7 ข้อดีของการอ่านหนังสือ ไม่เชื่อลองดู!

ยุคนี้ใครๆก็พูดถึงแต่ เรื่องออนไลน์ ไม่เรื่องการค้าขาย ก็เทคโนโลยีของโลกยุคใหม่ และดูเหมือนว่าโทรศัพท์มือถือจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนยุคนี้เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องผ่านสื่อตัวกลาง เช่นโทรศัพท์แม้กระทั่งการอ่านหนังสือที่สถิติตบอกว่าคนเรามีพฤติกรรมการอ่านที่เปลี่ยนไปชอบอะไรสั้นๆ กระชัด รวดเร็ว เนื้อหาประเภทยืดยาวมักไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก

ทำให้เป็นผลด้านลบที่สะท้อนมาถึงแวดวงของหนังสือที่เมื่อก่อนถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่คนให้ความสนใจมากแต่พฤติกรรมการอ่านที่เปลี่ยนไปทำให้หลายคนหลงลืมข้อดีของการอ่านหนังสือซึ่งจะว่าไปแล้วหนังสือเองก็มีข้อดีในตัวเองอยู่มาก

www.ThaiSMEsCenter.com ต้องการให้ทุกคนปรับความคิดสักเล็กน้อยและลองมองหาหนังสือดีๆสักเล่มไว้อ่านซึ่งข้อมูลจากแพทย์ระบุว่า หนังสือ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยยกระดับจิตใจได้ ในวงการจิตวิทยาเรียกว่ามี Bibliotherapy หรือบรรณบำบัด/วรรณกรรมบำบัด ซึ่งคือการใช้หนังสือบำบัดสภาพจิตโดยใช้หนังสือเป็นสื่อในการเสริมสร้างจินตนาการและความคิด

หนังสือที่นำมาใช้ก็เป็นหนังสือสร้างความจรรโลงใจ อ่านแล้วทำให้เกิดความหวัง ทำให้เบิกบาน และจุดประกายให้ผู้อ่านได้คิดเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น และต่อไปนี้คือข้อดีของการอ่านหนังสือที่บางครั้งเราอาจไม่เคยคิดว่าจะมีข้อดีมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ

1.ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง

เรื่องออนไลน์

โดยหนังสือสามารถกระตุ้นการทำงานของสมอง และช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ โรคสมองเสื่อมเพราะการอ่านจะทำให้สมองต้องทำงานตลอดเวลา ตำราการแพทย์ระบุว่าสมองก็เหมือนกล้ามเนื้ออื่นในร่างกาย ที่ต้องการการบริหาร หากไม่ใช้งานหรือใช้งานน้อยก็ฝ่อเล็กลงได้

2.ผ่อนคลายความเครียด

bb3

บางคนอาจไม่เชื่อว่าหนังสือช่วยบำบัดความเครียดได้และบางคนก็บอกอีกว่าอ่านหนังสือนี่แหละทำให้เครียดกว่าเดิม ซึ่งแท้ที่จริงหากเลือกหนังสือที่ใช่และตรงกับอารมณ์ ณ เวลานั้น

การเลือกหนังสือที่กำลังอยู่ในความสนใจจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุกและดำดิ่งสู่จินตนาการตามเนื้อเรื่อง ทำให้ลืมเรื่องที่กำลังเครียดและรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

3.พัฒนาสมองให้ดีขึ้น

bb5

เป็นแนวคิดที่เชื่อถือได้และก็ได้รับการบอกต่อกันมาแต่โบราณสมัยก่อนเรานิยมให้ลูกหลานอ่านหนังสือเพื่อหวังให้หนังสือนั้นช่วยประเทืองปัญญา ซึ่งหนังสือทุกเล่มมีเนื้อหาที่มีประโยชน์มากน้อยต่างกัน

แต่ไม่ว่าจะเป็นหนังสือประเภทไหน คนอ่านมักจะได้อะไรกลับมาอยู่เสมอ อาจจะเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ความรู้ทั่วไป หรือข้อมูลใหม่ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจ เราอาจหาคู่มือการทำธุรกิจสักเล่มไว้เป็นไกด์ไลน์ให้ตัวเองสงสัยตรงไหนก็เปิดอ่านในตำราก็น่าจะช่วยเริ่มต้นการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดีทีเดียว

4.พัฒนาเรื่องความจำได้เป็นอย่างดี

bb10

หนังสือมีส่วนช่วยพัฒนาความจำ ยิ่งอ่านเรื่องราวซับซ้อนหรือนวนิยายที่มีตัวละครเยอะๆ ก็ยิ่งต้องใช้สมองในการจดจำ ทุกครั้งที่เราสร้างหน่วยความจำขึ้นมาใหม่ เป็นการกระตุ้นการทำงานของสื่อประสาทในสมอง ทำให้สื่อประสาทเหล่านี้แข็งแรงขึ้น นำไปสู่การมีความจำที่ดี

5.เสริมทักษะในกระบวนการความคิด

bb9

การหนังสือเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วยเพิ่มพูนทักษะการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ คนที่เคยอ่านนวนิยายสืบสวน สอบสวนจะนึกภาพออกว่าเวลาอ่านเราจะลุ้น จะคาดเดาว่าเรื่องจะจบอย่างไร

แต่ถึงไม่ใช่นวนิยายประเภทนี้ เมื่ออ่านหนังสือแต่ละเล่มเราก็จะตัดสินเองว่า เรื่องนี้สนุกระดับไหน เป็นการวิเคราะห์ที่บางทีเราทำโดยอัตโนมัติ

6.ทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น

bb8

แน่นอนว่าหนังสือทำให้มีสมาธิขึ้น ในโลกของอินเทอร์เน็ต เราอาจถูกถล่มจากข้อมูลที่เข้ามาทุกช่องทาง ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องรีบๆ ลนๆ ทำอะไรหลายอย่างในคราวเดียว

แต่การอ่านหนังสือจะทำให้เราจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ถึงขั้นจมดิ่งอยู่กับสมาธิ ไม่ต้องใช้เวลาเป็นวันๆ แค่ 15-20 นาที หากใครไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นจริงให้ลองหาหนังสือดีๆที่เราสนใจและลองอ่านดูจะรู้ว่าโลกของหนังสือนั้นน่าสนใจแค่ไหน

7.พัฒนาทักษะการสื่อสารให้ดีขึ้น

bb11

หนังสือทำให้ทักษะการสื่อสารดี บางคนประสบปัญหาสื่อสารผ่านการเขียนล้มเหลวเพราะเขียนวกไปวนมาจนจับใครความไม่ได้ คนที่ชอบอ่านหนังสือมีแนวโน้มจะสะสมคำศัพท์ และไม่อับจนถ้อยคำ เขียนแล้วคนรับสารเข้าใจตรงกัน ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อ

บางคนบอกว่าการเขียนไม่ใช่เรื่องยากแต่บางคนจะเขียนบทความให้คนอ่านเข้าใจนั้นกลับทำไม่ได้เนื่องด้วยไม่รู้จักการเรียบเรียงเนื้อหา ซึ่งหนังสือจะช่วยพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้ดีที่สุด

จะเห็นได้ว่าแม้โลกยุคใหม่จะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดแต่หนังสือก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นต้องมีอยู่ คนที่ไม่เคยสัมผัสกับการอ่านหนังสือย่อมไม่อาจประสบความสำเร็จได้เท่าที่ควร

ข้อดีของหนังสือแท้ที่จริงอาจจะมีมากกว่านี้เพียงแต่บางครั้งเรามองข้ามหรือว่าไม่สนใจที่จะอ่านเพราะคิดว่าไม่มีความสำคัญอยากรู้อะไรก็เข้าอินเทอร์เนต ลองเปลี่ยนความคิดที่ว่านี้หยิบจับหนังสือสักเล่ม แล้วเชื่อเถอะว่าสมองของเราจะถูกพัฒนาได้อีกมากทีเดียว

หาซื้อหนังสือออนไลน์ได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/eShop

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด