Tenant Mix คืออะไร? การออกแบบในสเกลห้าง
วันนี้ขอแชร์เรื่องที่หลายๆคนอาจจะเคยได้ยิน แต่อาจจะไม่รู้มากนัก เพราะเป็นการออกแบบในสเกลที่ใหญ่ครับนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า Tenant Mix
การออกแบบในสเกลห้างเลยนั้น เราต้องมีส่วนผสมของร้านค้าที่หลากหลาย ที่เราเรียกว่า Tenant Mix เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญหนึ่งที่เป็นเหตุผลที่ลูกค้าจะเดินทางมาห้างนั้นๆ
และสำคัญอีกอย่างคือ เราต้องมีแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าของเราสำหรับห้าง ที่เรียกว่า ต้องมี Magnet เช่น โรงภาพยนต์ หอประชุมใหญ่ ส่วนสรรพสินค้า หรือ ห้องกิจกรรมพิเศษต่างๆเป็นต้น ซึ่งตรงนี้จะเห็นว่า บางห้าง จะสร้างกิจกรรมพิเศษให้เข้ากันได้กับ concept ของห้างนั้นๆ
โดยร้านย่อยส่วนที่เหลือ ก็จะประกอบไปด้วยความหลากหลายที่ Retail Brand ในบ้านเรานั้น แบ่งง่ายๆเป็น
- Food Retail
- Fashion Retail
- Retail Banking
- Beauty & Hospitalitist
- Specialty Store
- Service
เมื่อได้ดังนั้นแล้ว การจัด Planing ในห้าง ก็จะแบ่งโซน หรือ ผสมร้านค้าต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าที่ได้มาเดินได้มีความหลากหลายและ สนองความต้องการซื้อของลูกค้าได้ครบถ้วน
ทีนี้เราลองมาดูงาน Retail ในแต่ละประเภทครับ
การออกแบบในแต่ละประเภทมีวิธีการที่ต่างกันครับ จากครั้งที่แล้วที่เราพูดถึงเรื่องการออกแบบร้านในห้างจริงๆ อยากให้ท่านผู้ประกอบการ ได้เตรียมไว้สำหรับ พูดคุยกับ ผู้ออกแบบครับ
1.Food Retail
งานด้านการออกแบบร้านอาหารนั้น ต้องเตรียมเรื่องการออกแบบไว้เยอะครับเพราะ มีระบบที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก ทั้งการใช้งานในร้านก็ค่อนข้างที่จะมีรายละเอียดจริงๆแล้ว ประเภทของอาหารมีผลกับงานออกแบบค่อนข้างมาก
เช่น ร้านอาหารเเบฟาสฟู้ด ควรออกแบบอย่างไร พฤติกรรมคนเป็นแบบไหน ซึ่งจะแตกต่างจากร้านอาหารที่เสริฟโดยบริกรอย่างชัดเจนการจัดที่นั่ง การจัดทางเดิน และการจัดบรรยากาศ ล้วนมีผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลของแบรนด์ครับ
2.Fashion Retail
การออกแบบร้านแฟชั่นนั้น มีเรื่องของการ Display มาเกี่ยวข้องต้องคำนึงถึงคือเรื่อง Visual Merchandise เป็นอย่างมาก Visual Merchandise ก็คือ การออกแบบกับการจัดวางสินค้าเพื่อให้สินค้านั้นๆเป็นที่น่าสนใจกับลูกค้ามากที่สุดซึ่งตรงนี้ จะมีรายละเอียดพอสมควร เกี่ยวข้องทั้งเรื่อง สี ทรง คอลเลคชั่น ของสินค้ามากครับเอาไว้กล่าวในรายละเอียดในโอกาสหน้า
3.Retail Banking
เป็นบริการในยุคใหม่ที่ธนาคารซึ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ เปิดเพื่อรองรับลูกค้าได้มากขึ้นเราจะสังเกตเรื่องการ Corporate Identity ในส่วนของการออกแบบ Retail Banking ได้ชัดเจนมาก ดังตัวอย่างที่เคยยกมาก่อนหน้านี้ครับ
4.Beauty & Hospitalitist
เดี๋ยวนี้ สถาบันความงาม หรือเเม้กระทั่งเครือแบรนด์โรงพยาบาลต่างๆ ทำการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น เราจะเห็นร้านค้าย่อยที่ให้บริการด้านสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความงามเยนอะมากครับ
ถ้าสังเกตเราจะเห็นว่า แบรนด์ก็มีผลกับการออกแบบRetailในส่วนนี้เช่นกันการวางตำแหน่งของแบรนด์มีผลกับรูปแบบการตกแต่งอย่างมาก จะหรูหรา หรือ คุ้มค่า ก็อยู่ที่ท่านผู้ประกอบการกำหนดครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น การออกแบบในส่วนนี้ควรจะต้องเน้นความน่าเชื่อถือครับ
5.Specialty Store
ร้านค้าในแบบนี้ ส่วนหนึ่งเป็น Magnet สำหรับห้างได้ครับ เพราะส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่มาก และ มีสินค้าที่เฉพาะเจาะจง ที่ลูกค้ามักจะเจาะจงมาซื้อหรือใช้บริการอยู่แล้ว
การออกแบบร้านประเภทนี้ การวางผังและ การจัดเรียง SKU ของสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญต้องมีความพอเพียง สะดวกต่อลูกค้า และจะแสดงสินค้าได้อย่างชัดเจน สวยงามและน่าซื้อบางร้านจะมีการจัดแสดงเป็นแบบกึ่งจำลอง เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นว่าสินค้ที่จะซื้อนั้นๆ ใช้ได้จริงอย่างไร
6.Service
อันได้แก่ร้านค้าประเภทอื่นๆ เช่น ร้านทำกุญแจ ร้านวัดสายตาประกอบแว่น เป็นต้นร้านประเภทนี้ มักใช้พื้นที่ไม่มากนักแต่มีความสำคัญเพื่อช่วยเติมเต็มให้บริการลูกค้าได้ครบมากขึ้นจึงมีความสำคัญและขาดไม่ได้ จนถึงต้องมีความหลากหลายของบริการในส่วนนี้ เหมาะกับความต้องการที่หลากหลายมากขึ้นของลูกค้าในปัจจุบัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นธุรกิจในปัจจุบันนั้น ขอบเขตของการบริการและสินค้า กลืนเข้าหากันมากขึ้นทุกทีลูกค้ามีความต้องการที่หลากหลาย ที่ยกตัวอย่างมาเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง
ในความเป็นจริง อาจจะมีMixที่เป็นประเภทอื่นๆอีก เช่น ส่วนIT ส่วนค้าของเก่าหรือพระเครื่องดังนั้น หากเราในฐานะผู้ประกอบการ การออกแบบให้เหมาะสมในแต่ละธุรกิจนั้น สำคัญอย่างยิ่งเพื่อสร้างภาพจำ เพื่อบริหารความคาดหวัง ได้ตรงใจลูกค้าครับ…
ขอขอบคุณรูปภาพ จาก www.facebook.com/EsDesign.RetailAndInterior