5 วิธีใช้กระแสเทศกาล สร้างจุดขายให้ธุรกิจ

โชคดีของประเทศไทยคือมีวันหยุดและ เทศกาล อยู่จำนวนไม่น้อย ที่ดูจะใหญ่หลังผ่านพ้นปีใหม่ไปก็คือช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่บางบริษัทให้หยุดยาวกันเป็นอาทิตย์เลยก็มี

แต่ในแง่ของผู้ประกอบการเองแล้วการมีวันหยุดยาวอาจไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะทำให้กำลังการผลิตต้องมีการวางแผนให้ดีแต่ในแง่ของการขายสินค้าและบริการต่างๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

เพราะเทศกาลแต่ละครั้งมีเงินสะพัดจำนวนมากจากการออกมาจับจ่ายใช้สอยเดินทางท่องเที่ยวกลับบ้านถือว่าเป็นตัวเลขที่สินค้าและบริการหลายคนพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งเหล่านี้มาให้ได้มากที่สุด

www.ThaiSMEsCenter.com เองก็มองว่าช่วงเวลาตามเทศกาลถือเป็นโอกาสทองในการค้าขายแต่ปัญหาคือเราจะใช้ประโยชน์จากคำว่าเทศกาลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างไร ในที่นี้เราจึงรวบรวมข้อมูลของ 5 วิธีการใช้กระแสเทศกาลมาสร้างจุดขายให้กับสินค้าและบริการ

บางเรื่องอาจเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการคิดไว้อยู่แล้วแต่บางเรื่องอาจเป็นข้อเท็จจริงที่ละเลยและมองข้ามไป เราลองมาดูข้อมูลเหล่านี้แล้วมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสินค้าและบริการที่เรามีเพื่อเทศกาลที่จะมาถึงจะได้เป็นช่วงเวลาในการค้าขายที่ดีที่สุดของธุรกิจเรา

1. เริ่มโปรโมทล่วงหน้า 1 เดือน

เทศกาล

ภาพจาก goo.gl/HWXtKH

การวางแผนในเรื่องนี้สำคัญมากเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าแต่ละเทศกาลนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ สิ่งที่ต้องทำล่วงหน้าคือการดูกระแสความนิยมของลูกค้าไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตามต้องดูกระแสนิยมเป็นสำคัญไม่ว่าจะอาหาร เครื่องดื่ม แฟชั่น ทุกอย่างจะมีไลฟ์สไตล์ของช่วงเวลานั้นๆ

สิ่งที่ต้องทำคือเตรียมสินค้าให้ตรงตามความต้องการและเริ่มการโปรโมตสินค้าที่มีล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน ถามว่าทำไมก็เพราะว่าข้อมูลหรือสถิติใดๆก็ตามระบุเหมือนกันว่าในช่วงเทศกาลหรือ 2-3 วันก่อนเทศกาลคนมักจะไม่สนใจเรื่องการดูโฆษณาเพราะจะหันไปทำกิจกรรมตามเทศกาล ดังนั้นการสร้างการรับรู้ล่วงหน้าก็จะทำให้คนจำภาพสินค้าและบริการเราได้ดีกว่า

สังเกตได้ว่าในช่วงปีใหม่ สงกรานต์ หรือวันหยุดยาวใดๆก็แล้วแต่คนมักให้ความสนใจกับเรื่องอื่นมากกว่าการดูโฆษณาสินค้าและการตัดสินใจก็จะเกิดในช่วงก่อนหน้าเทศกาลดังนั้นการโปรโมตในระยะเวลาที่ดีที่สุดคือ 1 เดือนก่อนเริ่มเทศกาลจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น

2. ใช้ประโยคคำถามเพิ่มความสำคัญให้สินค้า

kl14

ภาพจาก goo.gl/VeR5ez

จำเป็นอย่างมากที่เราต้องใช้ประโยคคำถามที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนั้นๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นความคิดของลูกค้าให้คิดตามคิดต่อ เช่น เทศกาลวาเลนไทน์ เราอาจจะโพสข้อความประมาณว่า “กำลังมองหาของขวัญวาเลนไทน์ให้แฟนอยู่หรือเปล่า?” “มีของขวัญให้คนรักแล้วหรือยัง?”

วันพ่อ-วันแม่ “วันนี้คุณได้บอกรักแม่หรือยัง? บอกรักด้วย…(ชื่อสินค้าอะไรก็ว่าไป) หรือวันนี้เลย” วันฮาโลวีน “ไปปาร์ตี้ฮาโลวีน หน้าพร้อม ผมพร้อม แต่มีชุดจี๊ดๆใส่ปาร์ตี้ยัง?!”

หรือ กลับบ้านวันสงกรานต์มีของขวัญดีๆไปฝากพ่อแม่พี่น้องหรือยัง? การกระตุ้นด้วยประโยคคำถามจะทำให้ลูกค้าเกิดการฉุกคิดและมองเห็นคุณค่าของสินค้ามากขึ้นก็เป็นผลทางจิตวิทยาที่จะทำให้เกิดการซื้อขายตามมาได้ด้วย

3. จัดโปรโมชั่นอย่างสร้างสรรค์ ให้เข้ากับเทศกาล

kl10

มีสินค้าจำนวนไม่น้อยที่เอาเทศกาลเป็นตัวตั้งและจัดแคมเปญในการเพิ่มยอดขายได้ดีเช่น “สงกรานต์ไม่อยากออกไปไหน กลัวเปียก สั่งของกับเราช่วงนี้ จัดส่งฟรีให้ถึงบ้านเลย!” หรือ “ต้อนรับเดือนแห่งความรัก สั่งของเป็นคู่ รับฟรี….(ชื่อสินค้าอะไรก็ว่าไป)”

คำว่าลดแลกแจกแถมนั้นเป็นโปรโมชั่นที่ดูจะโดนใจแต่ก็ควรจะมาให้ถูกที่ถูกเวลาเพื่อไม่ทำให้ภาพลักษณ์สินค้าเราเสียไป การจัดโปรโมชั่นแบบนี้ นอกจากจะไม่น่าเบื่อแล้ว ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกสนุกไปกับเทศกาล

ที่จริง บางโปรโมชั่นก็มีเงื่อนไขแบบเดิมๆที่เคยเห็นทั่วๆไป แต่พอใส่คำที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลต่างๆลงไปด้วย ทุกอย่างกลับดูน่าสนุกขึ้นมา ลองเริ่มต้นคิดโปรโมชั่นจากโจทย์ “เทศกาล” ไม่ใช่ “ผลกำไร” จะทำให้เจ้าของร้านได้ไอเดียใหม่ๆ สนุกๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

4. ใช้รูปภาพสวยๆ ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย

kl13

ภาพจาก goo.gl/z2ZM1E

รูปสวยๆ นั้นสำคัญพอๆกับข้อความโดนๆ คิดจะขายของตามเทศกาลทั้งที ก็ควรลงทุนกับการถ่ายภาพด้วย เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้คนอยากรู้จัก อยากใช้สินค้ามากขึ้น รวมถึงรูปที่สวยๆยังเพิ่มความมั่นใจ และเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดี ในบางกรณี รูปสินค้าสวยๆ

อาจเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ เมื่อเราต้องโฆษณาบน facebook เราไม่ควรใช้รูปสินค้าโปรโมตแบบเดียว แต่ควรสร้างไว้ 2-3 แบบ เพื่อให้เป็นตัวเลือกของผู้บริโภคที่อาจมีรสนิยมในตัวสินค้าที่แตกต่างกัน และปัจจุบันมีโปรแกรมมากมายที่สนับสนุนการตกแต่งภาพให้สวยงาม

เพื่อใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ถ้าผู้ประกอบการมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์และใช้โปรแกรมเหล่านี้ได้ก็จะช่วยประหยัดงบได้อีกมากและเพิ่มยอดขายในช่วงเทศกาลได้อย่างน่าสนใจทีเดียว

5. เตรียมหน้าร้านทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้พร้อม

kl12

ภาพจาก goo.gl/t2oz3G

การขายสินค้าในปัจจุบันจะมีแค่ช่องทางออฟไลน์อย่างเดียวก็ดูจะไม่เข้าถึงกลุ่มคนได้มากนักดังนั้นช่องทางออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ใครยังไม่มีก็ต้องเร่งสร้างแพลตฟอร์มเหล่านี้ขึ้นมาโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่คนจะใช้โซเชี่ยลในการอัพรูปภาพ ส่งต่อข้อความกันมากเป็นพิเศษ

การมีช่องทางออนไลน์ที่พร้อมสนับสนุนการขายจะช่วยโปรโมตธุรกิจได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก สำหรับใครที่ไม่มีความรู้ในเรื่องการทำตลาดออนไลน์ก็อาจใช้บริการของบริษัทที่ให้คำปรึกษาและสร้างเครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างมืออาชีพแต่ก็อาจเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในอีกทางหนึ่ง

หรือถ้าเรามีความรู้ดีพอและใช้เครื่องมือออนไลน์ต่างๆ ได้บ้างก็จะช่วยให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่จำเป็นว่าแค่เทศกาลเท่านั้นหลังเทศกาลผ่านไปเราก็ยังใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์เหล่านี้ได้ตลอดเวลาเช่นกัน

เรื่องของการวางแผนและกำหนดกลยุทธ์การตลาดเป็นสิ่งที่สำคัญมากกับการทำธุรกิจในปัจจุบันเนื่องด้วยคู่แข่งขันนั้นมีเยอะสิ่งที่เราจะทำให้สินค้าและบริการแตกต่างได้ก็คือความโดดเด่นที่เราจะต้องรู้จักประยุกต์ใช้และดัดแปลงให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยอิงจากกระแสเทศกาลหรือกระแสสังคมมาเป็นจุดขาย ใครที่เก่งในเรื่องนี้ใครที่ทำได้ดีกว่าก็มีโอกาสเพิ่มยอดขายสร้างกำไรได้งดงามได้มากกว่าเช่นกัน

สำหรับท่านใดก็ตามที่อยากรู้ความเคลื่อนไหวหรือต้องการเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องการขาย การสร้างธุรกิจ มีคอร์สอบรมน่าสนใจที่เรารวบรวมไว้มากมาย สามารถเลือกเรียนกันได้ตามความเหมาะสม

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม goo.gl/Ff2QVQ

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด