Starbucks จับมือ WeChat ลุยตลาดกาแฟประเทศจีน

Starbucks ได้ชื่อว่าเป็น ธุรกิจกาแฟ ระดับพรีเมี่ยมที่ตีตลาดไปทั่วโลกนับรวมสาขาได้ไม่ต่ำกว่า 21,000 สาขาใน 62 ประเทศทั่วโลกอีกทั้ง Starbucks ยังมีแผนการตลาดที่จะขยายธุรกิจไปในประเทศที่มีศักยภาพนั้นก็รวมถึงประเทศจีนที่ว่ากันว่าการทำตลาดในประเทศนี้ค่อนข้างยากและมีอัตราความเสี่ยงสูง

แต่ทว่าจากข้อมูลที่ผ่านมาถือว่า Starbucks ในประเทศจีนทำได้ดีกว่าที่คาดโดยมีการครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 75% เมื่อปี 2558 นำหน้าคู่แข่งอย่าง แมคโดนัลด์และ Costa Coffee ของบริษัท ไวท์เบรด ร้านกาแฟสัญชาติอังกฤษที่มีส่วนแบ่งการตลาดตามมาห่างประมาณ 9 % กว่าๆเท่านั้น

และแม้ว่า Starbucks จะดูแข็งแกร่งและมีแผนจะขยายสาขาให้ครบ 5,000 แห่งในปี 2021 หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดของ Starbucks คือการร่วมมือและเป็นพันธมิตรกับธุรกิจอื่นที่เข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าหนึ่งในนั้นคือการจับมือกับ WeChat ที่ถือว่าเป็นก้าวย่างสำคัญที่ทำให้ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตขึ้นมาก

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าสิ่งเหล่านี้คือวิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่สำคัญและนักธุรกิจเมืองไทยที่กำลังก่อร่างสร้างตัวควรศึกษาไว้เพื่อเป็นแนวทางในการขยายกิจการให้เติบโตได้เช่นกัน

จุดแข็งการตลาดของ WeChat

ธุรกิจกาแฟ

WeChat เป็นหนึ่งในแอพการสื่อสารที่โตเร็วที่สุดในโลกด้วยผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลก WeChat ทำให้ผู้ใช้ได้มีวิธีการที่สนุกในการเอาการส่งข้อความ การสื่อสารในสังคม และเกมมารวมเป็นประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ

ด้วยความเป็นส่วนตัวสูงและการตั้งค่าความปลอดภัยที่สามารถทำได้ตามต้องการของตน WeChat ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมได้ด้วยตนเองไม่ว่าจะเป็นการแชร์เสียง วิดีโอ รูปภาพ และข้อความผ่านทางเครือข่าย WeChat ผ่านทาง Official Accounts และเป็นเครือข่ายยอดนิยมของชาวจีนที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 846 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งการจับมือลุยตลาดกันในครั้งนี้คาดว่า

Starbucks จะเข้าถึงตลาดผู้บริโภคชาวจีนได้แบบก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ในความร่วมมือดังกล่าวก็ก่อให้เกิดเป็นแนวทางของกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจ 5 ประการที่นับว่าเป็นการเดินเกมส์ของผู้นำการตลาดที่ต้องการทิ้งห่างคู่แข่งให้มากขึ้นและต้องการสร้างฐานธุรกิจให้สำเร็จตามเป้าที่ตั้งไว้ด้วย

1.สร้างกิจกรรมให้ธุรกิจมีสีสันน่าสนใจ

rt12

ผู้ใช้ WeChat จะได้เห็น 2 ทางเลือกในร้าน Starbucks บนแอป ได้แก่การมอบของขวัญให้เพื่อนในรูปบัตรกำนัลหรือเครื่องดื่มแบบกำหนดโดยลูกค้าสามารถเลือกเครื่องดื่มได้ 6 แบบ บนอีการ์ด 6 สไตล์ ซึ่งราคาเริ่มต้นของเครื่องดื่มนั้นต่ำสุดเริ่มที่ลาเต้หรือคาปูชิโน 31 หยวน(ประมาณ 158 บาท) และจะได้บัตรกำนัลราคาระหว่าง 50-500 หยวน (ประมาณ245-2,450 บาท)

โดยผู้สนใจสามารถชำระเงินแบบรวดเดียวจบผ่านบริการ WeChat Wallet ซึ่งลูกค้าสามารถส่งข้อความพร้อมบัตรของขวัญนี้ถึงเพื่อนได้ทันทีเมื่อจ่ายเงินแล้วซึ่งความนิยมการมอบของขวัญผ่านดิจิทัลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

2.สร้างภาพลักษณ์ของ Starbucks ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

rt13

การร่วมมือกันในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเข้าถึงผู้บริโภคที่มากขึ้นเท่านั้นแต่ยังส่งเสริมภาพลักษณ์ของธุรกิจอย่าง Starbuck ให้ดูดียิ่งขึ้นในสายตาของคนจีนเนื่องด้วยนี่คือประเทศที่มีวัฒนธรรมยาวนานผู้คนส่วนมากยังยึดติดกับธรรมเนียมเดิมและไม่ยอมรับสินค้าที่มาจากต่างชาติ

การที่ WeChat ได้เข้ามาร่วมมือก็ทำให้มุมมองนั้นเริ่มเปลี่ยนไปประกอบกับการสนับสนุนให้คนจีนได้มีโอกาสส่งต่อความรู้สึกดีต่อกันพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าในทุกที่ทุกเวลา จึงถือเป็นการยกระดับของStarbucks Experience ที่มากกว่าการเป็นแค่ร้านรีเทล์ธรรมดาในประเทศจีน

3.เพิ่มพลังในการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน

rt15

พูดถึงเรื่องตัวเลขในการเข้าถึงก็เป็นคีเวิร์ดที่โดดเด่นของการจับมือในครั้งนี้โดยเป้าหมายสำคัญของ Starbucks ที่ใช้ระบบการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนของ WeChat นั้นมีเป้าหมายในการขยายสาขาที่มีอยู่จากเดิม 2,500 สาขาใน 118 เมืองทั่วประเทศนจีน

ให้เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 แห่งภายในปี 2021 แต่ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นในสัดส่วนดังกล่าวก็ยังถือเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของ Starbucks ในสหรัฐอเมริกาที่มีสาขากว่า 12,900 แห่งเลยทีเดียว

4.ยกระดับการบริการสู่สังคมไร้เงินสดในอนาคต

rt17

ทาง Starbucks จะแนะนำการใช้ WeChat Pay สำหรับการซื้อสินค้าเพื่อยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้า ประสบการณ์การจ่ายเงินดิจิทัลโดยไม่ใช้เงินสดนั้นทำให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อสินค้าและบริการจากมือถือ

และเป็นวิธีการจ่ายเงินที่ได้รับความนิยมในจีน โดยมีผู้ใช้กว่า 300 ล้านคนเชื่อมบัตรเครดิตของตัวเองกับ WeChat หรือ QQ ซึ่งเป็นการปูทางสู่สังคมไร้เงินสดในการทำธุรกิจที่เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นด้วย

5.Starbucks พร้อมขยายธุรกิจด้วยการจับมือพันธมิตรมากขึ้น

rt16

และนอกจากการร่วมมือกับ WeChat แล้ว ทาง Starbucks ยังได้พัฒนาความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้ต่อเนื่องด้วยการจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ต่อเนื่องนั้นรวมถึง Tencent ยักษ์ใหญ่ไอทีของประเทศจีนที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพในการทำธุรกิจของ Starbucks ให้มีคุณภาพได้มากขึ้น

ซึ่งแน่นอนว่าการร่วมมือกับหลายธุรกิจเช่นนี้ย่อมต้องมีกิจกรรมการตลาดและแนวทางการขยายธุรกิจที่เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น นั้นเป็นการส่งสัญญาณว่า Starbucks เต็มที่และจริงจังกับการทำธุรกิจที่พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตในแบบไร้ขีดจำกัด

ในฐานะที่ Starbucks คือแบรนด์ระดับโลกวิธีคิดอ่านทางการตลาดจึงต้องยิ่งใหญ่เป็นเรื่องธรรมดาแต่ในฐานะที่เรายังเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือไม่มีเงินทุนมหาศาลเช่นนั้นเราก็มีวิธีต่อสู้แบบคนตัวเล็กที่พร้อมจะเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการที่จะต้องวางแผนการตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคและต้องรู้จักผสมผสานการใช้เทคโนโลยีอันเป็นพัฒนาการสำคัญที่สังคมกำลังมีการเปลี่ยนแปลง หากเราเข้าถึงเข้าใจและก้าวตามเทรนด์ของตลาดได้ทันธุรกิจนั้นก็ยังมีความหวังในการเติบโตแม้ทิศทางเศรษฐกิจจะยังไม่เป็นใจแต่เราก็ทำธุรกิจให้อยู่รอดได้หากว่าเราตั้งใจที่จะทำจริงๆ

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก goo.gl/4aV872

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด