แมคโดนัลด์อเมริกาชี้ ผลกระทบของเชื้อโควิดไม่สามารถประเมินค่าได้
สืบเนื่องจาก ความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นจากการระบาดของ ไวรัสโคโรน่า ทำให้แมคโดนัลด์ต้องออกโรงกล่าวว่า อาจให้ข้อเสนอสำหรับแฟรนไชซีบางรายเลื่อนเก็บค่าเช่าจากการที่ภัตตาคารได้ปิดตัวลงหรือเจอกับภาวะติดขัด
เช่นกันบริษัทฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ได้ออกมาเตือนว่า “ผลกระทบทางการเงินที่เป็นลบ” นั้นไม่สามารถประเมินค่าได้ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากยังไม่รู้ได้ถึงระยะเวลาและขอบเขตผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อธุรกิจ
ทางแมคโดนัลด์ได้ทำงานร่วมกับแฟรนไชส์ซีทั่วโลกไปจนถึงทำการสนับสนุนสภาพคล่องทางการเงิน สอดคล้องกับข้อบังคับที่ออกมา ซึ่งแฟรนไชซีกว่า 90 % ได้ดำเนินกิจการแมคโดนัลด์ทั่วโลก
ภาพจาก bit.ly/2WtH3up
ในประเทศอเมริกานั้น มีพื้นที่บริการเพียงแค่รูปแบบ Drive-Thru เท่านั้น หรือไม่ก็ให้ซื้อกลับบ้านหรือจัดส่งถึงบ้าน โดยบางพื้นที่อาจมีการจำกัดระยะเวลาเปิดทำการ
ในตลาดต่างประเทศอย่างเช่นประเทศฝรั่งเศสกับประเทศแคนาดาจำกัดพื้นที่เปิดทำการ โดยบางประเทศอย่างเช่นอิตาลีกับสเปนนั้น ปิดทำการหมดทุกพื้นที่
ระยะเวลาเปิดทำการในแต่ละพื้นที่ในบริษัทระหว่างประเทศนั้น เป็นไปตามข้อบังคับของรัฐบาลประเทศนั้น ๆ โดยร้านแมคโดนัลด์ที่เปิดในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังคงเปิดทำการอยู่ ในขณะที่ร้านแมคโดนัลด์ในประเทศจีนกว่า 95 % ยังคงเปิดทำการอยู่
แมคโดนัลด์คาดการณ์ว่า ในระยะยาวกำไรต่อหุ้นยังคงเติบโตขึ้นและมียอดขายเติบโตขึ้นระหว่าง 3-5 % ทางบริษัทได้กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนมกราคมจะมีการเพิ่มร้านใหม่กว่า 1000 พันแห่งในปี 2020 และคาดว่าจะมีเงินสะพัดทั่วโลกกว่า $ 2.4 พันล้าน
ภาพจาก bit.ly/2xWc7c7
ทางด้าน The Wall Street Journal ได้รายงานว่า ทางแมคโดนัลด์ได้ทำการชะลอโครงการก่อสร้างทั่วประเทศอเมริกา โดยที่บริษัทไม่อาจดำเนินการตามข้อเรียกร้องได้โดยทันที
หุ้นแมคโดนัลด์ไม่ได้เคลื่อนไหวมากนักในช่วงก่อนเปิดซื้อขาย ซึ่งมูลค่าของตลาดอยู่ราว ๆ $115 พันล้าน โดยที่หุ้นมีการปรับตัวลดลงราว ๆ 25 % ตั้งแต่ช่วงเริ่มปี
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/2xeeHKi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ที่มา : www.cnbc.com
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3drdD6i
