5 เหตุผลทำไม “ร้านสะดวกซื้อ” เมืองไทย ถึงได้เติบโตดี

อัตราการเติบโตของร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยยังคงสดใส แม้ว่าในธุรกิจนี้จะมีหลายแบรนด์เป็นตัวเลือกให้ลูกค้าไม่ว่าจะเป็น 7-11 , Jiffy , Family Mart , 108ลอว์สัน ไม่นับรวม Mini Big C และTesco Lotus Express ที่มีการแตกไลน์กระโดดเข้าร่วมเทรนด์ร้านสะดวกซื้อมากขึ้น

ถึงแม้การแข่งขันในวงการนี้จะสูงแต่ในมุมกลับกันผู้บริโภคก็มีจำนวนมากที่สำคัญในใจของทุกคนตอนนี้มีร้านสะดวกซื้อเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันชนิดที่วันไหนร้านปิดร้านหยุดวันนั้นแทบจะทำอะไรไม่เป็นเลยก็มี แน่นอนว่าแบรนด์ร้านสะดวกซื้อแต่ละแห่งต่างก็มีกลยุทธ์ในการทำธุรกิจที่แตกต่างกันไป

แต่ในภาพรวม www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าเหตุผลสำคัญประการใดที่ทำให้ร้านสะดวกซื้อในเมืองไทยโตวันโตคืนดีเหลือเกิน

1.เรียนรู้ที่จะปรับตัวได้เร็ว

ถึงได้เติบโตดี

ตรงกับสำนวนว่า “ไผ่ลู่ลม” ร้านสะดวกซื้อที่เราเห็นส่วนใหญ่จะไม่ขวางกระแส แต่จะกระโดดเข้าร่วมกระแส ไม่ว่าสังคมยุคนั้นจะมีอะไรแปลกใหม่เข้ามา ร้านสะดวกซื้อจะเข้าร่วมด้วย ซึ่งความทันสมัยและทำตัวให้กลมกลืนกับยุคที่ว่านี้ทำให้คนในสังคมไม่รู้สึกแปลกแยกกับร้านสะดวกซื้อ ตรงกันข้ามเทคนิคนี้ค่อยๆละลายพฤติกรรมลูกค้าให้นึกถึงร้านสะดวกซื้อเป็นอันดับแรก

ในยุคแรกๆที่ร้านสะดวกซื้อเปิดตัวขึ้นมา เกิดคำถามในใจคนซื้อมากมายว่าจะมาแทนร้านค้าปลีก ร้านค้าชุมชน ได้ดีแค่ไหน จะเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไปหรือเปล่า สุดท้าย ร้านสะดวกซื้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทฤษฏีการคล้อยตามทำให้ธุรกิจอยู่รอดปลอดภัยอย่างแข็งแรง

2.เป็นผู้นำไม่ใช่ผู้ตาม

142

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจในแนวทางของร้านสะดวกซื้อคือคิดก่อน ทำก่อน โดยนำแนวทางจากสาขาของร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในต่างประเทศมาเป็นแนวทาง อันไหนชิมลางแล้วดีก็ทำต่อ อันนั้นดูแล้วไม่ใช่คนไทยไม่ชอบ ก็ออกตัวว่าเป็นการทดลองแล้วก็เลิกล้มไป ทั้งนี้ไม่ได้ตายตัวว่าบริการของร้านสะดวกซื้อในทุกสาขาจะต้องเหมือนกันหมด

ดูได้จากบางแห่งมีบริการพื้นที่ในนั่งทานในร้านเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า ในต่างประเทศบริการของร้านสะดวกซื้อยิ่งล้ำนำหน้าเมืองไทยมาก เช่นที่ไต้หวันมีบริการซื้อขายหุ้นในร้าน, ร้าน Alfamart ในประเทศอินโดนีเซีย มีการแชร์ข้อมูลดาต้าของลูกค้าในร้านให้กับแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าเพื่อพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น เป็นต้น

3.ครอบครัวคนไทยมีขนาดเล็กลง

143

ขนาดของครอบครัวที่เล็กลงเป็นผลดีต่อร้านสะดวกซื้ออย่างยิ่งเพราะปริมาณการใช้สินค้าอุปโภคบริโภคก็ลดน้อยลงไปด้วย สมัยก่อนแต่ละครอบครัวมีสมาชิกรวมกัน ไม่ต่ำกว่า 5 คนอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ การซื้อสินค้าแต่ละทีก็ต้องไปห้างค้าส่งเพื่อซื้อจำนวนมากๆ แต่ปัจจุบันแต่ละครอบครัวมีลูกเฉลี่ยบ้านละ 1-2 คน ใน 1 ครอบครัวอยู่กันไม่เกิน 4 คน การใช้สินค้ามีความต้องการแต่ลดขนาดลง ดังนั้นทางเลือกในร้านสะดวกซื้อก็เป็นตัวช่วยประหยัดรายจ่ายที่ดีเช่นกัน

4.เปิดตลอด 24 ชม.

145

อันนี้สำคัญมากดังจะเห็นได้ว่าแม้ไฮเปอร์มาเก็ตที่แข่งขันกับร้านสะดวกซื้ออย่างเทสโก้ หรือว่าบิ๊กซี ก็ยังทำส่วนนี้ได้ไม่ดีพอ คำว่าเปิดตลอด 24 ของร้านสะดวกซื้อคือตลอด 24 จริง ๆ มีพนักงานคอยต้อนรับเราเสมอแม้จะดึกดื่นแค่ไหน ยกตัวอย่างของ 7-11 ที่ใช้พนักงาน 3 คนต่อกะ และใช้คน ประจำร้าน ตลอด 24 ชั่วโมง ปริมาณพนักงานหมุนเวียนต่อวันมากกว่า85,000คนในทุกสาขาทั่วประเทศ

5.มีสารพัดบริการช่วยลดเวลาลูกค้าในยุคเร่งรีบ

144

นึกให้ดีว่าทุกวันนี้เราเข้าร้านสะดวกซื้อวันละกี่ครั้ง เช้าก่อนออกไปทำงานต้องมีแวะสักครั้ง เย็นกลับมาต้องมีแวะก่อนเข้าบ้านอีกสักครั้ง ต้นเดือนแวะจ่ายค่าน้ำค่าไฟ หรือบางทีเลยกำหนดไปแล้วเราก็ยังตามมาจ่ายได้แม้จะเสียค่าบริการเพิ่มขึ้นก็ตาม ไม่นับรวมเรื่องการจ่ายบิลจิปาถะที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปไกล แค่มีร้านสะดวกซื้อก็ลดเวลาได้มาก

ด้วยข้อดีที่เด่นแบบนี้ทำให้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าร้านสะดวกซื้อนั้นก็สะดวกสมชื่อ ไม่น่าแปลกใจอีกเหมือนกันที่จะเห็นใครต่อใครอยากลงทุนในธุรกิจนี้แม้บางทีซอยเดียวกันจะมีร้านสะดวกซื้อเปิดติดกันกว่า 2-3 แห่งก็ตามที

146

มองภาพรวมอนาคตของร้านสะดวกซื้อแม้เจ้าใหญ่เช่น 7-11 จะเป็นผู้นำในตลาดนี้ตามมาด้วยอีกหลายแบรนด์แต่การจะรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ 7-11 ก็ต้องมีการพัฒนาตัวเองตามยุคสมัยให้ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ 7-11 ทำได้ดีมาโดยตลอดในฐานะแบรนด์ร้านสะดวกซื้อรายอื่นก็เช่นกันการจะพัฒนาตัวเองขึ้นมาแชร์ส่วนแบ่งการตลาดสำคัญที่ระบบการบริหารจัดการต้องดี ต้องทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในคุณภาพและบริการจะมีโอกาสสร้างกำไรจากธุรกิจได้มากขึ้นเช่นกัน


SMEs Tips

  1. เรียนรู้ที่จะปรับตัวได้เร็ว
  2. เป็นผู้นำไม่ใช่ผู้ตาม
  3. ครอบครัวคนไทยมีขนาดเล็กลง
  4. เปิดตลอด 24 ชม.
  5. มีสารพัดบริการช่วยลดเวลาลูกค้าในยุคเร่งรีบ

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด