3 ไลฟ์สไตล์การอ่านกับวิธีสร้างContent ให้เข้ากับยุคสมัย

ยุคสมัยที่อะไรต่อมิอะไรก็พูดถึงแต่คำว่า ดิจิตอล แสดงให้เห็นถึงบทบาทของเทคโนโลยีที่มีผลต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ดังนั้นทุกเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้แนวทางการตลาดนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่ผู้คนต้องการ การสร้างคอนเท้นต์ให้กับโฆษณาก็เช่นกันใช่แต่จะนึกถ้อยคำที่สลวยสวยหรูเพียงอย่างเดียว

ต้องรู้จักให้สัมพันธ์กับเวลาและช่วงเวลาที่กลุ่มผู้บริโภคเลือกดู ฟังแล้วเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากแต่ในความเป็นจริงแล้วไลฟ์สไตล์ในการอ่านคอนเทนต์ของคนยุคนี้มีแค่ 3 แบบเท่านั้นอยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้ให้เหมาะสมได้อย่างไร

www.ThaiSMEsCenter.com จึงได้นำบทความนี้มาเป็นไกด์ไลน์นำเสนอให้เห็นมุมมองของการสร้างคอนเทนต์ที่ได้ประโยชน์กับธุรกิจมากที่สุด

Content ที่ดีจะดึงคนดูให้สนใจได้

ดิจิตอล

นักการตลาดที่ดีจะต้องไม่ทำให้ข้อความโฆษณาทั้งหลายกลายเป็นการรบกวนแต่ต้องทำให้เขาสนใจสิ่งสำคัญคือการเลือกเนื้อหาและช่วงเวลาที่ถูกต้องก็จะช่วยได้มากการที่วิดีโอยุคนี้มาแรงกับและนักการตลาดเชื่อจากการบอก ๆ ต่อกันมาว่าผู้บริโภคมีความสนใจน้อยกว่า 8 วินาที ทำให้ทุก ๆ คนพยายามจะทำวิดีโอที่มีความยาวแบบสั้น กระชับ

เพื่อดึงดูดผู้บริโภคเอาไว้ หรือมองในอีกแง่มุมหนึ่งคือทำการยัดเยียดเนื้อหาลงมาในเวลาที่จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกไม่รำคาญ แต่หารู้ไม่ว่าด้วยระยะเวลาน้อยแค่ไหน ถ้าเนื้อหามันไม่ใช่ก็ยังไม่ได้ประโยชน์นั้นอยู่ดี

สิ่งหนึ่งที่นักการตลาดต้องเข้าใจคือ ผู้บริโภคต้องการเนื้อหาที่ใช่กับตัวเอง พร้อมกับระยะเวลาต่าง ๆ ที่เหมาะสมในการดูด้วย ซึ่งในต่างประเทศเองยังมีงานวิจัยที่บอกว่า ถ้าเนื้อหาใช่ผู้บริโภคจะดูวิดีโอ 2 นาที มากกว่าวิดีโอที่มีความยาว 15 วินาทีที่ไม่ได้ตรงความต้องการ ทั้งนี้การเข้าใจว่าเนื้อหาอย่างไรที่ใช่ พร้อมสร้างความยาวที่ใช่กับพฤติกรรมการดูนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ

การเข้าใจพฤติกรรมการเสพเนื้อหาในยุคนี้ว่ามีพฤติกรรมแบบไหนนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญรองลงมาจากการทำเนื้อหาที่ใช่ ซึ่งจากการวิจัยของ Facebook พบว่าผู้บริโภคนั้นมีการบริโภคเนื้อหาอยู่ 3 แบบดังนี้ คือ

1. On the go

hh37

พฤติกรรมนี้คือการที่ผู้บริโภคมีเวลาไม่มาก หรืออยู่ในระว่างการเดินทางไปไหนมาไหน ไม่ได้มีความตั้งใจดูส่วนใหญ่ ทำให้วิดีโอเหล่านี้ควรมีความยาวไม่เกิน 15 วินาที เพราะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ที่ผู้บริโภคสามารถถือในมือแล้วเดินไปดูไปในระยะเวลาสั้น ๆ ได้ โดยไม่รบกวนสมาธิในการเดินทาง

ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้ต้องมีความสั้นกระชับ มีความสนุกที่ทำให้นิ้วของผู้บริโภคหยุดดูและสร้างความสนใจตรงกับผู้บริโภคได้ด้วย โดยต้องบอกข้อความที่ต้องการสื่อทั้งหมดให้ได้ภายใน 15 วินาที

เทคนิคในวิดีโอเหล่านี้คือต้องไม่ให้ข้อมูลที่ต้องทำให้ผู้บริโภคต้องมาคิด หรือต้องพิจารณาตัดสินใจ เพราะผู้บริโภคจะไม่มีเวลาคิดเหรือตัดสินใจในตอนนี้ ซึ่งสิ่งที่นักการตลาดและครีเอทีฟทำได้คือการสร้างวิดีโอที่สนุกที่ทำให้ผู้บริโภคจำแบรนด์ได้ รู้จักว่าแบรนด์ทำอะไร เพื่อที่จะดึงดูดให้เกิดความสนใจไปยังเนื้อหาต่อไปได้

2. Laying out

hh36

พฤติกรรมนี้คือการที่ผู้บริโภคมีเวลาว่าง ต้องการผ่อนคลาย หรือมีเวลาต้องการหนีจากอะไรที่เครียด ๆ มีความต้องการที่จะดูวิดีโอในระดับหนึ่ง ซึ่งทำให้วิดีโอนี้ควรมีความยาวไม่เกิน 30 วินาที เป็นวิดีโอที่ง่าย ๆ มีข้อมูลพอทำให้มีความสนใจ คิดและสนุกไปด้วยได้ ไม่ได้เป็นวิดีโอที่ต้องการความเข้าใจมาก ๆ หรือ ต้องใช้สมาธิสูงในการดู

ลองนึกถึงวิดีโอทำอาหาร หรือคลิปสนุก ๆ จากทางบ้าน ที่ทำให้เราดูได้ตอนผ่อนคลายต่าง ๆ ขึ้นมา วิดีโอเหล่านี้จะเหมาะกับการพักสายตาจากงาน หรือเวลาที่อยู่ในร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือขณะเอนหลังในท่านั่งที่เก้าอี้ต่าง ๆ ขึ้นมา การทำวิดีโอเหล่านี้จะต้องมีความพอดีที่ข้อมูลและความสนุกต้องสมดุลกัน เพราะไม่ควรให้เกิดการคิดในข้อมูลต่าง ๆ มาก และต้องดึงดูดให้อยู่กับคลิปได้

3. Intention

ff32

พฤติกรรมที่ผู้บริโภคนั่งจ้องหน้าจอเลย ซึ่งวิดีโอแบบนี้เป็นวิดีโอที่ผู้บริโภคต้องการที่จะดู ค้นหามาเพื่อศึกษา และใช้สมาธิอย่างมากในการดู ทำให้วิดีโอเหล่านี้ต้องมีข้อมูลที่ทำให้เห็นขั้นตอน สอนให้รู้ และทำให้คิดหรือข้อมูลจำนวนมากได้ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการที่ผู้บริโภคต้องการอย่างมากได้

ซึ่งวิดีโอเหล่านี้มักจะเป็นวิดีโอที่ทำให้เกิดการมาเป็นลูกค้าได้ทันทีถ้าตอบโจทย์ หรือเป็นวิดีโอที่จะทำให้ผู้บริโภคกลายมาเป็นคนติดตามแบรนด์ได้ ถ้าวิดีโอเหล่านี้ตอบความต้องการของผู้บริโภคได้ขึ้นมา

โดยมากวิดีโอในรูปแบบนี้จะมีความยาวตั้งแต่ 1 นาทีขึ้นไปจนถึง 3-4 นาทีได้ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งข้อดีที่มีระยะเวลายาวแบบนี้ ทำให้สามารถสร้างสรรค์เรื่องการเตรียมข้อมูลที่จะใส่เหล่านี้ทำได้ง่ายขึ้น แต่ความยากคือการที่จะต้องรักษาคนดูเหล่านี้ให้ดูจนจบได้

ทั้งนี้การเข้าใจพฤติกรรมทั้ง 3 แบบนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะในยุคที่ผู้บริโภคดูเนื้อหาผ่านมือถือนี้ จะทำให้สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาที่ถูกต้อง สามารถส่งไปยังที่ถูกที่ และสำคัญถูกช่วงเวลาในการดูได้ ทำให้ประสิทธิภาพการสร้างสรรค์วิดีโอนั้นจะมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นก่อนจะทำวิดีโอครั้งถัดไปจงลองคิดว่าวิดีโอนั้นจะเข้าไปตอบสนองการดูแบบไหนของผู้บริโภค

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด