เปรียบเทียบแบบเจาะลึก Belotero กับ Juvederm เลือกแบบไหนดี

Belotero กับ Juvederm ส่งเข้าประกวดโดย Belotero แบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ ส่วน Juvederm แบรนด์ดังจากฝั่งอเมริกา ทั้งสองแบรนด์ต่างได้รับการยอมรับในวงการความงามทั้งไทยและต่างประเทศ ในเรื่องของผลลัพธ์ที่ช่วยแก้ไขริ้วรอยความหมองคล้ำ และสามารถฉีดเฉพาะจุดได้ เช่น ริมฝีปาก ใต้ตา ได้อย่างปลอดภัย ทำให้หลายคนอยากรู้ว่าหากต้องการฉีดฟิลเลอร์เพื่อคืนความอ่อนวัย สร้างความสดใสให้กับผิวนั้นควรจะเลือกแบรนด์ไหนดี? เพราะดูน่าใช้ทั้งคู่

เปรียบเทียบแบบเจาะลึก Belotero กับ Juvederm

ฟิลเลอร์ที่สถานเสริมความงามในไทยเลือกใช้มากที่สุด คงหนีไม่พ้น Belotero กับ Juvederm ซึ่งทั้งสองแบรนด์มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้มาหาคำตอบกัน

รุ่นของฟิลเลอร์

Belotero

สำหรับ Belotero จะมีฟิลเลอร์ให้เลือกใช้ทั้งหมด 5 รุ่น และ Juvederm มีทั้งหมด 7 รุ่น แต่ละรุ่นจะเหมาะกับแก้ปัญหาผิวแบบใดบ้าง? Atita Clinic สรุปมาให้แล้ว ดังนี้

Belotero มี 5 รุ่น

  • Belotero Volume กล่องสีม่วง รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง คงตัวและเกาะเซลล์ผิวได้ดี นิยมใช้เพิ่มวอลลุ่มและมิติให้ใบหน้า ส่วนมากใช้ฉีดบริเวณคาง และเติมส่วนขมับ แก้ไขคางยุบ และขมับยุบ เป็นต้น
  • Belotero Balance กล่องสีส้ม เนื้อมีความนิ่มและแน่นปานกลาง มีส่วนผสมของยาชา นิยมฉีดเติมเต็มร่องลึกระดับปานกลาง เช่น บริเวณใต้ตา, ริมฝีปาก, ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก, เน้นริ้วรอยลึก และรอยตีนกา เป็นต้น
  • Belotero Intense กล่องสีชมพูเข้ม เนื้อฟิลเลอร์ยืดหยุ่นได้ดี มีการผสมยาชา มีความคงตัวสูง ปรับแต่งทรงได้ดี เน้นการแก้ไขเรื่องผิวที่ยุบตัว และริ้วรอยที่ลึกมาก ๆ
  • Belotero Soft กล่องสีเหลือง เนื้อฟิลเลอร์นิ่มมีความอ่อนและเหลว แต่เกาะเซลล์ผิวได้ดีมาก ๆ เน้นแก้ไขร่องรอยตื้น ๆ และฉีดเฉพาะจุด เพราะกลืนกับผิวได้ง่าย ให้ความเป็นธรรมชาติ และมีส่วนผสมของยาชามาแล้ว
  • Belotero Revive กล่องสีเขียว เป็นการผสมส่วนผสมระหว่าง Hyaluronic Acid และ Glycerol เน้นการกระชับผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว อีกทั้งยังช่วยกระชับรูขุมขนและปรับให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

Juvederm มีทั้งหมด 7 รุ่น

  • Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ยืดหยุ่นสูง ฟูปานกลาง รุ่นนี้เหมาะกับแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึก แก้ไขแก้มตอบ เติมคาง และขมับ
  • Juvederm Volift เนื้อฟิลเลอร์รุ่นนี้จะนิ่มกว่ารุ่น Voluma ซึ่งผลิตมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผิวบาง การเติมฟิลเลอร์จึงต้องเน้นที่สามารถกลมกลืนเข้ากับผิวมากที่สุด และรุ่นนี้ก็สามารถเก็บรายละเอียดผิวได้ดี ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก และช่วยกระชับรูขุมขนได้อีกด้วย เหมาะกับการฉีด หว่างคิ้ว แก้มตอบ บริเวณร่องแก้ม และมุมปาก
  • Juvederm Volite รุ่นนี้เน้นความละเอียดของฟิลเลอร์ เน้นการฟื้นฟูสภาพผิว คืนความอ่อนวัย อิ่มฟู ให้กับผิว โดยจะนิยมฉีดบริเวณผิวชั้นตื้น ริ้วรอยเล็ก ๆ อย่างบริเวณใต้ตา ให้งานผิวที่มีความเป็นธรรมชาติ
  • Juvederm Volbella รุ่นนี้เนื้อนิ่ม และมีความละเอียดมากกว่ารุ่นอื่น ๆ แก้ไขริ้วรอยได้ทั้งใบหน้า นิยมใช้ฉีดบริเวณหน้าผาก เพราะกระจายตัวได้ดี กลมกลืนกับผิว มอบความเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
  • Juvederm Volux เนื้อฟิลเลอร์แข็ง คงรูปได้ดีที่สุด แต่ก็ยังมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับแก้ไขเรื่องของยุบตัวของผิวบริเวณ ใต้ตา ขมับ คาง และฉีดลดเลือนริ้วรอยร่องลึก อย่างบริเวณร่องแก้ม
  • Juvederm Ultra Plus XC ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Hylacross Technology เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม อุ้มน้ำได้ดี ฉีดแล้วจะฟูขึ้นได้มาก ทนต่อการขยับของผิว เน้นแก้ไขริ้วรอยทุกแบบโดยเฉพาะริ้วรอยตามวัย บริเวณขมับ ปาก และร่องแก้ม
  • Juvederm Ultra XC อีกรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Hylacross Technology ความพิเศษคือเป็นฟิลเลอร์เนื้อเจล อุ้มน้ำได้ดี ฟูน้ำค่อนข้างมาก ทำให้ซึมและกลมกลืนเข้าผิวหนังได้ง่ายและเร็ว เติมเต็มส่วนสึกหรอใต้ผิวได้ดี เช่น บริเวณขมับ แก้มตอบ จมูก และคาง

ด้านคุณสมบัติ

สำหรับคุณสมบัติของ Belotero กับ Juvederm นั้นไม่แตกต่างกันมากนัก การเปรียบเทียบจากข้อมูลของแต่ละรุ่นที่แนะนำไว้ คงพอทำให้เข้าใจได้คร่าว ๆ เกี่ยวกับความสามารถในการแก้ปัญหาผลของแต่ละรุ่นกันแล้ว ทีนี้มาเจาะลึกอีกนิดว่าทั้งสองค่ายนี้มีคุณสมบัติต่างกันอย่างไรบ้าง

Belotero

  • เนื้อฟิลเลอร์ : มีขนาดโมเลกุลที่ค่อนข้างเล็ก เหมาะกับคนผิวบาง
  • ผลิตขึ้นโดยเทคนิคพิเศษ : Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ทำให้กระจายตัวได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ยึดเกาะผิวที่บางได้ดี และเน้นให้งานผิวที่มีความเป็นธรรมชาติมาก ๆ ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน สามารถปั้นทรงได้ดี เหมาะกับการเติมริ้วรอยเล็ก ๆ และใช้ในกลุ่มที่มีปัญหาผิวบอบบางได้เป็นอย่างดี
  • ส่วนผสมพิเศษ : ในบางรุ่นก็มีการผสม Glycerol มาให้แล้ว จึงมอบผิวฉ่ำวาวเปล่งประกายได้มากยิ่งขึ้น
  • ผสมยาชาลดความเจ็บปวด : ผลิตภัณฑ์ Belotero ส่วนใหญ่จะมีการใส่ยาชามาให้แล้ว จึงช่วยลดความเจ็บปวดขนาดเดินยาได้เป็นอย่างดี

Juvederm

  • เนื้อฟิลเลอร์ : เนื้อฟิลเลอร์มีหลากหลายให้เลือก ทั้งเนื้อนิ่ม เนื้อละเอียด และเนื้อแข็ง
  • ผลิตขึ้นโดยเทคนิคพิเศษ : ทางแบรนด์ Juvederm อย่าง Hylacross Technology ที่ปรับให้เนื้อฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี ฉีดแล้วฟูและมีเนื้อละเอียด ทนต่อการยืดหยุ่นได้สูง และมีรุ่นที่เป็นเทคโนโลยี Vycross Technology ที่ทำให้บวมน้อย ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน สามารถเลือกได้หลายรุ่นตามปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
  • ผสมยาชาลดความเจ็บปวด : มีการผสมยาชาอย่าง Lidocaine มาให้แล้วในสูตร เพื่อลดความเจ็บขณะฉีด

ด้านระยะเวลา

Belotero กับ Juvederm ทั้งสองต่างให้ผลลัพธ์ที่ดี และคงอยู่ได้ค่อนข้างนาน ฟิลเลอร์ทั้งสองแบรนด์ให้ผลเรื่องนี้ไม่แตกต่างกันมากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ได้ประมาณ 8-24 เดือน ส่วนระยะเวลาของคงอยู่หลังการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุดนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น

  • จุดที่ฉีด
  • ระดับความรุนแรงของปัญหาที่ต้องการแก้ไข เช่น ริ้วรอยลึก ตื้นขนาดไหน?
  • ปริมาณที่ฉีด
  • ความชำนาญของแพทย์ที่ทำหัตถการ
  • การดูแลหลังฉีด
  • รุ่นของฟิลเลอร์ที่ฉีด

ผลข้างเคียงของฟิลเลอร์

ในส่วนของผลข้างเคียของการใช้ Belotero กับ Juvederm ของแท้นั้นมีเพียงผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง ซึ่งพบในลักษณะคล้าย ๆ กัน ซึ่งอาจพบรอยเข็มจากการฉีดอยู่เล็กน้อย หรือมีอาการบวมหลังฉีด แต่อาการเหล่านี้จะสามารถหายได้เอง ภายในระยะเวลา 3-5 วัน หลังฉีด ซึ่งการดูแลตัวเองหลังฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ก็จะช่วยลดผลข้างเคียงเหล่านี้ที่อาจเกิดขึ้นได้

ราคาของฟิลเลอร์

Belotero

ราคาของฟิลเลอร์ไม่ว่าจะเป็น Belotero กับ Juvederm นั้นโดยเฉลี่ยจะเริ่มต้นที่ 8,000-15,000 บาทต่อ CC โดยส่วนใหญ่จะเป็นราคาที่รวมค่าบริการหัตถการทางการแพทย์แล้ว ดังนั้นเรื่องราคาจึงเป็นแค่หนึ่งของปัจจัยในการเลือกเท่านั้น แต่ขอให้เลือกที่คุณสมบัติของฟิลเลอร์ให้เหมาะกับปัญหาผิวหน้าที่ต้องการแก้ไขจะดีที่สุด

คลินิกที่ให้บริการฉีดฟิลเลอร์ Belotero กับ Juvederm

อทิตาคลินิก (Atita Clinic) มีให้บริการฉีดฟิลเลอร์ Belotero กับ Juvederm ด้วยการบริการที่ได้มาตรฐานระดับสถานพยาบาล มีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการปรับแต่งทรงของฟิลเลอร์โดยตรง ที่สำคัญเลยเราใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ของแท้ทุกตัว นำเข้าโดยตรงจากประเทศผู้ผลิตอย่างถูกกฎหมาย มีหลากหลายรุ่นให้เลือก เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาผิวได้อย่างเหมาะสม มั่นใจในคุณภาพได้อย่างแน่นอน

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต