5 วิธีเทรนเนอร์ สร้างให้คน อยากทำงานเป็นทีม

ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งภายในองค์กร หรือแม้แต่ในการทำธุรกิจที่ต้องมี ทีมงาน มีลูกน้อง นั้นคือการไม่ร่วมมือกันทำงานส่งผลให้เกิดความเสียหายและทำให้ประสิทธิภาพของการทำธุรกิจนั้นเติบโตไม่เต็มศักยภาพ

โดยเฉพาะ ความคิด ของใครหลายคน ที่มองว่าการทำงานตัวคนเดียวจะดีกว่าการทำงานเป็นทีมโดยกล่าวอ้างเหตุผลนานาประการที่สุดท้ายแล้วก็จะปฏิเสธการทำงานในลักษณะทีมซึ่งเป็นเรื่องอันตรายที่ธุรกิจทั้งหลายต้องแก้ไขโดยเร็ว

และในฐานะที่เจ้าของกิจการเองมีส่วนสำคัญในการกำหนดบทบาทและโครงสร้างการทำงาน ก็ควรให้ทักษะของการพูดในการโน้มน้าวใจและชี้ให้เห็นข้อดีของการทำงานเป็นทีม

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com ได้รวบรวมความรู้มาให้คนที่ต้องทำหน้าที่เป็นเทรนเนอร์หรือสอนคนในองค์กรให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีมว่าดีกว่าการทำงานตัวคนเดียวอย่างไร

ทั้งนี้เหล่าเทรนเนอร์เองก็ต้องรู้จักการวิเคราะห์แนวทางของปัญหาเพื่อจะสร้างหัวข้อในการนำเสนอได้อย่างตรงประเด็นเพื่อทำให้การสื่อสารมีคุณภาพและสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในองค์กรได้ดีขึ้น

1.หาสาเหตุของการทำงานคนเดียว

อยากทำงานเป็นทีม

ก่อนที่จะเทรนด์ให้คนในองค์กรรู้จักการทำงานเป็นทีมว่าดีและมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ผู้เป็นเทรนเนอร์ต้องวิเคราะห์ปัญหาที่ทำให้บางคนชอบการทำงานแบบตัวคนเดียว โดยต้องวิเคราะห์ว่าปัญหาที่เขามีคืออะไรถึงทำให้ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ได้ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของความคิด ความรู้สึก

เช่น คิดว่าตัวเองเก่งกว่า หรือรู้สึกว่าคนอื่นทำงานได้ดีไม่เท่าตัวเอง รวมถึงความคล่องตัวที่มักถูกใช้เป็นข้ออ้างเสมอๆ ยังไม่รวมเรื่องปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงาน ทั้งหมดนี้คนเป็นเทรนเนอร์ต้องพยายามหาเหตุผลให้ได้เพื่อให้แก้ไขและแนะแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

2.ชี้ให้เห็นข้อดีของการทำงานเป็นทีม

15

คงไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ดีกว่าการชี้ให้เห็นถึงด้านบวก โดยเฉพาะเรื่องการทำงานเป็นทีมที่คนเป็นเทรนเนอร์สามารถรวบรวมเอาข้อดีของการทำงานเป็นทีมมาเป็นหัวข้อในการบรรยายให้พนักงานได้มองเห็นคุณค่า

ได้มองเห็นประสิทธิภาพว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงการพูดเพื่อให้พนักงานผ่อนคลายและสบายใจกับการทำงานเป็นทีมที่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายใดๆ ยิ่งถ้ามีการยกตัวอย่างหรือทำให้พนักงานมองเห็นภาพควบคู่การอธิบายก็จะยิ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น

3.นำมาปฏิบัติจริงอย่างไร

18

ทั้งนี้เมื่อสามารถอธิบายให้พนักงานได้มองเห็นความสำคัญและชี้ให้เห็นประโยชน์ของการ ทำงานเป็นทีม ได้เรียบร้อยสิ่งสำคัญที่สุดคือการนำสิ่งที่เรียนรู้เหล่านั้นมาฝึกปฏิบัติให้ใช้งานได้จริง ทั้งนี้ถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานโดยบางคนอาจเก่งทฤษฏีแต่พอปฏิบัติจริงก็จะมีปัญหาแตกต่างกันไปทำให้ไม่เกิดผลได้เต็มที่การลงมือปฏิบัติคือการเรียนรู้ปัญหาร่วมกันในอีกมิติหนึ่ง

รวมถึงเป็นการหาทางออกในปัญหาที่เกิดขึ้นจริงระหว่างการทำงานเพื่อให้แก้ไขและสร้างความเข้าใจร่วมกันได้ง่ายขึ้น เป็นกลยุทธ์สำคัญของการเป็นเทรนเนอร์ที่ไม่ใช่จะดีแค่เนื้อหาแต่ต้องให้ลงมือปฏิบัติจริงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับรู้ถือเป็นก้าวแรกของการทำงานเป็นทีมที่ดีด้วย

4.สร้างแรงจูงใจให้รู้สึกคล้อยตาม

17

การใช้เนื้อหาที่เน้นเรื่องราวประกอบนั้นเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะในการสร้างแรงจูงใจให้คนรู้สึกอยากจะทำตาม ทั้งนี้เทรนเนอร์ที่ดีก็ต้องมองหาวิธีการที่เหมาะสมที่จะกระตุ้นให้พนักงานได้เห็นดีด้วยกับแนวคิดที่นำเสนอ

โดยอาจหาข้อมูลเรื่องการสร้างแรงจูงใจได้จากสื่อทางโซเชี่ยลทั้งบทเพลง คลิปวีดีโอ ที่มีอยู่จำนวนมากหากเราสร้างแรงจูงใจได้แล้ว ความสำเร็จในการทำงานเป็นทีม ก็จะเริ่มปรากฎให้เห็นทีละน้อย พนักงานจะเริ่มมีความเห็นคล้อยตาม จนมองเห็นข้อดีของการทำงานเป็นทีม นั้นก็เท่ากับว่าการจูงใจของเรานั่นเริ่มได้ผลเป็นที่เรียบร้อย

5.ถามความรู้สึกของพนักงาน

20

เมื่อเราได้กระตุ้นความรู้สึกของพนักงานแล้ว สิ่งหนึ่งที่เทรนเนอร์มักมองข้ามไปไม่ได้ คือ การถามความรู้สึก โดยควรถามว่าหลังจากที่ได้ฟังไปแล้ว เขารู้สึกอย่างไร พอจะให้ความร่วมมือได้หรือไม่ หรือไม่เช่นนั้น เทรนเนอร์อาจจะถามคำถามอื่น เช่น รู้สึกอย่างไรหากการทำงานเป็นทีม จะทำให้เราสามารถทำงานได้เร็วขึ้น หากเราสามารถทำงานได้เร็วขึ้น เราจะรู้สึกอย่างไร เป็นต้น

คำถามเหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกให้อยากทำตาม และให้ความร่วมมือมากขึ้น แม้ว่าวิธีการจะไม่ได้เกิดผลในทันที แต่อย่างน้อยก็จะทำให้พนักงานนึกได้ว่ามีวิธีการนี้อยู่ หากจะนำมาปรับใช้เมื่อไรก็ย่อมทำได้ เพราะเคยมีคนชี้นำแนวทางไว้แล้ว

จะเห็นได้ว่าปัญหาของคนที่ชอบทำงานคนเดียวไม่ใช่ว่าเขาจะปฏิเสธการทำงานเป็นทีมแต่บางครั้งอาจเกิดมาจากความมั่นใจมากเกินไปหรือบางครั้งก็เกิดจากความไม่มั่นใจว่าจะทำงานร่วมกับคนอื่นได้หรือไม่

คนที่เป็นเทรนเนอร์ต้องมองปัญหาเหล่านี้ให้ลึกซึ้งเพื่อสร้างเนื้อหาในการนำเสนอที่ตรงประเด็นและชัดเจน รวมถึงการใช้ทักษะในการพูดที่ดีนอกจากนี้ควรมีประเมินผลหลังการนำเสนอเพื่อดูว่าสิ่งที่ได้สื่อสารออกไปนั้นใช้ได้ผลดีกับผู้ที่เข้ารับการอบรมหรือรับฟังได้แค่ไหน

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด