10 ข้อควรรู้ก่อนลุยเปิดตลาดการค้าในเวียดนาม

เวียดนาม ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่น่าจับตามองมากที่สุดและถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว หลายสิ่งหลายอย่างในเวียดนามที่เป็นปัจจัยสำคัญทั้งด้านความรู้ และจารีตประเพณีต่างมีบทบาทกับการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศยิ่งได้รับโอกาสจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้นก็ดูจะทำให้เวียดนามนั้นมีทิศทางที่สดใส

www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าในกลุ่มอาเซียนด้วยกันแล้วเวียดนามถือว่ามีพลังในการลงทุนที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งทีเดียว เหตุนี้เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญเราควรรู้เกี่ยวกับตลาดเวียดนามให้มากขึ้นเพื่อให้การลงทุนนั้นได้ผลถึงที่สุด

เวียดนาม

1.เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วมาก

เวียดนามเป็นประเทศที่ขยายเศรษฐกิจได้มากที่สุดในอาเซียนที่ผ่านมาแม้เวียดนามจะต้องเผชิญกับมรสุมต่าง ๆทั้งปัญหาภัยแล้งครั้งรุนแรงที่สุด แต่เศรษฐกิจเวียดนามสามารถขยายตัวที่ระดับ 6.3% ซึ่งเป็นตัวเลขสูงอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคและในปี2017รัฐบาลยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เติบโตอยู่ที่ 6.8% อีกด้วย

2.ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของเวียดนามคล้ายกับคนไทย

ภาพรวมของการบริโภคในเวียดนามค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับไทยทั้งเรื่องอาหารการกิน คนเวียดนามชอบดูทีวีดาวเทียมช่องรายการของประเทศไทย ดาราหลายคนมีแฟนคลับเช่นเดียวกับดาราในประเทศไทยอีกด้วยแต่สิ่งที่ทำให้เวียดนามดูแตกต่างจากประเทศอื่นในอาเซียนที่มีต่อประเทศไทยคือ เวียดนามไม่ได้มีแรงงานเข้ามาทำงานในประเทศไทยมากนักเมื่อเทียบกับกัมพูชา ลาว และพม่า

er8

3.ธุรกิจความงาและสุขภาพเป็นไฮไลท์การลงทุนในเวียดนาม

โดยธุรกิจความสวยความงามและสุขภาพแบรนด์ใดที่มีศักยภาพก็จะได้เปรียบในการทำตลาดมาก เนื่องจากในเวียดนามธุรกิจเครื่องสำอางอาหารเสริม สมุนไพร และศัลยกรรม มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น จากความต้องการของประชากรที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะหลังการเปิดประเทศเป็น AEC

4.การทำธุรกิจในเวียดนามต้องเน้นวิธีการที่หลากหลาย

วิธีการเข้าไปทำธุรกิจในเวียดนามต้องหลากหลายในปัจจุบันบริษัทใหญ่ในไทยได้เข้าไปตีตลาดใน CLMV แล้ว โดยการเข้าไปลงทุนในเวียดนามนั้นมีหลายรูปแบบ เช่นการทำธุรกิจเครือข่ายโดยใช้การแต่งงาน เช่นมีภรรยาหรือสามีเป็นคนเวียดนามซึ่งเป็นการลงทุนในรูปแบบดั้งเดิม แต่ในปัจจุบันก็มีอยู่บ้างต่อมาคือการหาคู่ค้าชาวเวียดนามที่พร้อมจะลงทุนร่วมกับเราและการเข้าร่วมเครือข่ายธุรกิจระบบเชน(Chain)อย่างซีพีออล์,ปตท.และเซ็นทรัลเป็นต้น

er9

5.ต้องมองภาพรวมตลาดของเวียดนามให้ได้

กลุ่มตลาดของเวียดนามแบ่งเป็นสองประเภท คือกลุ่มคนที่อยู่ในประเทศ และกลุ่มคนที่อพยพไปอยู่ประเทศอื่นช่วงสงครามเช่นสหรัฐอเมริกา ที่ปัจจุบันนี้พวกเขาเหล่านั้นได้กลับมาประเทศบ้านเกิดแล้วพร้อมกับการนำ “ความรู้”และ“เงิน”พร้อมความมุ่งมั่นที่จะกลับมาพัฒนาประเทศ

6.สินค้าควรในการวางตลาดควรเน้นที่คุณภาพเป็นสำคัญ

ธุรกิจSMEs ไทยที่คิดจะตีตลาดเวียดนามควรเน้นเอาของดีที่สุดไปขาย โดยต้องรู้ให้แน่ชัดว่าลูกค้าของสินค้าเราเป็นใครเราต้องการจะเอาเงินออกจากกระเป๋าใคร โดยต้องลงสำรวจข้อมูลจริงโดยการไปดูตลาดบ้านเขาด้วยตนเอง ไปดูทำเลจริง 3 ครั้งขึ้นไปโดยจะเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้มองช่องทางการตลาดได้

er10

7.การลงทุนในเวียดนามควรมีภาครัฐเดินนำหน้าไปก่อน

การลงทุนในเวียดนามควรมีภาครัฐเดินนำหน้าเพื่อการหาคู่ค้าในเวียดนามที่SMEs ไทยควรขอคำปรึกษาจากหน่วยงานต่างๆของรัฐเช่นสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) , ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางเเละขนาดย่อมเเห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SMEDevelopment Bank) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM Bank) พร้อมการไปสอบถามกับกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น

8.รู้จักใช้ปัจจัยของการเปิดประเทศให้เป็นประโยชน์

ประโยชน์สำคัญจากการที่เวียดนามเปิดประเทศได้ไม่นานทำให้ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วง “สร้างบ้านแปลนเมือง” จึงถือเป็นโอกาสทองของบริษัทก่อสร้างและเจ้าของสินค้าตกแต่งบ้านของไทยที่จะเข้าไปทำธุรกิจโดยคู่แข่งต่างชาติสำคัญในเวียดนาม คือ มาเลเซียและเกาหลีใต้ ซึ่งเข้ามาลงทุนเยอะมาก พร้อมกับการปรับตัวเข้ากับรูปแบบการค้าสมัยใหม่ของเวียดนามที่เพิ่งเปิดตัวเปิดประเทศได้ไม่นาน

er11

9.ชนชั้นกลางเป็นตลาดที่ใหญ่สุดของเวียดนาม

ตลาดชนชั้นกลางในเวียดนามมีขนาดใหญ่ทำให้มีความต้องการในธุรกิจห้างสรรพสินค้า เทรนด์ไลฟ์สไตล์และอาหารฟาสฟู้ดเข้ามา และมีการใช้ “รถยนต์” เพิ่มมากขึ้น ส่วนการมาของ “สมาร์ทโฟน” ก็ไปกระตุ้นธุรกิจรายย่อยอื่นๆ เช่นเครื่องประดับตกแต่งโทรศัพท์ให้เติบโตขึ้นได้ด้วย

10.เวียดนามกับวัฒนธรรมจากเมืองจีน

เวียดนามได้ชื่อว่านอกจากมีหลายอย่างที่คล้ายคนไทยแล้วยังมีอิทธิพลของวัฒนธรรมจีนเข้ามาผสมปนเปอยู่มากด้วยเชื้อสายที่ใกล้เคียงทำให้รูปแบบของธุรกิจส่วนหนึ่งจึงถอดแบบมาจากเมืองจีนก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การค้าที่เราควรรู้ไว้รวมถึงสกุลเงินที่นิยมใช้ทั้งดอลล่าร์และเงินหยวนในการซื้อขายแลกเปลี่ยนทางธุรกิจด้วย

อย่างไรก็ตามเวียดนามยังถือว่าเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหม่สำหรับนักลงทุนเมืองไทย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นก็ควรดูกรณีศึกษาจากธุรกิจที่เปิดตัวและประสบความสำเร็จ และลองเลือกเอาแนวทางเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเองก็จะช่วยให้อุ่นใจและทำให้ทิศทางของธุรกิจในเวียดนามมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

ขอบคุณรูปภาพจาก goo.gl/WZKqTS

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด