่าวันละครั้ง หนึ่งในสินค้าขายดีที่ www.ThaiSMEsCenter.com เห็นชัดเจนคือบรรดาข้าวกล่องและอาหารพร้อมทานต่างๆ

ซึ่งบางทีด้วยความที่คุ้นชินจนเราไม่สังเกตเลยว่าแท้ที่จริง “ ข้าวกล่อง 7-Eleven ” เหล่านี้มีสีที่แตกต่างกันคือ แดง-ดำ-ขาว ทีนี้ก็เกิดเป็นเรื่องน่าสงสัยว่าเป็นข้าวกล่อง 7-Eleven เหมือนกันแต่ทำไมสีต่างกันมีที่มาที่ไปของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ลองมาหาคำตอบพร้อมกัน

ความแตกต่างของ ข้าวกล่อง7 –Eleven สีแดง-ดำ-ขาว?

ข้าวกล่อง

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนคือปัจจุบัน (2565) สาขาร้าน7-Elevenทั่วประเทศมี 13,660 แห่ง แบ่งเป็นต่างจังหวัดสัดส่วน 57% และกรุงเทพฯ 43% มีลูกค้าใช้บริการรวมประมาณ 11 ล้านต่อวัน แต่เฉลี่ยรายสาขาอยู่ที่ 928 คนต่อวันต่อสาขา และยอดใช้จ่ายอยู่ระดับ 82-84 บาท/บิล

ซึ่งกลยุทธ์ด้านการตลาดของ 7-Eleven ในหมวดหมู่อาหารเน้นการนำเสนอสินค้าประเภทอาหารแบบครอบคลุมตั้งแต่ของทานเล่น มื้อหลัก และของหวาน ทั้งที่เป็นอาหารแช่แข็งและแช่เย็น จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในแต่ละวันได้

โดยเฉพาะบรรดา “ข้าวกล่อง” ที่มีหลากหลายเมนูให้เราเลือกซื้อได้ตามต้องการทั้งข้าวผัด , กระเพราหมูสับ , ผัดซีอิ๊ว , ข้าวไก่กระเทียม , สปาเก็ตตี้ เป็นต้น อาหารแต่ละเมนูอยู่ในกล่องที่มีสีต่างกันซึ่งมีความแตกต่างดังนี้

1.แหล่งผลิตที่ต่างกัน
-“ข้าวกล่องสีแดง”

ผลิตโดย บริษัท ซีพีแรม (cpram) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ CP ALL ทำหน้าที่ในการผลิตและจัดจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน และเบเกอรีอบสด ส่งตรงให้กับร้าน 7-Eleven โดยกระบวนการผลิตข้าวกล่องของซีพีแรมนั้น จะใช้กระบวนการผลิตอาหารสด แล้วแพคในภาวะปลอดเชื้อมีกำลังการผลิตอาหารพร้อมรับประทาน 1.4 ล้านถาดต่อวัน ในจำนวนนี้ กว่า 90% ป้อนให้กับเซเว่น อีเลฟเว่นที่เหลือเป็นการส่งขายไปยังต่างประเทศ

-“ข้าวกล่องสีดำ”

ผลิตโดย ซีพีเอฟ (CPF) ในเครือ CP ALL  เน้นการผลิตอาหารสดส่งให้ 7 –Eleven  มีหลายแบรนด์ที่รู้จักกันดีเช่น Ezy Choice และ Ezy GO จัดจำหน่ายครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ มีปริมาณขายรวม 116 ล้านกล่องต่อปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,040 ล้านบาท โดยในประเทศมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 80% และต่างประเทศมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 20%โดยกระบวนการผลิตจะแพคสินค้าและนำไปนึ่งฆ่าเชื้ออีกรอบก่อนจัดส่ง

-“ข้าวกล่องสีขาว”

เป็นกลยุทธ์ของ7-Eleven ในการนำเมนูขายดี มา Level up จากถาดแดง และถาดดำ ด้วยการเพิ่ม Value บางอย่างเข้าไป เช่น เพิ่มปริมาณเนื้อสัตว์ เพิ่มปริมาณบรรจุ เพิ่มความจัดจ้านของรสชาติ เพื่อให้อร่อยมากขึ้น และจำหน่ายในราคาสูงขึ้น

2.อายุในการเก็บรักษา(shelf life)ต่างกัน

โดยข้าวกล่องสีแดงที่เป็นอาหารสดใหม่มากที่สุดเก็บไว้ได้ 3-4 วัน ส่วนข้าวกล่องสีดำที่เป็นกลุ่มอาหารแช่เย็น เก็บได้นานประมาณ 7 วัน  ซึ่งทั้ง 2 สีคือแดงและดำ จะต้องเก็บภายใต้อุณหภูมิประมาณ 2-6 องศาเซลเซียส และสำหรับข้าวกล่องสีขาวคือข้าวกล่องที่เก็บได้นานมากที่สุดคือ 6 เดือนเพราะเป็นอาหารแช่แข็ง แต่ก็มีเงื่อนไขว่าต้องเก็บภายใต้อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส

3.เมนูขายดีของข้าวกล่องเเต่ละสี

เริ่มจากข้าวกล่องสีแดง เมนูฮิตที่สุดคือ “กระเพราหมู” ที่มีปริมาณการใช้กระเพรามากว่า 1ตันต่อวัน ถัดมาคือข้าวกล่องสำดำที่มีเมนูเด่นคือข้าวผัดไก่เกาหลี / สปาเกตตี้ ที่ขายดีมาก และสุดท้ายคือข้าวกล่องสีขาวที่มีเมนูยอดฮิตคือ ข้าวผัดปู ทั้งนี้เมนูข้าวกล่องทั้ง 3 สีรวมกันมีไม่ต่ำกว่า 30 เมนูเลยทีเดียว

อนาคตอาจได้เห็น “เมนูข้าวกล่องเพื่อสุขภาพ”

ปัจจุบันกระแสรักสุขภาพและรักษ์โลก กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้อาหารประเภท Plant Based Food หรือ อาหารที่ทำมาจากพืช ผัก ผลไม้ เน้นใช้โปรตีนจากพืช ข้อมูลระบุว่ามูลค่าตลาดของ Plant Based Food นั้นมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องคาดว่าในปี 2030 จะมีมูลค่าประมาณ 5,300,000 ล้านบาท

และแน่นอนว่า 7-Eleven ที่มุ่งมั่นและต้องการจะเป็นมากกว่าแค่ร้านสะดวกซื้อ ที่ได้มีการพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ามาต่อเนื่องย่อมไม่พลาดที่จะก้าวตามในเรื่องนี้ แม้ในปัจจุบันเราจะเห็นเมนูเพื่อสุขภาพขายใน 7-Eleven กันบ้างแต่คาดว่าในอนาคตจะยิ่งมีมากขึ้น

ทั้งกลุ่มอาหารเจ อาหารวีแกน อาหารมังสวิรัติกับนม อาหารมังสวิรัติกับไข่ อาหารมังสวิรัติกับนมและไข่ เป็นต้น และจากความได้เปรียบทั้งในเรื่องกำลังการผลิต แหล่งวัตถุดิบ การบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำจึงเชื่อได้ว่าหากกระแสของ Plant Based Food ยิ่งมาแรงเราจะได้เห็นเมนูข้าวกล่องเพื่อสุขภาพให้เลือกรับประทานได้อีกหลายเมนูใน 7-Eleven

จากการบริหารงานอย่างมืออาชีพและวิสัยทัศน์ด้านการตลาดที่ดีเยี่ยมจึงไม่น่าแปลกใจที่ 7-Eleven จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจค้าปลีกที่ยังจะครองใจคนไทยทั่วประเทศได้อีกยาวนาน รวมถึงการขยายสาขาที่จะเพิ่มมากขึ้นพร้อมการปรับรูปแบบการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนได้ทุกยุคสมัย


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3jrAkP6

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด