เปิด 20 อาชีพลงทุนไม่เกิน 5,000 กำไรดีเหลือเชื่อ!

ถ้ามีเงิน 5,000 คงเลือกลงทุนอะไรมากไม่ได้ ต้องเน้นการใช้ความสามารถตัวเองมากเป็นพิเศษ โดยเงิน 5,000 อาจจะแปรมาเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้

อย่างไรก็ดีนอกจากขายความสามารถที่มี เงิน 5,000 อาจแปลงเป็นธุรกิจเล็กๆที่มีสินค้าให้เลือกไม่มากนัก แต่อย่าดูถูกเงิน 5,000 บางคนเริ่มต้นเท่านี้แต่กิจการก็เติบโตจนกลายเป็นแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ www.ThaiSMEsCenter.com รวบรวมมา 20 อาชีพในการลงทุนหากคุณมีเงินลงทุนไม่เกิน 5,000 บาท

1.ลงทุนกับแฟรนไชส์ราคาไม่เกิน 5,000

กำไรดีเหลือเชื่อ

ง่ายที่สุดคือเลือกซื้อแฟรนไชส์ที่มีราคาไม่เกิน 5,000 ซึ่งบางแฟรนไชส์ในชุดทดลองขายราคาประมาณ 2,000 บาท แต่มีวัตถุดิบพร้อมขายและอุปกรณ์ที่จำเป็นบางรายการแถมมาให้ แฟรนไชส์ราคาไม่เกิน 5,000 ก็มีหลายแฟรนไชส์เช่น ต.เนื้อย่าง (ค่าแฟรนไชส์ 3,000) , ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิดเถิดเทิง (ค่าแฟรนไชส์ 2,990 บาท) , ซูโม่ ลูกชิ้นปลาระเบิด (ค่าแฟรนไชส์ 1,990 บาท) เป็นต้น

2.ขายสินค้า Pre-order

k13

ภาพจาก https://goo.gl/Y7YUn2

ยุคนี้ตลาดออนไลน์คือช่องทางที่เราไม่ต้องใช้เงินทุนในการเริ่มต้น โดยเฉพาะกับวิธี Pre-order ที่มีตัวเราเป็นคนกลางในการสั่งสินค้าโดยที่เราไม่ต้องสต็อกสินค้า เมื่อลูกค้าต้องการสินค้าก็จะออร์เดอร์ไปยังผู้ผลิตและผู้ผลิตจะจัดส่งให้ลูกค้าตามสเปคที่ต้องการ

ในฐานะคนกลางก็หักเปอร์เซ็นต์ตามที่ตกลงหรือส่วนต่างราคาตามที่ตกลง ซึ่งการค้าออนไลน์แบบ Pre-order ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้การสนับสนุนการทำธุรกิจแนวนี้ให้เราเลือกเป็นพาร์ทเนอร์ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องมาตรฐานของผู้ผลิตที่ต้องมีคุณภาพส่งของให้ตรงกับที่ลูกค้าต้องการ

3.ขายรองเท้ามือสอง

kk1

ราคารองเท้ามือสองแบบขายส่งคู่ละประมาณ 30 บาท อันดับแรกต้องดูคุณภาพของรองเท้าทั้งสี รอยชำรุดต่าง ๆ แล้วนำกลับมาซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพการใช้งานที่ดี ซึ่งจากคู่ละ 30 บาท สามารถขายได้ 70-100 บาท ตามคุณภาพของสินค้า

ดังนั้น ถ้ารับซื้อมาคู่ละ 30 บาท ในจำนวนเงิน 2,000 บาท จะได้ประมาณ 66 คู่ ส่วนเงินอีก 1,000 บาท ไว้เป็นเงินสำรอง ส่วนอุปกรณ์วางขายไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ เอาผ้าปูพื้นหรือโต๊ะมาวางรองเท้าก็ได้ เพียงเท่านี้รายได้จากการขายก็จะได้เป็นเท่าตัว อีกอย่างขายรองเท้ามือสองสามารถเก็บไว้ขายต่อเมื่อไรก็ได้ สินค้าไม่เน่าเสีย

4.ขายเสื้อผ้ามือสอง

kk3

เสื้อผ้ามือสองมีหลายราคา หลายเกรด ราคาตั้งแต่ 10 บาทไปจนถึง 50 บาท ถ้าเริ่มลงทุนด้วยเงิน 2,000 จะได้เสื้อผ้ามือสองประมาณ 100 ตัว สิ่งสำคัญคือต้องเช็คสภาพสินค้าให้ดี ต้องไม่มีรอยชำรุด รอยขาด หรือเสื้อผ้ายืดจนไม่เหมาะแก่การใส่อีกต่อไป พร้อมนำไปซักให้ดูสะอาด และตั้งราคาตามคุณภาพของสินค้า การขายสามารถได้ทั้งออนไลน์และขายตามตลาดนัด ข้อดีของเสื้อผ้ามือสองคือเป็นสินค้าที่ไม่มีอายุการจัดเก็บ ไม่มีต้นทุนการเน่าเสีย

5.ขายลูกชิ้นทอด ไก่ทอด หมูปิ้ง

k11

เป็นแบบไม่ซื้อแฟรนไชส์แต่อยากลงทุนทำเอง วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก ซื้อลูกชิ้นมาเสียบไม้ ตั้งเตาถ่าน มีน้ำจิ้มรสเด็ด อาจใช้ทำเลหน้าบ้านในการขาย หรือจะขายไก่ทอดก็ควรมีสูตรทอดไก่ที่กรอบอร่อย หรือจะเลือกเป็นหมูปิ้งก็ต้องมีสูตรการหมักที่ทำให้หมูนุ่มอร่อย ในช่วงแรกไม่ต้องเช่าที่ขายเพื่อจะได้ประหยัด และการขายที่เริ่มต้นจากทีละน้อยจะทำให้เราค่อยๆเรียนรู้ความต้องการของผู้บริโภคไปด้วย

6.ร้านข้าวไข่เจียว

าๅๅ

ทำเลน่าสนใจของร้านข้าวไข่เจียวควรอยู่ติดกับโรงเรียน ชุมชน โรงงาน และบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เลือกเวลาขายในช่วงกลางวัน หลังเลิกงาน และกลางดึก เพราะเป็นเวลาที่กลุ่มลูกค้ามักหาข้าวกิน ส่วนเงินลงทุนประมาณ 2,000-3,000 บาท แต่เราต้องคำนวณค่าใช้จ่าย+แหล่งตลาดที่ซื้อวัตถุดิบก่อนจับจ่ายสินค้าเสมอ ถ้าขายข้าวไข่เจียวในราคา 20-25 บาท สามารถขายได้ 100 จาน เป็นเงิน 2,500 บาท ทั้งนี้ปริมาณการขายขึ้นอยู่กับทำเลและกลยุทธ์การตลาดเป็นสำคัญ

7.ขายก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

 

k12

การลงทุนทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวนขาย ต้องคำนวณรายจ่ายก่อน เช่นมีงบ 5,000 บาท ซื้อกล่องใส่ 500 บาท ซื้อวัตถุดิบก๋วยเตี๋ยวไม่เกิน 3,000 บาท ซึ่งก๋วยเตี๋ยวลุยสวนใช้ค่าใช้จ่ายไม่เยอะ ดังนั้น ถ้าขายก๋วยเตี๋ยวลุยสวนในราคากล่องละ 30-35 บาท ขายได้ 100 กล่อง เป็นเงินประมาณ 3,500 บาท ซึ่งนอกจากการขายหน้าร้าน อาจจะขายเดลิเวอรี่หรือฝากขายตามร้านค้าต่างๆได้อีกด้วย

8.ขายแซนด์วิช

k9

ภาพจาก goo.gl/5Z7T34

แซนด์วิชสามารถทำได้หลายแบบ และตั้งราคาได้ตามวัตถุดิบที่ใช้และขนาด เทคนิคสำคัญคือต้องตั้งราคามากกว่าต้นทุน 5-10 บาท อาจจะขายในราคาชิ้นละ 15 บาท 20 บาท เป็นต้น ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การขายมากที่สุดคือ ช่วงเช้า และตอนเย็น ส่วนต้นทุนนั้นไม่มาก ลงทุนแค่ 1,500-2,000 บาทก็เอาอยู่ ถ้าคุณขายได้ 100-200 ชิ้น/วัน จะเป็นจำนวนเงิน 2,000-3,000 บาท แต่ถ้าสามารถขายส่งตามโรงเรียนและสถานที่ทำงานได้ จะทำให้มีออร์เดอร์มากขึ้น รายได้ก็จะมากขึ้นด้วย

9.ผัดมาม่าขาย

k8

ภาพจาก goo.gl/QE5VAf

การทำมาม่าผัดสามารถขายได้ในราคาห่อละ 20-25 บาท และถ้าสามารถผัดได้หลากหลายเมนู เช่น เส้นหมี่ขาว หมี่เหลือง เส้นใหญ่ เป็นต้น ได้ก็ยิ่งดี เพื่อเพิ่มทางเลือกให้มากขึ้น ส่วนวัตถุดิบเครื่องเคียงเป็นผักและลูกชิ้น ฯลฯ โดยต้นทุนใช้ไม่มาก แค่ 1,000 -2,000 บาทก็ดังนั้น ถ้าขายได้ 100-200 ห่อในราคา 20-25 บาท เป็นจำนวนเงิน 2,000-3,500 บาท ยอดขายจะดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเสน่ห์ปลายจวักและการตลาดที่ต้องงัดมาใช้ให้ถูกวิธี

10.เปิดร้านขายสลัด

kk4

ในยุคสุขภาพมาแรงอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสลัดก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นโดยเฉพาะในหมู่คุณผู้หญิง ยิ่งถ้าเรามีสูตรน้ำสลัดอร่อยๆ ยิ่งมัดใจลูกค้าได้มากขึ้น เทคนิคคือผัก ผลไม้ สำหรับการทำสลัดต้องสะอาด ปลอดสารพิษ/สารเคมี

ด้วยการล้างน้ำให้สะอาดทุกครั้งก่อนนำมาขาย ส่วนต้นทุนใช้ไม่มาก แค่ผัก ผลไม้ วัตถุดิบทำน้ำสลัด เป็นต้น อีกทั้ง รายได้ดีสามารถทำขายเป็นชุดละ 20-30 บาท หรือขายแบบชั่งกิโลก็ได้ ถ้ามีเงิน 5,000 เปิดร้านขายสลัดได้ไม่ยาก ช่องทางการตลาดก็เน้นออนไลน์เป็นสำคัญ

11.ปลูกผักสวนครัวขาย

k7

ภาพจาก https://goo.gl/EVki5j

อันดับแรกเราต้องมีความรู้เรื่องการปลูกผัก ถ้ายิ่งเป็นผักออร์แกนิคด้วยยิ่งดี เพราะคนรักสุขภาพเยอะมาก แต่ที่สำคัญก่อนหน้าปลูกผักเราต้องหาตลาดรอบรับด้วย เช่น ติดต่อแหล่งรับซื้อผักขนาดใหญ่ หรือโรงงานรับซื้อผักที่นำไปผลิตและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เป็นต้น

รวมถึงต้องศึกษาว่าผักอะไรที่ตลาดนิยมมากที่สุด และมีความต้องการมากที่สุด นอกจากส่งผักตามตลาดหลักแล้ว ต้องนำไปขายในตลาดหรือแหล่งชุมชนร่วมด้วย เพื่อให้มีรายได้หลาย ๆ ทาง ส่วนต้นทุนไม่เกิน 5,000 สำหรับ ค่าปุ๋ย ค่ายา และเมล็ดพันธุ์ และพอได้ต้นทุนเข้ามาเรื่อย ๆ ค่อยขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งราคาขายหากเป็นผักออร์แกนิกก็ถือว่าแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

12.รับจ้างสอนพิเศษ

k6

ภาพจาก goo.gl/Jj5xSn

เปลี่ยนความสามารถส่วนตัวมาเป็นรายได้คือวิธีลงทุนแบบไม่ต้องเสียเงิน ถ้ามีทุน 5,000 ก็เอาไปทำการตลาดในการโปโมทตัวเองให้คนรู้จักไม่ว่าจะเป็นการทำใบปลิว โฆษณาผ่านเฟสบุ๊ค หรือวิธีการทำตลาดที่ง่ายที่สุดคือเริ่มสอนจากคนใกล้บ้านใช้วิธีปากต่อปากให้บอกต่อๆ กันไป สมัยนี้หากมีความรู้ในเรื่องภาษาต่างประเทศ คอมพิวเตอร์ ศิลปะ ฯลฯ เอามาเปลี่ยนเป็นรายได้ให้กับตัวเองแบบไม่ต้องเสียเงินเริ่มต้น

13.Freelance

k5

ภาพจาก pixabay.com

สามารถทำควบคู่กับงานประจำได้ด้วยสำหรับคนที่ขยันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษา กราฟฟิค โปรแกรมเมอร์ หรือการรับเขียนแบบแปลนต่างๆ การทำฟรีแลนด์คือการลงทุนที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนใดๆ เงิน 5,000 คือการโปรโมทตัวเองในช่องทางต่าง ๆให้คนรู้จัก สำคัญคือต้องบริหารจัดการเวลาให้ดีอย่าให้กระทบกระเทือนกับงานประจำของเราได้

14.เปิดร้านขายโดนัทจิ๋ว

k4

ภาพจาก goo.gl/YpszHB

วัตถุดิบของโดนัทจิ๋วที่สำคัญเช่นแป้งบัตเตอร์เค้ก ไข่ไก่ เนยละลาย นมข้นจืด น้ำเปล่า น้ำตาลทราย ผงฟู กลิ่นวานิลลา วิธีการทำก็สามารถศึกษาได้ในอินเทอร์เนต เงินลงทุนที่สำคัญคือเครื่องทำโดนัท ราคาประมาณ 1,500 บาท ตามแต่รุ่นและขนาด รวมกับวัสดุอุปกรณ์ทั่วไปมีเงิน 5,000 บาทสามารถเปิดร้านขายโดนัทจิ๋วได้แน่

15.อาหารคลีนเดลิเวอรี่

k3

ภาพจาก www.facebook.com/under360food

ราคาอาหารคลีนทั่วไปจะอยู่ที่กล่องละ 75-95บาท หากเป็นเมนูแบบพรีเมียมก็อาจมีราคาสูงถึงกล่องละ100 บาทขึ้นไป แต่หากเราทำเอง ขายเอง เน้นขายง่าย ลงทุนน้อยแต่กำไรดี ก็ควรเลือกวัตถุดิบสด สะอาด ราคาถูก เลือกทำเมนูที่ไม่ยุ่งยาก ทานง่ายแต่ดีต่อสุขภาพ และบวกกำไรจากต้นทุนที่กล่องละ 15-20 บาท เลือกขายกลุ่มคนทำงานหรือทำตามออเดอร์ลูกค้าก็สามารถสร้างรายได้จากอาหารเพื่อสุขภาพเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

16.ขายบาร์บีคิว

kk2

บาร์บีคิวที่หลายๆคนชอบรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นบาร์บีคิวหมู ไก่ หรือจะเป็นบาร์บีคิวเนื้อ ที่ทานกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ด้วยรสชาติที่แสนอร่อยและวัตถุดิบที่ลงตัวทำให้บาร์บีคิวเป็นเมนูอาหารที่มักจะขายได้ง่าย โดยส่วนมากจะมีราคาขายตั้งแต่ไม้ละ 5 บาท ไปจนถึงไม้ละ 25 บาท แล้วแต่วัตถุดิบที่ทางร้านเลือกใช้ สำคัญคือสูตรทำซอสบาร์บีคิวที่จะเป็นตัวดึงดูดลูกค้า ซึ่งบาร์บีคิวเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ใช้เงินเริ่มต้นไม่เกิน 5,000 แต่พร้อมทำกำไรได้ดีเพราะเป็นสินค้าที่คนให้ความนิยม

17.ร้านส้มตำ

kk6

การเปิดร้านส้มตำอย่างง่าย อุปกรณ์ก็ครก จาน ชาม สามารถเอามาจากครัวที่บ้านได้ ที่เหลือคือวัตถุดิบอย่างมะละกอดิบ ปูดอง ไข่เค็ม ถั่วลิสง มะเขือเทศ น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาร้า หรือจะเพิ่มปูม้า เข้ามาด้วยก็ได้ เบื้องต้นก็ใช้ทำเลหน้าบ้านเปิดร้านไปก่อนหากขายดีก็ค่อยๆขยับขยายไปสู่ทำเลที่ดีกว่าได้ การลงทุนงบเบื้องต้นไม่เกิน 5,000 บาท และถ้ามีฝีมือจัดจ้านในการทำส้มตำรับประกันว่าลูกค้าแห่ฮิตติดตรึมแน่

18.ร้านไส้กรอกอีสาน

k2

ภาพจาก goo.gl/TEjsZt

ถ้าไม่อยากยุ่งยากก็เลือกลงทุนกับแฟรนไชส์ที่มีแพคเกจลงทุนไม่เกิน 3,000 บาทได้ไส้กรอกอีสานที่ผ่านการคัดสรรคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด หรือถ้าไม่อยากซื้อแฟรนไชส์จะลองศึกษาวิธีการทำไส้กรอกอีสานด้วยตัวเองแล้วค่อยๆ พัฒนาให้กลายเป็นแบรนด์ตัวเองในอนาคต และอาจจะกลายเป็นแฟรนไชส์ชื่อดังก็เป็นได้ เบื้องต้นธุรกิจนี้ลงทุนไม่เกิน 5,000 แต่ราคาขายส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ไม้ละ 10 บาท ใน 1 วันขายได้ 100 -200 ไม้มีรายได้ 1,000-2,000 บาทได้สบายๆ

19.งานแฮนด์เมด/งานศิลปะ

kk5

หนึ่งในการลงทุนที่เปลี่ยนความสามารถตัวเองมาเป็นรายได้กับงานแฮนด์เมดหรือการทำงานศิลปะไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป การปั้น การประดิษฐ์สิ่งของ ซึ่งตลาดออนไลน์คือช่องทางการขายที่ดีที่สุด ไม่ต้องกังวลเรื่องคนซื้อเพราะหากเป็นงานที่ดีมีคุณภาพจะมีลูกค้าสนใจแน่นอน เงิน 5,000 สามารถใช้เป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ในการเริ่มต้น รายได้ของธุรกิจนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ

20.รับจ้างซักรีด

k1

ภาพจาก goo.gl/SwD5FK

อาจจะเป็นงานที่หนักแต่หากขยันก็มีรายได้ดีเช่นกันโดยเฉพาะคนที่อยู่ในหมู่บ้าน คอนโด ต่าง ๆสามารถเริ่มต้นอาชีพนี้ได้ทันที เงินลงทุน 5,000 อาจนำไปซื้อเครื่องซักผ้าในราคาย่อมเยาเพื่อมาช่วยทำงาน หรือหากเป็นการซักมือเงินส่วนนี้ก็สามารถนำไปซื้อเตารีดไอน้ำ น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำหอมฉีดเสื้อผ้า แล้วถ้ามีเงินมากขึ้นก็ค่อยขยับไปซื้อเครื่องซักผ้า เพื่อนำมาช่วยทำงานให้เร็วขึ้นก็ได้ ราคาการซักอบรีดมีทั้งแบบชั่งกิโลราคาประมาณ 40 บาท/กก. หรือเป็นคิดตามชนิดของผ้าโดยเฉพาะพวกสูทร หรือผ้าไหม อาจได้ราคาที่สูงขึ้น

เราจะเห็นได้ว่าถ้ามีเงินทุนน้อย สิ่งที่ต้องใช้มากขึ้นคือกำลังและความมุ่งมั่น ซึ่งอาชีพเหล่านี้ดูจะเป็นงานที่เหนื่อยและต้องขยันมากเป็นพิเศษจึงจะประสบความสำเร็จแต่อีกข้อดีคือการทำงานหนักจะช่วยให้เรามีประสบการณ์มากขึ้นดีกว่ามีเงินแล้วเก่งแต่ลงทุนแต่บริหารจัดการไม่เป็น คนที่จะเก่งจริงควรเก่งทั้งการลงทุนและการบริหารด้วย


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3lKFN0i

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด