จุดคุ้มทุน (Break Even Point) VS ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) ต่างกันอย่างไร?

ธุรกิจนี้จะคุ้มทุนเมื่อไหร่? แล้วต้องใช้เวลาแค่ไหนกว่าจะคืนทุน? ทั้ง 2 เรื่องนี้สำคัญมากและใครคิดอยากลงทุนต้องอยากรู้มากที่สุด และบางคนที่ไม่เข้าใจก็มองว่าทั้ง จุดคุ้มทุน และ ระยะเวลาคืนทุนนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ ซึ่ง 2 คำนี้มีความหมายที่ต่างกันและวิธีการหาผลลัพธ์ก็แตกต่างกันด้วย เราจึงควรเข้าใจและศึกษาเพื่อนำไปใช้พัฒนาธุรกิจได้อย่างเหมาะสม

การคำนวณหาจุดคุ้มทุน (Break Even Point)

จุดคุ้มทุน หมาย ถึง ระดับของยอดขายกิจการที่เท่ากับค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกิจการ ซึ่งก็คือจุดที่กิจการไม่มีผลกำไรหรือขาดทุน (ตัวเลขมีค่าเท่ากับศูนย์) จุดคุ้มทุนจะสามารถหาได้ก็ต่อเมื่อผู้ประกอบการสามารถแยกได้ว่าค่าใช้ จ่ายของธุรกิจนั้นมีอะไรเป็นต้นทุนคงที่ และต้นทุนผันแปรอย่างละเท่าไรบ้าง

การหาจุดคุ้มทุนนั้นให้เริ่มต้นจากการหาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นของธุรกิจ โดยค่าใช้จ่ายแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

  1. ค่าใช้จ่าย Fixed Cost คือค่าใช้จ่ายที่คงที่ ไม่แปรผันตามยอดขาย ต่อให้ขายมากขายน้อยหรือไม่ขายเลยก็ต้องเสีย ได้แก่ ค่าแรงพนักงาน(F/T) , ค่าเช่าพื้นที่ (กรณีที่เป็นFix Rate) , ค่าเสื่อม เป็นต้น
  2. ค่าใช้จ่าย Variable Cost คือค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามยอดขาย ได้แก่ ค่าแรงพนักงาน(P/T) , ค่าวัตถุดิบอาหารค่าน้ำ , ค่าไฟฟ้า , ค่าแก๊ส เป็นต้น (เป็นต้นทุนที่ผันแปรกับยอดขาย ถ้าขายได้มาก ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็มาก)

**สูตรคำนวณ Break Even Point (B.E.P.) ที่จะใช้ คือ Fixed cost / (1-Variable cost)**

ลองดูตัวอย่างตามตาราง ดังนี้

จากตารางนี้หมายถึงว่าร้านนี้จะต้องขายให้ได้ 100,000 บาท จึงจะถึงจุดคุ้มทุน Break Even Point ซึ่งเป็นตัวเลขที่ร้านยังไม่มีกำไรเพียงแค่เสมอตัวไม่ต้องควักทุนหมุนเงินมาเติม แต่ถ้าต้องการกำไรก็ต้องทำให้ยอดขายของร้านสูงกว่า

100,000 บาท โดยหากต้องการให้มีจุดคุ้มทุนที่ต่ำลง เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรก็สามารถทำได้โดย เพิ่มราคาขาย หรือลดต้นทุนผันแปรและต้นทุนคงที่ลง หรือส่งเสริมการตลาดเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น

สูตรการคำนวณระยะเวลาคืนทุน (Payback Period)

ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) คือ ระยะเวลาตั้งแต่วันแรกที่เราลงทุนเปิดร้านหรือทำธุรกิจ จนถึงวันที่เราได้ผลตอบแทน หรือได้กำไรคืนเท่ากับเงินที่ลงทุนไปตอนแรก ซึ่งหากเป็นการลงทุนในระบบแฟรนไชส์ก็อาจต้องรวมค่าแรกเข้าเป็นอีกต้นทุนที่นำไปคิดรวมด้วย

**สูตรคำนวณระยะเวลาคืนทุน (Payback Period)

สำหรับตัวเลขระยะเวลาคืนทุนยิ่งน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ซึ่งในตัวอย่างที่ยกมานี้หมายความว่าหากร้านนี้มีกำไรสุทธิ 29,000 ต่อเดือนและลงทุนขั้นต้นไป 150,000 จะมีระยะเวลาคืนทุนอยู่ที่ 5.2 เดือนโดยประมาณ ซึ่งในระยะเวลาที่เลยจากนี้ไปร้านจึงจะเริ่มมีกำไร

ดังนั้นเมื่อกล่าวถึง จุดคุ้มทุน (Break Even Point) และ ระยะเวลาคืนทุน (Pay Back Period) อย่าลืมว่าคำศัพท์ทั้ง 2 คำนี้แม้จะคล้ายกันแต่ไม่ใช่เรื่องเดียวกันและใช้เป็นเครื่องมือในการ วิเคราะห์ในกรณีที่ไม่เหมือนกัน ผู้ประกอบการจึงควรเรียนรู้เพื่อจะสามารถนำไปใช้ในการวางแผนดำเนินการของธุรกิจได้อย่างถูก ต้องและเหมาะสมต่อไป

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

 

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด