เทียบชัดๆ MUJI vs UNIQLO

หากพูดถึงร้านจำหน่ายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสัญชาติญี่ปุ่น MUJI และ UNIQLO เชื่อว่าคงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะทั้งสองแบรนด์มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งในเอเชียและประเทศไทยเป็นอย่างดี ทั้งสองแบรนด์มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีข้อมูลมานำเสนอให้ทราบ

MUJI

MUJI vs UNIQLO

ภาพจาก facebook.com/muji.thailand

MUJI ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายผู้ชาย-หญิง และของใช้ภายในบ้าน ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1980 จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายคุณภาพดีหลากหลาย รวมทั้งของใช้ในครัวเรือน โดย MUJI ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง “สินค้าคุณภาพดี ไม่มียี่ห้อ” ผลิตภัณฑ์ของ MUJI เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตที่สมเหตุสมผล กล่าวคือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จำหน่ายภายในร้านเปรียบเสมือนภาชนะว่างเปล่า เรียบง่ายและความว่างเปล่า ก่อให้เกิดความเป็นสากลขั้นสูงสุด เป็นการยอมรับความรู้สึกและความนึกคิดของทุกคน

โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้สโลแกน ก็คือ “บริษัทคำนึงถึงธรรมชาติและผู้สวมใส่ในขั้นตอนการผลิตอยู่เสมอ เกิดเป็นเสื้อผ้าที่เรียบง่ายและเข้าได้กับหลากหลายจังหวะของชีวิต และเติมเต็มจุดประสงค์ของเครื่องแต่งกายได้อย่างเป็นธรรมชาติ”

ภาพจาก facebook.com/muji.thailand

แก่นแท้ของผลิตภัณฑ์ MUJI คือ ความเรียบง่าย มีประโยชน์หลากหลาย และความพอเพียง ที่สามารถเข้ากับการใช้ชีวิตของทุกคนได้ MUJI มุ่งเน้นไปที่การสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์เรียบงาย ราคาต่ำ และมีคุณภาพดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทได้ทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ซ้ำผ่านหลักการทั้งสามอย่าง คือ การเลือกสรรวัสดุ กระบวนการตรวจสอบ และการสร้างบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่าย ตัวอย่างเช่น หากคุณละเว้นกระบวนการฟอกสีสำหรับเยื่อกระดาษ กระดาษที่ได้จะเป็นสีเบจอ่อน

MUJI ใช้กระดาษนี้ในการสร้างบรรจุภัณฑ์และฉลาก ผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลตามมาจากนั้นก็จะบริสุทธิ์และสดใหม่เป็นพิเศษ ในทางตรงกันข้ามที่เห็นได้ชัดของผลิตภัณฑ์ที่ถูกตกแต่งมากเกินไปซึ่งมีอยู่ทั่วไปในตลาด ผลิตภัณฑ์ของ MUJI สามารถเอาชนะความนิยมชมชอบของผู้บริโภค และขยายสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ปัจจุบัน MUJI มีสาขาทั่วโลกกว่า 1,000 แห่ง มีสินค้ากว่า 7,000 รายการ ตั้งแต่เครื่องแต่งกายและของใช้ในครัวเรือน ไปจนถึงอาหารและบ้านพักอาศัย แต่รากฐานของอุดมการณ์ของบริษัทไม่เคยเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่วันที่ก่อตั้งขึ้น เปรียบเสมือนเข็มทิศที่ชี้ไปทางทิศเหนือ บริษัทยึดมั่นอยู่ที่หลักพื้นฐานและความเป็นสากลของชีวิตประจำวันไว้อยู่เสมอ

ภาพจาก facebook.com/muji.thailand

สำหรับในประเทศไทยนั้น MUJI เปิดสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลมเมื่อปี 2549 โดยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ได้ซื้อแฟรนไชส์เข้ามาเปิดสาขาในไทย ต่อมาหลังจากนั้น BOI ได้ปรับกฎเกณฑ์ต่างๆ ทำให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยได้ง่ายขึ้น เซ็นทรัล กับ Ryohin-Keikaku จึงได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางธุรกิจไปสู่การร่วมทุน โดยจัดตั้ง บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากมองว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งใน Strategic Market ของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

MUJI มีสาขาทั่วโลกราวๆ 1,000 สาขาใน 28 ประเทศ ปัจจุบันในประเทศไทย MUJI ได้เปิดให้บริการทั้งหมด 28 สาขาหลังจากเปิดสาขาแรกเมื่อปี 2549 ต่อมาปี 2556 ร่วมทุนระหว่าง “Ryohin-Keikaku” บริษัทแม่ MUJI ประเทศญี่ปุ่น กับ “เซ็นทรัล” จัดตั้ง “บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด” ทุนจดทะเบียน 660 ล้านบาท วางจำหน่ายกว่า 3,000 รายการ โดยทำเลร้าน MUJI อยู่ตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าชั้นนำทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

รายได้ MUJI ประเทศไทย

ภาพจาก facebook.com/muji.thailand

จากการตรวจสอบงบกำไรขาดทุนของบริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด บนเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีดังนี้ บริษัทจัดตั้ง 26 พ.ย. 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 660 ล้านบาท

  • ปี 2562 รายได้ 1,144 ล้านบาท กำไร 71 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 638.7 ล้านบาท กำไร 23 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 995 ล้านบาท กำไร 28 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 1,770 ล้านบาท กำไร 117 ล้านบาท

UNIQLO

ภาพจาก facebook.com/uniqlo.th

UNIQLO แบรนด์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งเดือนมีนาคม 2492 ในจังหวัดยามางูจิ โอโงริ โชจิ ได้เปิดร้านขายเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายที่มีชื่อว่า “เมนส์ช็อปโอเอส” (Men’s Shop OS) ขึ้นในเมืองอูเบะ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2527 เปิดร้านขายเสื้อผ้าโดยมีคอนเซ็ปต์ made for all หรือเสื้อผ้าลำลองที่ทำมาเพื่อทุกคน คุณภาพดี ใส่สบาย ราคาถูก มีให้เลือกหลายสีและไม่ตามเทรนด์แฟชั่น เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยในฟุกุโรมาชิ ตั้งอยู่ในเมืองนากากุ จังหวัดฮิโรชิมะ ภายใต้ชื่อ “ยูนีคโคลธิงแวร์เฮาส์” (Unique Clothing Warehouse)

ในช่วงแรกจากชื่อ “ยูนีคโคลธิง” ได้ปลี่ยนเป็น “ยูนิโคล่” (uni-clo) ต่อมาในปี 2531 จากการบริหารงานในสาขาที่ฮ่องกง พนักงานได้อ่านผิดจาก “ซี” (C) เป็น “คิว” (Q) ทำให้กลายเป็นชื่อใหม่ ผู้บริหารได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยูนิโคล่” (uniqlo) ในประเทศญี่ปุ่นด้วย หลังจากนั้นในเดือนกันยายน 2534 ชื่อบริษัทได้ถูกเปลี่ยนจาก “โอโงริ โชจิ” (Ogori Shōji) เป็น “ฟาสต์รีเทลลิง” (Fast Retailing) และในเดือนเมษายน 2537 มีร้านยูนิโคล่ UNIQLO มากกว่า 100 แห่งในประเทศญี่ปุ่น และมีสาขาในต่างประเทศราวๆ 14 ประเทศทั่วโลก

ภาพจาก facebook.com/uniqlo.th

UNIQLO Japan มีร้าน 810 แห่ง รวมร้านแฟรนไชส์ 30แห่งทั่วญี่ปุ่น (เดือนสิงหาคม 2564) ในส่วนของ UNIQLO ในต่างประเทศขยายสาขากว่า 1,502 แห่ง รวมถึง 932 แห่งในประเทศจีน, 134 แห่งในเกาหลีใต้, 270 แห่งในเอเชียใต้ และ 57 แห่งในอเมริกาเหนือ บริษัทมีเป้าหมายเปิดสาขาใหม่โดยเฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับในประเทศไทย UNIQLO เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ถือป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ต่อมาได้เปิดสาขาพัฒนาการเมื่อปี 2561 ซึ่งเป็นโรดไซด์สโตร์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้แต่งตั้ง ญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์ เป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์คนแรกของประเทศไทยเมื่อปี 2563 ก่อนที่จะขยายสาขา UNIQLO ไปทั่วประเทศ จนมีสาขามากกว่า 61 สาขา (พฤศจิกายน 2565)

ภาพจาก facebook.com/uniqlo.th

จุดเด่นของ UNIQLO สามารถผลิตสินค้าไม่ซ้ำใครได้จำนวนมาก เนื่องจากโมเดลธุรกิจรวมเอากระบวนการผลิตเสื้อผ้าทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตั้งแต่การวางแผน การออกแบบ ไปจนถึงการผลิต การจัดจำหน่าย และขายปลีก โดยมีการขยายตลาดไปทั่วโลก เนื่องจากบริษัทได้พัฒนาวัสดุใหม่ๆ ร่วมกับผู้คิดค้นเทคโนโลยีผ้าที่ดีที่สุดในโลก

อีกทั้งบริษัทได้สร้างการออกแบบขั้นพื้นฐาน ใช้วัสดุจากธรรมชาติชั้นเลิศ UNIQLO LifeWear เป็นเสื้อผ้าคุณภาพสูงที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม ซึ่งมีดีไซน์และความสบายที่เป็นสากล ปัจจุบัน UNIQLO ใช้ประโยชน์จากโลกดิจิตอลเพื่อสื่อสารโดยตรงกับลูกค้าและเปลี่ยนความต้องการของลูกค้าให้เป็นผลิตภัณฑ์จริงได้อย่างรวดเร็ว

รายได้ UNIQLO ประเทศไทย

ภาพจาก facebook.com/uniqlo.th

จากการตรวจสอบงบกำไร-ขาดทุนของบริษัท ยูนิโคล่ จำกัด บนเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีดังนี้ บริษัทจัดตั้ง 4 พ.ค. 2554 ด้วยทุนทุนจดทะเบียน 1,500 ล้านบาท

  • ปี 2562 รายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท กำไร 2.4 พันล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 1 หมื่นล้านบาท กำไร 2 พันล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 8.4 พันล้านบาท กำไร 1.1 พันล้านบาท

นั่นคือ เรื่องราวและจุดเด่นของแบรนด์ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสัญชาติญี่ปุ่น MUJI และ UNIQLO ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในหลายๆ ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ข้อมูลจาก https://bit.ly/3QeVNXP , https://bit.ly/3WQshdO , https://bit.ly/2AoGEOw , https://bit.ly/3ZboWHs , https://muji.lu/3Za66k1

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3jOIyBc

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช