“Start up” คือ การขายไอเดีย พร้อมมีกลุ่มทุนผลักดันให้ก้าวสู่ระดับโลก
คำว่า “Start up” ในบ้านเราอาจจะคิดว่าคือการเริ่มต้นทำธุรกิจของคนอายุน้อยที่พร้อมจะต่อยอดไปสู่ความสำเร็จด้วยธุรกิจที่น่าสนใจต่างๆ หลายคนที่เพิ่งเรียนจบไม่อยากทำงานให้ใครจึงหันหน้าสู่เส้นทางของ Start up กันเป็นจำนวนมาก
แต่แท้ที่จริงคำว่า “Start up” ในต่างประเทศนั้นมีสิ่งที่แตกต่างออกไปจากบ้านเราพอสมควรแม้เป็นการเริ่มต้นธุรกิจเหมือนกันแต่เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งสำคัญคือเน้นการขายไอเดียที่ใครคิดแปลกและแตกต่างกว่า นั้นหมายถึงความสำเร็จที่รออยู่ตรงหน้าอย่างมหาศาลทีเดียว
www.ThaiSMEsCenter.com พาทุกท่านไปสู่โลกของ Start up ดูกระบวนการทางความคิดที่ยิ่งใหญ่ว่าทำไมถึงมีความสำคัญและธุรกิจระดับโลกหลายอย่างมีใครบ้างที่ก้าวมาจาก Start up
ภาพจาก goo.gl/6GrJ5y
เรื่องราวของ Start up เริ่มที่ Silicon Valley ซึ่งเป็นพื้นที่ แถวๆซานฟรานซิสโกที่นี่ นับได้ว่าเป็นเมืองหลวงด้านเทคโนโลยีของโลก ถ้ามีใครคิดจะเติบโตในวงการเทคโนโลยีระดับโลก ก็ต้องมาตั้งสำนักงานกันที่นี่ Microsoft ,Apple Google , Facebook , youtube ฯลฯ
ต่างก็มีสำนักงานอยู่กันที่นี่ แม้กระทั่ง Samsung LG หรือบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติใดก็ตามบริษัทด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ เอาชนะกันด้วย นวัตตกรรม ใครมี ผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า บริการที่ฉลาดกว่า ก็เดินต่อได้
แนวทาง Start Up จึงเกิดขึ้นมากมาย เพราะมันคือธุรกิจ ที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน เพราะจะมีคนเสนอตัวมาลงทุนให้ มีบริษัทที่รวบรวมเงิน เพื่อมาให้ทุนแก่ ผู้มีความคิด
ขอแค่ มี ความคิดสร้างสรรค์ดังนั้นนักศึกษาในต่างประเทศจำนวนมากจึงมักตั้งทีมกันสร้างธุรกิจ Start up บางคนเข้ามาเรียนได้เพียงแค่ปีเดียว หรือสองปี ก็ลาออกไปทำงานกันแล้ว
ภาพจาก goo.gl/zACazE
บางคนเวลาเรียนก็มุ่งสร้างงาน start up เป็นหลัก ส่วนการเรียนเป็นรองคือ เรียนไม่จบ ไม่มีปริญญา ไม่เป็นไร ขอให้ ความฝันของตนเอง สำเร็จก็พอจนมหาวิทยาลัยดังๆ
ต้ององเปลี่ยนการสอนให้ทันโลกของนักศึกษาและจากความสำเร็จที่มีคนทำให้เห็นเป็นตัวอย่างก็ยิ่งทำให้คำว่า start up เป็นงานขายไอเดียที่ทุกคนต้องการเจริญรอยตามเป็นอย่างมากเช่น
Mark Zuckerberg
- คือตำนานของ Start Up นี่คือผู้ที่เรียนไม่จบปริญญาตรีแต่สร้าง platform ที่ชื่อ Facebook ทำให้คนทั่วโลกกลายเป็นผู้ทำงานให้กับ Facebook อย่างไม่รู้ตัวด้วยการกด Like กดแชร์ และอื่นๆอีกมากมาย นี่คือแนวคิดที่มีบริษัทมาสานฝันทำให้จากไอเดียเล็กกลายเป็นธุรกิจระดับโลกในระยะเวลาไม่นานนัก
Evan Spiegel และ Bobby Murphy
- กลายเป็นมหาเศรษฐีแสนล้าน ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก จากโครงงาน Snap Chat ในขณะที่ เรียนอยู่ที่ Stanford University และวันนี้ Snap Chat กลายเป็น Mobile app ที่ได้รับความนิยมสูงมากในกลุ่มวัยรุ่น
Garrett Camp
- สร้าง แอพพลิเคชั่น Uber ซึ่งช่วยให้คนเรียกแท็กซี่ได้ง่ายขึ้น กลายเป็นคนที่ทำรายได้ จากธุรกิจขนส่ง มากที่สุดในโลก ทั้งๆที่ไม่มีรถขนส่งของตนเองเลย
Brian Chesky
- สร้างระบบ Airbnb ช่วยคนหาที่พัก และให้คนมีรายได้จากห้องว่าง ทำให้เขา กลายเป็นคนที่ทำรายได้จากธุรกิจโรงแรม มากที่สุดในโลกทั้งๆที่ไม่มีโรงแรมของตัวเองเลย
- และปัจจุบันบริษัทที่พร้อมให้เงินลงทุนใน start up มีมากขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวมาลงทุนแถบเอเซียนี้มากขึ้นเนื่องจากแถวนี้ค่าตัวไม่สูงนักและความคิดสร้างสรรค์ก็มีมากทั้งบริษัทของสิงคโปร์หรือฮ่องกงจึงเริ่มเปิดหา start up กันมากขึ้นเรื่อยๆ
ภาพจาก http://goo.gl/mYMjbh
ส่วนในบ้านเรา AIS Dtac และ TRUE ก็เริ่มเอาจริงเอาจังกับโครงการสานฝันสานไอเดียดีๆเหล่านี้มากขึ้นซึ่งก็มีแนวคิดหลายอย่างที่สามารถระดมทุนสร้างฝันได้จำนวนมาก
เช่น“Ookbee” E-book ไทยระดมทุนได้ 70 ล้านบาท , “Builk” ผู้ให้บริการเครื่องมือบริหาร ธุรกิจก่อสร้างออนไลน์ ที่สามารถระดมทุนได้14 ล้านบาท หรือ“Wongnai Media” แอพพลิเคชันรีวิวร้านอาหาร ได้ไป 35 ล้านบาท
ภาพจาก goo.gl/sRc3UU
ทั้งนี้สิ่งสำคัญในการผลิตไอเดียสร้างสรรค์มีสิ่งสำคัญแค่ 4 ประการคือ
- สิ่งที่เราทำต้อง เป็น นวัตตกรรม คือไม่เคยมีใครทำมาก่อน ถ้ามีคนเคยทำ สิ่งที่เราทำก็ต้องดีกว่า
- ก่อนลงมือ ทำต้องคิดเยอะๆ นำไปให้คนวิพากษ์ เยอะๆ อย่าไปฟังแต่คำชม ให้เก็บคำติ มา ปรับปรุง
- ต้องทุมเท ต้องจริงจัง ต้องมีแผนชัดเจน ถ้าทำไปเรื่อยๆ จะไม่มีทางสำเร็จ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว
- ต้องมีเป้าหมายของความคิดว่าต้องการสร้างประโยชน์ให้กับใคร ฐานลูกค้าอยู่ที่ไหน ที่สำคัญคือทำไมทุกคนจะต้องเปลี่ยนใจมาใช้สินค้าที่เกิดจากแนวคิดของเรา
ทั้งนี้สิ่งที่ดูเหมือนง่ายแค่คิดให้ดี คิดให้ออก แต่แท้ที่จริงต้องมีทักษะและความรู้ประกอบกันอย่างมาก หลายคนจึงพยายามแต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ผล แต่ปลายทางของสิ่งที่ยากคือความสำเร็จที่พร้อมเป็นของคนที่มีความคิดแบบสุดโต่งเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก http://goo.gl/UUYdJp
