รวม 15 สิ่งที่ไม่ควรใช้เงินซื้อ! ไม่มีก็อยู่ได้

ทุกวันนี้การจำกัดค่าใช้จ่ายเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้เรามีเงินเหลือใช้มากขึ้น ในสถานการณ์ที่รายได้หดหาย บางคนตกงาน จากที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยเพราะหาได้ง่าย ในยุคนี้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ แม้ว่าสินค้าหลายอย่างยังมีความจำเป็นที่เราต้องกินต้องซื้อ

แต่ www.ThaiSMEsCenter.com ก็เห็นว่ามีอีกหลายอย่างเช่นกันที่ประหยัดได้ก็ควรประหยัดเพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือใช้จ่ายสิ่งเหล่านี้ให้น้อยลงชีวิตของเราก็ยังดำเนินต่อไปได้ แม้ไม่อาจทำให้เรารวยขึ้น แต่ก็ทำให้เรามีเงินเหลือมากขึ้นได้

ไม่มีก็อยู่ได้

ภาพจาก freepik.com

1.ซื้อสินค้าลดราคา

คำว่าสินค้าลดราคาในที่นี้เราโฟกัสไปที่พวกเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ หรือแม้แต่อุปกรณ์จิปาถะต่างๆ ที่คนขายใช้กลยุทธ์ลดราคามาดึงดูดใจเรา แต่เชื่อหรือไม่ว่าสินค้าบางอย่างเรายังไม่จำเป็นต้องใช้ ไม่จำเป็นต้องมี หรือบางทีเราก็มีสินค้าเหล่านั้นอยู่แล้ว แต่เพราะคำว่าลดราคาก็ทำให้เราต้องเสียเงินซื้อสินค้าเหล่านี้มาเก็บไว้โดยไม่จำเป็น

2.การรับประทานอาหารราคาแพง

อาหารเป็นปัจจัย 4 ที่จำเป็น แต่บางคนเสียเงินไปกับอาหารสุดหรูแสนแพง ทั้งที่ความจริงเรากินอาหารราคาธรรมดาเราก็อยู่ได้ อาจจะเพราะด้วยหน้าตาทางสังคม หรือจะเหตุผลใดๆ ก็ตามแต่ บางคนชอบกินอาหารห้องแอร์ หรือในร้านที่มีราคาแพง ๆทั้งที่รายได้ตัวเองไม่ได้มีมาก วิธีใช้จ่ายแบบนี้ทำให้เราหมดเงินโดยไม่จำเป็น

6

ภาพจาก freepik.com

3.ปาร์ตี้หลังเลิกงาน

โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่วันเงินเดือนออก หรือเย็นวันสุดท้ายของการทำงาน มักมีนัดรวมตัว ปาร์ตี้สังสรรค์ ด้วยอ้างว่าคลายเครียดจากงานที่ทำหรือเหตุผลใดๆก็ตามแต่ รายจ่ายในส่วนนี้เฉลี่ยต่อคนบางทีตกเดือนละหลายพันบาท ซึ่งถือว่าไม่มีความจำเป็นโดยเฉพาะในยุคของการแพร่ระบาดCOVID แบบนี้ยิ่งไม่สมควรอย่างมาก

4.โปรโมชั่นโทรศัพท์ที่แพงเกินไป

โทรศัพท์และอินเทอร์เนตมีความจำเป็นกับคนในยุคนี้ แต่ก็ควรเลือกโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง บางโปรราคาแพงมาก ค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูงกว่า 1,000 บาท ทั้งที่เราไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ คงจะดีกว่าถ้าเราเลือกโปรใช้งานที่ราคาถูกลงไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน อาจทำให้เรามีเงินเหลือจากส่วนนี้ได้เดือนละหลายร้อยบาท

5

ภาพจาก freepik.com

5.ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ไม่จำเป็น

การใช้ชีวิตในกรุงเทพจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายจากการเดินทาง ทั้งค่ารถไฟฟ้า รถเมล์ วินมอเตอร์ไซด์ แท็กซี่ เป็นต้น ซึ่งบางคนใช้จ่ายตรงนี้สูงมาก เช่นบางทีตื่นสายต้องรีบไปทำงานก็ต้องเรียกวินมอเตอร์ไซด์ หรือไม่ก็ต้องใช้บริการแท็กซี่ หรือบางทีต้องการความรวดเร็วก็ใช้บริการรถไฟฟ้า ซึ่งหากเราปรับวิธีคิด วิธีเดินทางเช่นตื่นเร็วขึ้น ออกจากบ้านเร็วขึ้น เราอาจไม่ต้องเสียค่ารถไฟฟ้า ไม่ต้องใช้บริการแท็กซี่ หรือวินมอเตอร์ไซด์ ก็ช่วยประหยัดรายจ่ายได้มากขึ้น

6.ค่าบริการเสริมรายเดือนเพื่อความบันเทิง

เข้าใจว่าทุกคนอยากคลายเครียด ซึ่งปัจจุบันก็มีบริการเสริมด้านความบันเทิงมากมาย เช่นแอพพลิเคชั่นสำหรับการดูหนังแบบรายเดือน หรือ บริการเสริมอื่นๆ ที่เราจำเป็นต้องจ่ายค่าบริการรายเดือน หากเรามีเงินมากพอการใช้บริการเหล่านี้ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ถ้ายุคนี้เรามีเงินน้อย ถ้าเลือกจำกัดรายจ่ายส่วนนี้ลงได้ เราก็จะมีเงินเหลือใช้ต่อเดือนมากขึ้น

7.ค่าใช้จ่ายสำหรับยานพาหนะส่วนตัว

ยานพาหนะคือสิ่งที่จำเป็น ไม่ว่าจะมอเตอร์ไซด์หรือว่ารถยนต์ และบางคนก็ชอบตกแต่งรถยนต์ให้สวยงาม ก็เท่ากับเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้มากขึ้นโดยไม่จำเป็น เพราะปกติการใช้รถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์ก็มีค่าใช้จ่ายน้ำมันต่อเดือน สำหรับรถยนต์ก็อาจมีค่าทางด่วนเพิ่มขึ้น ไหนจะค่าซ่อมแซมบำรุงรถยนต์ที่ถือว่ารายจ่ายต่อเดือนค่อนข้างสูง ดังนั้นหากประหยัดส่วนนี้ได้ก็คงเป็นเรื่องที่ดีมาก

4

ภาพจาก freepik.com

8.เครื่องประดับต่างๆ

เครื่องประดับที่ไม่ควรซื้อหรือซื้อได้ก็ไม่ควรให้มากเกินความจำเป็น เช่น ต่างหู แหวน สร้อยข้อมือ หรือบางคนใส่เครื่องประดับพวกเพชรพลอยเพื่อแสดงให้คนอื่นรู้ว่าฉันมีเงิน แต่ความจริงแล้วใส่แค่นาฬิกาเรือนเดียวก็ได้ หรือคุณผู้หญิงอาจมีต่างหูหรือสร้อยสักเส้นประดับก็พอ จะได้ไม่สิ้นเปลืองเงินมากนัก

9.สินค้าแฟชั่นที่ไม่จำเป็น

บางคนตามติดแฟชั่น อินเทรนด์ตลอดเวลามีอะไรใหม่ก็ต้องรีบซื้อ ไม่ว่าจะโทรศัพท์รุ่นใหม่ เสื้อผ้าแบรนด์เนม รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ สิ่งเหล่านี้คือสินค้าแฟชั่นที่ไม่จำเป็นและยังไม่จำเป็นต้องมีในขณะนี้ เราสามารถใช้ของที่มีอยู่เดิมก่อนได้ รายจ่ายเราก็จะไม่มากขึ้นด้วย

10.ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ใช้เกินความพอดี

ค่าบริการสาธารณูปโภคอย่างค่าน้ำ ค่าไฟ คือรายจ่ายต่อเดือนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมและจำกัดการใช้เพื่อให้ตัวเลขรายจ่ายในส่วนนี้ลดลงได้ อย่างไฟบางดวงไม่ใช้ก็ควรจะดับ หรือตอนนอนกลางคืนก็ไม่ควรนอนเปิดไฟ บ้านไหนมีแอร์ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ควรเปิดทิ้งไว้ หันมาใช้พัดลมแทนบ้าง ซึ่งการประหยัดน้ำประหยัดไฟ คือวิธีลดรายจ่ายที่เราควรทำ

3

ภาพจาก freepik.com

11.ค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าออนไลน์

ยุคนี้การตลาดออนไลน์เฟื่องฟูมาก ยิ่งคนไม่ค่อยออกจากบ้านและหันมาช็อปผ่านออนไลน์ ก็ทำให้การซื้อสินค้าออนไลน์กลายเป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มรายจ่ายให้กับเราไม่รู้ตัว ด้วยความง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วคลิ๊ก บางคนสั่งสินค้าออนไลน์มาส่งทุกวัน แม้ราคาจะไม่แพงชิ้นละ 20-100 บาท แต่ถ้ามาเรื่อยๆ มาทุกวัน รายจ่ายก็มากตามไปเช่นกัน

12.เครื่องดื่มที่มีราคาแพงเกินความจำเป็น

รสนิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกันอันนี้เราเข้าใจ บางคนชอบกาแฟพรีเมี่ยมแก้วละ 50-100 บาท หรือบางคนชอบดื่มชาไข่มุกแก้วละ 50-60 บาท ถ้าเรามีเงินเหลือใช้มากพอ ไม่เดือดร้อนใครก็คงไม่แปลก แต่ถ้าเรามีเงินน้อย รายได้หดหาย เราอาจจะลองหันมาดื่มกาแฟราคาถูกลงแก้วละ 25-40 บาท หรือชานมไข่มุกแก้วละ 20-30 บาท และลดปริมาณเหลือแค่วันละ 1 แก้ว อาจไม่ถูกใจเรามากนักแต่ก็ช่วยลดภาระรายจ่ายเราได้

2

ภาพจาก freepik.com

13.รายจ่ายที่เกิดจากการผ่อนสินค้า

เมื่อไม่มีเงินสด ไม่มีเงินก้อน ถ้าต้องการซื้อสินค้าก็ต้องใช้ระบบการผ่อนโดยเฉพาะการผ่อนผ่านบัตรเครดิตต่างๆ ที่มีโปรโมชั่น 0% กี่เดือนก็ว่ากันไป ในช่วงแรกก็แฮปปี้ดีใจกับการได้สินค้าใหม่ แถมบางทียังไม่ต้องเริ่มผ่อน แต่เมื่อถึงกำหนดผ่อนคราวนี้ก็คือการเพิ่มภาระรายจ่ายให้มากขึ้น บางคนผ่อนสินค้าหลายชนิดพร้อมกันยิ่งทำให้มีรายจ่ายมากขึ้น ทางที่ดีคือเลือกผ่อนเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เท่านั้น อะไรที่ยังไม่จำเป็นก็อย่าเพิ่งไปผ่อนซื้อมา

14.รายจ่ายจากบัตรเครดิต

ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่มักมีบัตรเครดิตกันคนละ 1-2 ใบอย่างน้อย ข้อดีของการมีบัตรเครดิตคือเราสามารถกดเงินสดมาใช้ก่อนได้ แต่ก็หมายความว่าเราจะเป็นหนี้ทันที หากเราบริหารจัดการไม่ดีหนี้จากบัตรเครดิตจะกลายเป็นดินพอกหางหมูและคนที่จะแย่ก็คือตัวเรา ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้บัตรเครดิต เพื่อให้เรามีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น

1

ภาพจาก bit.ly/2UvT3wp

15.การเสี่ยงโชค

บางคนมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนในการเสี่ยงโชคสูงหลายพันบาทต่อเดือน โดยมีเหตุผลคือต้องการจะถูกรางวัล แต่ถ้าไม่ถูกก็จะหลายเป็นเงินที่หายไปในทันที การเสี่ยงโชคเป็นเรื่องที่เราทำได้แต่ไม่ควรให้มากเกินไป ควรใช้จ่ายในส่วนนี้น้อยๆ เช่นงวดละ 1 ใบ และไม่ควรเล่นการพนันอื่นๆ เพราะจะทำให้มีรายจ่ายมากขึ้นและโอกาสที่จะได้ไม่คุ้มเสียนั้นมีสูง

ในยุคที่สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID ยังรุนแรง การบริหารการเงินเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องอยู่กับสถานการณ์แบบนี้อีกนานแค่ไหน ในอนาคตจะดีขึ้นหรือรุนแรงกว่าเดิมก็ไม่อาจคาดเดา สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือบริหารการเงินที่ตัวเองมีให้ดีที่สุด จำกัดรายจ่ายอะไรที่ไม่สำคัญก็หยุดไว้ก่อน เพราะถึงไม่มีก็ยังอยู่ได้ เพื่อให้เรามีเงินทุนสำรองมากขึ้นเผื่อเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3yl47LA , https://bit.ly/3yujAZJ , https://bit.ly/3xqpT0E

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3dYk5DL

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด