SME ขอสินเชื่อ ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน มีชัยไปกว่าครึ่ง

ปัจจุบันการขอกู้เงินจากธนาคารของผู้ประกอบการ SME มีทั้งใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งถ้าหากไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน อาจทำให้การอนุมัติสินเชื่อของธนาคารเป็นไปได้ยาก

หรือเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะธนาคารต้องพิจารณาหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของ SME ถ้าเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ธนาคารจะให้สินเชื่อได้ง่าย เพราะผู้ที่ได้รับสิทธฺแฟรนไชส์ได้รับการพิจารณากลั่นรองจากเจ้าของแฟรนไชส์มาแล้ว

แต่ถ้า SME มีหลักทรัพย์มาค้ำประกันกับทางธนาคาร ก็จะช่วยให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายกว่าการไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะพาท่านผู้ประกอบการ SME ไปว่าถ้าหากจะไปขอสินเชื่อธนาคาร

โดยการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน จะสามารถใช้หลักทรัพย์อะไรบ้างในการค้ำประกัน เพื่อให้ธนาคารอนุมัติเร็วขึ้น โดยอ้างอิงข้อมูลที่มีประโยชน์จากธนาคารกรุงศรี มาดูพร้อมๆ กันเลยครับ

1.ใช้บัญชีเงินฝากเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

SME ขอสินเชื่อ

ขอสินเชื่อวงเงินสินเชื่อรวม 3 แสนบาท – 12 ล้านบาท หากเป็นสินเชื่อวงเงินเบิกเกินบัญชี (O/D) หรือเงินกู้ระยะยาวตั้งแต่ 3-7 ปี (T/L) สามารถใช้บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารมาค้ำประกันเงินกู้ได้

ดอกเบี้ยที่จะได้รับมีตั้งแต่ MRR+2.5% – MRR+3% แล้วแต่ประเภทของสินเชื่อ และดอกเบี้ยอาจปรับขึ้นลงได้ตามการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยนโยบายที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยครับ

อย่างไรก็ตาม หาก SME ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากๆ วงเงินสินเชื่อสูงสุด 20 ล้านบาท ก็สามารถนำบัญชีเงินฝากเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้เช่นกัน

โดยกรณีนี้ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อโดยตรง ทำเรื่องขอสินเชื่อในกรณีพิเศษ หากเป็นเงินกู้วงเงินมากๆ ธนาคารจะถือว่าเราเป็นลูกค้าพิเศษ โดยดอกเบี้ยที่ SME จะได้รับก็คือ MOR+1.25% – MLR+1.50% ขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจการ SME ว่ามีแนวโน้มเติบโตมากน้อยแค่ไหน

2.ใช้ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

rt10

ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ได้แก่ โรงงาน ที่พักอาศัย (บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม) และอาคารพาณิชย์ เป็นต้น โดยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างสามารถนำมาค้ำประกันเงินกู้ SME ได้โดยวงเงินสินเชื่อรวม 3 แสนบาท – 12 ล้านบาท

หากเป็นสินเชื่อวงเงินเบิกเกินบัญชี (O/D) หรือเงินกู้ระยะยาวตั้งแต่ 3-7 ปี (T/L) เมื่อนำสินทรัพย์มาค้ำประกันเงินกู้ ดอกเบี้ยที่จะได้รับมีตั้งแต่ MRR+2.5% – MRR+3% แล้วแต่ประเภทของสินเชื่อ และดอกเบี้ยอาจปรับขึ้นลงได้ตามการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยนโยบายที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

กรณีการขอกู้แบบจุใจ 20 ล้านบาท การใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาค้ำประกัน ก็สามารถยื่นขอกู้ได้เช่นกัน เช่นเดียวกับกรณีแรก หากเป็นเงินกู้วงเงินมากๆ ธนาคารจะถือว่าเราเป็นลูกค้าพิเศษ โดยดอกเบี้ยที่ SME จะได้รับก็คือ MOR+1.25% – MLR+1.50% ขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจการ SME ว่ามีแนวโน้มเติบโตมากน้อยแค่ไหน

3.การเตรียมค่าใช้จ่ายเรื่องค่าธรรมเนียมสำหรับเงินกู้ SME

rt11

ค่าธรรมเนียมครั้งแรกในการจัดวงเงินสินเชื่อนั้น หรือ Front-End-Free นั้นจะสูงสุดไม่เกิน 2% ของวงเงินสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติ (ขั้นต่ำ 20,000 บาท) และเจ้าของธุรกิจ SME ควรเตรียมค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นอันเป็นไปตามประกาศของธนาคาร อย่างไรก็ตาม วงเงินสินเชื่อสูงสุดที่ธนาคารให้ได้ในบางกรณีจะไม่เกิน 3 เท่าของหลักทรัพย์ค้ำประกัน

หมายความว่า หากเราต้องการกู้เงิน 3 ล้านบาท ถ้าเรานำบัญชีธนาคารไปค้ำประกัน เราควรมีเงินสดในบัญชีอย่างน้อย 1 ล้านบาท และที่สำคัญในบางกรณี จะมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันวงเงินสินเชื่อในปีแรกด้วย

หากเราใช้บสย.(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) เป็นผู้ช่วยในการค้ำประกัน โดยเจ้าของกิจการ SME สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้กับทางเจ้าหน้าที่สินเชื่อได้โดยตรง

จะเห็นได้ว่าการเตรียมข้อมูลก่อนไปขอสินเชื่อย่อมได้เปรียบอย่างมาก เพราะหากเราไม่พร้อม และไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์ค้ำประกันได้อย่างถูกต้องครบถ้วน โอกาสที่ SME จะถูกปฏิเสธสินเชื่อก็เป็นไปได้สูง จะทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจไปด้วย

SME สามารถเข้าไปดูสินเชื่อแต่ละประเภทของธนาคารต่างๆ goo.gl/PvVmjA
อ่านบทความ SMEs อื่นๆ goo.gl/3wh2Yo


Tips

  1. ใช้บัญชีเงินฝากเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
  2. ใช้ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
  3. การเตรียมค่าใช้จ่ายเรื่องค่าธรรมเนียมสำหรับเงินกู้ SME

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช