5 ธุรกิจส่วนตัวยอดฮิต ในปี 2560 (เริ่มก่อนได้เปรียบ!)

ช่วงปี 2559 ที่ผ่านมามี กระแสธุรกิจ ที่น่าสนใจเกิดขึ้นมาจำนวนมาก หลายธุรกิจเป็นเทรนด์เก่าแต่มีกระแสใหม่ๆเข้ามา ทำให้ต้องปรับลุกซ์เพื่อทำให้ธุรกิจนั้นสอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากขึ้น

ซึ่งแน่นอนว่าในปี 2560 หลายคนก็จับตามองดูว่ามีธุรกิจไหนบ้างที่จะสานต่อความร้อนแรงจากปี 2559 รวมถึงกระแสสังคมที่ต้องจับให้ถูกจุดว่าควรเน้นสินค้าหรือว่าผลิตภัณฑ์แบบไหนที่จะถูกใจผู้บริโภคได้มากที่สุด

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com ได้รวบรวมเอาเทรนด์ส่วนตัวยกตัวอย่างมา 5 ธุรกิจที่มีแนวโน้มจะเป็นที่ต้องการของตลาดสูงมาก และน่าจะมีคู่แข่งเกิดขึ้นในปีหน้าอีกจำนวนไม่น้อยสิ่งสำคัญคือการจับความต้องการที่แท้จริงซึ่งใครทำได้ดีกว่าโอกาสสำเร็จในปี 2560 ก็มีแนวโน้มสูงเช่นกัน

1.ธุรกิจร้านอาหาร

14

คาดการณ์ว่าในปี 2560 เป็นปีทองของอุตสาหกรรมอาหารที่น่าสนใจแต่ทั้งนี้เทรนด์ของร้านอาหารหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอาหารก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่รวมถึงกระแสสุขภาพที่ดูท่าว่าจะมาแรงเป็นอย่างมาก

ซึ่งจากช่วงกลางปี2559ต่อเนื่องมาถึงปี 2560 นี้คำว่ากินคลีน หรืออาหารธรรมชาติดูจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าบรรดาร้านอาหาร ฟาสฟู้ดต์ หรือแม้แต่ในโรงแรมเองก็จับเอากระแสนี้มาเป็นหนึ่งในเมนูทางเลือก

ขอบอกได้เลยว่ากระแสนในปีหน้าจะยิ่งแข่งขันด้านอาหารคลีนกันหนักยิ่งกว่าที่ผ่านมา เพราะเหตุผลสำคัญคือการที่คนเรามองเห็นเรื่องโรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องอันตรายและการที่อยากให้ตัวเองมีสุขภาพแข็งแรงและอยู่ได้นานมากขึ้นในภาวะที่อาหารการกินเคยเป็นสาเหตุสำคัญของการทำให้เกิดโรคอย่างมากมายในอดีตที่ผ่านมา

ในปี 2559 จากบรรดาร้านอาหารที่มีอยู่ทั่วประเทศนั้นนับรวมที่จะเกิดขึ้นใหม่ในปี 2560 น่าจะไม่ต่ำกว่าอีก 10 เปอร์เซ็นต์โดยจะมุ่งเน้นเรื่องเมนูสุขภาพเป็นสำคัญนอกจากนี้การตลาดของร้านอาหารก็จะเปลี่ยนไปไม่ใช่แค่ขายหน้าร้านหากแต่ทุกร้านจะเริ่มปรับเปลี่ยนเข้าสู่การสั่งซื้อแบบออนไลน์กันได้มากขึ้นด้วย

2.ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ

54

ภาพจาก goo.gl/2DnVDo

ปัจจุบันโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีประชากรที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป มีถึง 36.9 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.89 ของประชากรทั้งหมดในอาเซียน สำหรับประเทศไทยมีประชากร กว่า 66 ล้านคน มีจำนวนผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปี ประมาณ 6.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 9.9 ของประชากรทั้งหมดของประเทศ

ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุมากเป็นอันดับสองของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ ถือได้ว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) แล้ว และในปี พ.ศ. 2563 คาดว่าประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มเป็นร้อยละ 14.4 ซึ่งจะก้าวเข้าสู่ สังคมสูงวัย โดยสมบูรณ์

ด้วยเหตุนี้การทำธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจึงเริ่มผุดออกมากันมากขึ้นเรื่อยๆ และมากกว่านี้ในอนาคตซึ่งตัวเลขรายได้ของธุรกิจนี้ถือว่าสูงจากสำรวจสถานดูแลคนชราหลายแห่งพบว่า ค่าบริการเนอร์สซิ่งโฮมแบ่งออก 3 ระดับ ได้แก่ ระดับบนที่มีอัตราค่าบริการขั้นต่ำอยู่ที่ 22,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่จะเป็นบริการตามโรงพยาบาล คลินิกที่มีแพทย์ดูแล

ซึ่งเจ้าของมักจะเป็นนักธุรกิจหรือแพทย์ ส่วนระดับมาตรฐานอัตราค่าบริการอยู่ที่ 16,000 บาทต่อเดือน พนักงานส่วนหนึ่งเป็นพยาบาลเกษียณที่ออกมาให้บริการ 13-15 เตียง และระดับทั่วไปอัตราค่าบริการอยู่ที่ 12,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่นิยมโพสต์แนะนำบริการในเว็บไซต์ต่างๆ หรือมีเว็บไซต์ของตนเองโดยเฉพาะ

3.ธุรกิจขายของออนไลน์

53

ภาพจาก goo.gl/xhCP7L

การโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง2-3ปีหลังและการคาดการณ์ในปี 2017จะยิ่งเติบโตมากขึ้นโดยข้อมูลอ้างอิงจาก Interpublic Group’s Magna Global,แสดงให้เห็นว่า เม็ดเงินจากบรรดาสินค้าต่างจับจ้องลงมาที่ช่องทางออนไลน์มากขึ้นและดูท่าจะเทียบเคียงกับสื่อหลักอย่างโทรทัศน์ได้สบายๆ

ซึ่งตั้งแต่ปี 2015 ค่าโฆษณาในโลกดิจิตอลเติบโตขึ้นกว่า 17.2% ในปี 2016 ก็เติบโตขึ้นอีกกว่า 13.5% และในปี 2017 นี้เองที่คาดว่าน่าจะสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 3.598 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยกว่า 1.2 ล้านล้านบาทคิดเป็น 16% ของเงินโฆษณาในวงการดิจิทัลทั้งหมด

แต่ทั้งนี้เจ้าของธุรกิจออนไลน์เองก็ต้องรู้จักหยิบเอาชิ้นปลามันเหล่านี้ให้ถูกต้อง โดยสำคัญคือต้องมองหาช่องทางการขายสินค้าที่คุ้มค่าต่อการลงทุน เช่นถ้าคิดจะขายกระเป๋า Handmade สวยๆ ช่องทาง Instagram และ Pinterest น่าจะเป็นช่องทางที่เหมาะสม

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่นักธุรกิจออนไลน์ไม่ควรพลาดคือเม็ดเงินจากการโฆษณาจึงควรใส่ใจกับCall-to-Action หรือการทำโฆษณากระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมาย “ทำ” กิจกรรมที่คุณต้องการ เช่น การโฆษณาใน Facebook ที่กระตุ้นให้คนเข้าสู่เว็บไซต์ พร้อมปุ่ม call-to-action โฆษณาลักษณะนี้ย่อมคุ้มค่ากว่าการโปรโมทธุรกิจเพื่อสร้างการรับรู้เพียงอย่างเดียว

4.ธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

52

ภาพจาก goo.gl/2nv1ky

ผู้บริโภคยุคใหม่มีความฉลาดและรู้จักเลือกสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น เริ่มมีแนวคิดที่ว่าการป้องกันดีกว่าการรักษาส่งผลให้ เทรนด์อาหารเสริม ปี 2017 มีแนวโน้มการพัฒนานวัตกรรมอาหารในกลุ่ม อาหารเสริมสุขภาพ นั้นเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะตลาดใหญ่ๆ อย่าง อเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น

สำหรับประเทศไทยนั้นมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นในทุกๆ ปี ได้แก่ กลุ่มอาหารเสริมบำรุงสมอง กลุ่มอาหารเสริมเพื่อความสวยงามและต้านความชรา กลุ่มอาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก และกลุ่มอาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน ซึ่งได้รับความนิยมสูงและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคตข้างหน้า

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นับเป็นตลาดที่เนื้อหอมมากๆ เพราะถึงแม้จะมีหลายแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว ก็ยังมีแบรนด์น้องใหม่เข้ามายึดพื้นที่อยู่เสมอไม่เว้นแม้แต่ ดารานักแสดง ที่หันมาเปิดธุรกิจอาหารเสริมกันอย่างแพร่หลาย

เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจท็อปฮิตสำหรับวงการบันเทิงกันเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีบริษัทผู้ผลิตทั้งเล็กใหญ่ ต่างให้ความสนใจเข้ามาขอส่วนแบ่งกันอย่างคึกคัก

5.ธุรกิจออกกำลังกาย/ฟิตเนส

51

ภาพจาก goo.gl/iY4S3a

ปัจจุบันพื้นที่การออกกำลังกายในเมืองไทยยังมีจำกัดหากเทียบกับเมืองใหญ่ๆโดยพื้นที่สวนสาธารณะต่อประชากรในเมืองใหญ่ๆ อย่างนิวยอร์คและลอนดอนอยู่ที่ 26 และ 32 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน ตามลำดับ

ในขณะที่ตัวเลขดังกล่าวของกรุงเทพฯ อยู่ที่ 5 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน หรือหากจะพูดให้เห็นภาพมากขึ้นกล่าวคือสำหรับกรุงเทพฯ พื้นที่ออกกำลังกายขนาดเท่ากับหนึ่งสนามฟุตบอลจะต้องรองรับคนออกกำลังกายกว่า 1,500 คน ซึ่งมากกว่านิวยอร์คและลอนดอนที่ต้องรองรับเพียง 300 คน

และด้วยกระแสสุขภาพเมื่อพื้นที่ออกกำลังมีน้อยก็ทำให้เกิดธุรกิจฟิตเนสมากขึ้นและมีแนวโน้มว่าคนในช่วงวัยต่างๆก็ต้องการออกกำลังกันมากขึ้นด้วยโดยเฉพาะคนกลุ่มอายุตั้งแต่ 15-35 ปีที่ถือเป็นตลาดใหญ่ในธุรกิจประเภทนี้และเทรนด์ออกกำลังส่วนใหญ่

ในปัจจุบันก็มีดารานักแสดงจำนวนมากที่หันมาเอาดีในธุรกิจนี้กับคลาสสอนเต้น สอนโยคะ ต่างๆมากมายและคาดว่าในปี 2017 ก็จะเป็นปีทองของการออกกำลังกายที่น่าสนใจอย่างยิ่งทีเดียว

ทั้ง 5 เทรนด์ที่ยกตัวอย่างนี้อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจที่น่าสนใจแต่ในแง่ของการลงทุนแล้วเราควรทำในสิ่งที่เรามีความสนใจและมีความถนัดมากที่สุด จากนั้นค่อยพัฒนาให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคซึ่งก็น่าจะเป็นอีกแง่มุมของการลงทุนที่น่าสนใจและอาจทำรายได้ที่ดีไม่แพ้ธุรกิจหลักๆเหล่านี้ด้วย

อ้างอิงจาก https://bit.ly/2EtLY4r

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด