“Mark Zuckerberg” สุดยอดโปรแกรมเมอร์ และ CEO ผู้ใจบุญแห่ง FaceBook

Mark Zuckerberg แฮ็กเกอร์หนุ่ม จากฮาร์วาร์ด ผู้ก่อตั้ง Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่สุดของโลก จนโด่งดังไปทั่ว และได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารไทม์ให้เป็นบุคคล ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกประจำปี ค.ศ.2008 ขณะอายุเพียง 23 ปี

p1

ภาพจาก https://goo.gl/rFxmYE ,https://goo.gl/vzrFX2

โดยปัจจุบันมีผู้ใช้เฟซบุ๊กมากกว่า 400 ล้านคน นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2004 จนกระทั่งในวันนี้ เขาถือเป็น CEO ผู้ใจบุญแห่งยุคคนหนึ่ง

ด้วยการบริจาคเงินเข้าองค์กรการกุศล ด้วยการบริจาคจำนวนหุ้นกว่า 99% ที่พวกเขาถือครองอยู่นั้น ให้กับองค์กรการกุศลที่ชื่อ Chan Zuckerberg Intiative ซึ่งตีเป็นเงินมูลค่ากว่า 45,000 ล้านดอลลาร์ หรือตีเป็นเงินไทยได้ 1,611,157,500,000 บาท

ส่วนเรื่องราวชีวิตอื่นๆ ของเขาจะเป็นอย่างไร วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะฉายภาพย้อนหลังให้ดูอีกครั้งครับ

ช่วงวัยเด็ก

p5

ภาพจาก https://goo.gl/sRQJ27

Mark Zuckerberg เกิดวันที่ 14 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1984 ณ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวอเมริกันเชื้อสายยิว โดยพ่อประกอบอาชีพส่วนตัวเป็นหมอฟัน

ส่วนแม่เป็นนักจิตวิทยา เขามีพี่น้อง 4 คน โดย Mark Zuckerberg เป็นลูกชายคนโตคนเดียวของบ้าน เขาอยู่ในครอบครัวค่อนข้างมีฐานะมั่นคง เรียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก ชอบขลุกอยู่แต่ในห้อง

Mark Zuckerberg เริ่มฉายแววเป็นเด็กอัจฉริยะมาตั้งแต่เขาอายุ 12 ขวบ โดยเขาได้ใช้ ATARI Basic พัฒนาโปรแกรมรับส่งข้อความทางอินเตอร์เน็ต โดยตั้งชื่อว่า Zucknet และนำไปใช้กับกิจการทันตกรรมของที่บ้าน เพื่อให้ทีมงานภายในบริษัทสามารถสื่อสารผ่านข้อความ โดยไม่ต้องคอยตะโกนเรียกกันแบบในอดีต

ที่โรงเรียนอาร์ดสลีย์ไฮสคูล เขามีความสามารถด้านการศึกษาคลาสสิก ก่อนที่เขาจะย้ายไปเรียนระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนฟิลิปส์เอกเซกเตอร์อคาเดมี

ที่นี่ Mark Zuckerberg ได้รับรางวัลทางวิทยาศาสตร์ (คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และฟิสิกส์) และศึกษาด้านศิลปะคลาสสิก เขายังเรียนภาษาต่างประเทศ โดยเขาสามารถอ่าน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาฮิบรู ภาษาละติน และภาษากรีกโบราณ เขายังเป็นกัปตันทีมฟันดาบ

การใช้ชีวิตสมัยเรียน

p6

ภาพจาก https://goo.gl/kF7MfW

ในปี 2003 นักศึกษาปีที่ 2 ชื่อ Mark Zuckerberg ได้สร้างโปรแกรมหนึ่งขึ้นมาสำหรับนักศึกษาในมหาวิทยา Harvard ชื่อ Face Mash โปรแกรมนี้จะโชว์รูปเพื่อนในมหาวิทยาลัยขึ้นมา และให้โหวตว่าคนนี้ Hot หรือไม่

รูปของทุกคนก็ไม่ได้เอามาจากที่ไหน แต่เป็นการ hack ข้อมูลมาจากระบบธุรการของหอพักในมหาวิทยาลัย ในชั่วโมงแรกมีคนเล่นโปรแกรมนี้ถึง 450 คน และ เปิดรวมกันถึง 22,000 หน้า

p7

ภาพจาก https://goo.gl/t2M4u4

ในตอนนั้น เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่สนุกของทุกคน แต่คงไม่สนุกสำหรับอาจารย์ เพราะว่ามันละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ในการขโมยข้อมูลรูปของทุกคนในฐานข้อมูล สุดท้ายเรื่องดังกล่าวได้ย้อนกลับมาเป็นปัญหาที่สำคัญของ Facebook ในปีนี้

ในกรณี Cambridge Analytica ซึ่งเป็นเรื่องคล้ายกัน คือ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในการนำข้อมูลที่เป็นส่วนตัวไปใช้ประโยชน์ สุดท้าย Mark Zuckerberg ก็ถูกเรียกพบ หลังจากนั้น 2 วัน Face Mash ก็ถูกปิดตัวลง

ชีวิตช่วงวัยการทำงาน

p10

ภาพจาก https://goo.gl/TSNkyg

Mark Zuckerberg ยังไม่ล้มเลิกในการพยายาม ที่จะเก็บข้อมูลของนักศึกษาลงบนโลกออนไลน์ เขาจึงเขียนเว็บขึ้นมา แล้วให้นักศึกษาฮาร์วาร์ดลงทะเบียน เพื่อกรอกประวัติและข้อมูลส่วนตัวลงไป โดยเปิดตัวเว็บไซต์ครั้งแรกในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2004 ที่มีชื่อว่า “TheFacebook.com” กระทั่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Facebook.com

โดยเว็บที่ว่านี้นั้นมีเพื่อนๆ ในมหาลัยของเขา เข้ามาช่วยกันสร้างมันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Eduardo Saverin, Andrew McCollum, Dustin Moskovitz และ Chris Hughes

p9

ภาจาก https://goo.gl/tHpGUi

หลังจากที่เปิดตัว ก็มีนักศึกษาฮาร์วาร์ดเข้ามาลงทะเบียนใช้งานกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด มาร์คจึงตัดสินใจที่จะขยายไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ จนกระทั่งสามารถเข้าถึงมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง โดยในระหว่างนี้ Facebook อยู่ได้โดยเงินจากแบนเนอร์โฆษณาจากการจัดงานของนักศึกษา ราวๆ เฉลี่ยเดือนละ 2,000 – 3,000 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 60,000 – 90,000 บาท)

m1

ภาพจาก https://goo.gl/jtrZiN

กระทั่งเวลาต่อมา Mark Zuckerberg กับเพื่อนๆ ตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปอาศัยอยู่ที่ Palo Alto รัฐ California หรือที่ารู้จักในนามว่า Silicon Valley ที่เป็นแหล่งกำเนิดของเหล่าบรรดาธุรกิจสตาร์ทอัพ อันดับต้นๆ ของโลกรวมกันอยู่ที่นี่

โดย Mark Zuckerberg ได้ Drop เรียนเอาไว้ หลังจากที่เข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ดได้เพียง 2 ปี หลังจากนั้น Mark Zuckerberg ก็ไม่ได้กลับไปเรียนอีกเลย

p11

ภาพจาก https://goo.gl/rtf4vF

จนกระทั่งภายหลัง 12 ปีต่อมา Mark Zuckerberg ได้รับเกียรติด้วยการรับเชิญ เข้าพิธีรับปริญญาดุสดีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี ค.ศ. 2017 ในระหว่างนี้ทาง MTV เสนอซื้อกิจการของ Facebook เป็นเงินจำนวน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราวๆ กว่า 2 พันล้านบาท) แต่ Mark ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ไป

จนกระทั่ง Mark Zuckerberg ได้มีโอกาสพบกับ Sean Parker ผู้ซึ่งเห็นศักยภาพในการเติบโตของ Facebook ที่จากเพียงเป็นแค่ Project ในระดับนักศึกษามหาวิทยาลัย ให้ก้าวไกลไปสู่โซเชียลมีเดียระดับโลก ต่อจากนั้น Sean Parker ก็ได้ขึ้นแท่นเป็นประธานบริหารคนแรกของ Facebook อีกด้วย

การเติบโต Facebook

pp1

ภาพจาก https://goo.gl/1QbYwx

Sean Parker ได้นำพาให้ Mark Zuckerberg ไปพบกับ Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีต CEO ของระบบรับชำระเงินออนไลน์ระดับโลกอย่าง Paypal ที่ถูกขายไปให้กับ eBay เป็นมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งได้กลายมาเป็นนักลงทุนรายแรกของ Facebook ด้วยเงินจำนวน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือราวๆ กว่า 16 ล้านบาท) ในปี 2004

เพื่อแลกกับการเป็นหุ้นส่วนเพียงเล็ก ประมาณ 7% โดย Facebook ยังอยู่ในการควบคุมของ Mark Zuckerberg อย่างเต็มที่ ส่วน Sean Parker ก็ได้รับหุ้นส่วนเป็นจำนวน 6.47% สำหรับการดีลในครั้งนี้อีกด้วย

pp2

ภาพจาก https://goo.gl/CaumkB

เงินทุนก้อนดังกล่าว ส่งผลให้ Facebook สามารถพัฒนาและเข้าถึงผู้คนได้เป็นจำนวนมากจนครบ 1 ล้านคน เมื่อเดือน พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2004 (ใช้เวลาเพียง 9 เดือนนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มก่อตั้งเว็บไซต์)

และ Peter Theil ก็ได้พา Mark Zuckerberg ไปเซ็นต์สัญญาจับมือกับ Accel Partners และได้เงินลงทุนมาเพิ่มอีก 12.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราวๆ กว่า 300 ล้านบาท) จนกระทั่งในวันสิ้นปีของปี ค.ศ.2005 ก็มีผู้ใช้งาน Facebook เป็นจำนวน 5 ล้านคน (และในปี 2017 ก็มีบัญชีผู้ใช้งานทั่วโลกที่แอคทีฟอยู่รวมแล้วกว่า 2.13 พันล้านคน)

pp3

ภาพจาก https://goo.gl/fs59TE

ความสำเร็จของ Facebook ยังส่งกลิ่นหอมโชยไปทั่ว ถึงขนาดที่ Yahoo! เสนอดีลที่จะซื้อ Facebook ในราคา 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราวๆ กว่า 3 หมื่นล้านบาท) แต่ Mark ก็ได้ปฏิเสธเงินก้อนนี้ไป

เพราะเขาคิดว่า Facebook ยังมีอะไรให้พัฒนา และมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกมากมาย และ Microsoft เองก็เคยเสนอเงินซื้อกิจการ Facebook จำนวน 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ กว่า 4 แสนล้านบาท แต่ Mark ก็ปฏิเสธไปอีกเช่นกัน

จนกระทั่ง Mark Zuckerberg ได้นำ Facebook เข้า IPO ในตลาดหุ้น Nasdaq เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ปี ค.ศ.2012 กลายเป็นการระดมทุนที่สูงที่สุดนับเป็นประวัติกาล สามารถระดมทุนได้ถึง 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ กว่า 5 แสนล้านบาท

ชีวิตส่วนตัวและงานการกุศล

p2

ภาพจาก https://goo.gl/DA3R6P

Mark Zuckerberg ถูกยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปีในปี 2010 โดยนิตยสาร Time Magazine และติดหนึ่งใน 500 Fortune List ในปี 2013 และกลายเป็น CEO ที่อายุน้อยที่สุดในรายชื่อ ณ เวลานั้นที่อายุ 28 ปี

และในปี 2012 Mark Zuckerberg ได้แต่งงานกับ Priscilla Chan ปัจจุบันพวกเขาได้ให้กำเนิดลูกสาว 2 คน นั่นก็คือ Maxima Chan Zuckerberg และ August Chan Zuckerberg

p3

ภาพจาก https://goo.gl/x92wxo

โดยในปี 2018 เขามีรายได้อยู่ที่ 64.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเขากับภรรยาได้ประกาศออกมาว่า จำนวนหุ้นกว่า 99% ที่พวกเขาถือครองอยู่นั้น

จะนำไปบริจาคองค์กรการกุศลที่ชื่อ Chan Zuckerberg Intiative ซึ่งตีเป็นเงินมูลค่ากว่า 45,000 ล้านดอลลาร์ หรือตีเป็นเงินไทยได้ 1,611,157,500,000 บาท

โดยให้เหตุผลในการบริจาคครั้งนี้ว่า เพื่อมุ่งเน้นและยกระดับคุณภาพชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะหลังจากที่พวกเขามีลูกน้อยเกิดขึ้นมา ในฐานะที่เป็นพ่อแม่คนหนึ่ง ก็อยากช่วยเหลือให้เด็กๆ ทั่วโลก ได้เกิดมามีชีวิตที่เท่าเทียมกัน


คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

01

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ goo.gl/8kr63a
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน goo.gl/AsLXmM

อ้างอิงข้อมูล

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช