รวม 7 เทคโนโลยี จัดหนัก! แก้วิกฤติ “โควิด-19”

ตอนนี้การแก้ปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกัน ไม่เว้นแม้แต่ในส่วนของเทคโนโลยีต่างๆ ที่ตอนนี้มีความพยายามคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกภาคส่วนพยายามช่วยเหลือกันอย่างเต็มกำลังและเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงได้ในเวลาอีกไม่นาน ลองมาดูเทคโนโลยีที่เขาจัดหนักมาเพื่อการณ์นี้มีอะไรกันบ้าง

1. Health Tech โดย Alibaba

เทคโนโลยี
ภาพจาก bit.ly/3cJI0Vi

Alibaba บริษัทด้าน Tech รายใหญ่จากจีน เปิดให้มีฟังก์ชั่นใหม่ช่วยให้ผู้คนสามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ผ่านทุกแพลตฟอร์มในเครือ Alibaba รวมถึงบริการจัดส่งยาสำหรับผู้ที่ต้องการยารักษาโรคทุกชนิดไม่เว้นแม้แต่ COVID-19 นอกจากนี้ Alibaba ยังได้พัฒนาระบบ AI เพื่อให้สามารถระบุความแตกต่างโรคปอดอื่นๆ และ COVID-19 ซึ่งมีอัตราความแม่นยำสูงถึง 96%

โดยระบบ AI นี้เตรียมจัดส่งให้กับโรงพยาบาล 26 แห่งใน 16 จังหวัดและจะขยายเป็น 100 แห่งในเร็วๆ นี้ ที่สำคัญ Alibaba เตรียมนำข้อมูลของ Coronavirus ที่มีจำนวนมากมายมหาศาลขึ้นสู่ระบบ Public Cloud ที่เปิดให้สถาบันด้านการแพทย์ทั่วโลกเข้าถึงได้ เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกนำข้อมูลไปศึกษาและหาวิธีรักษา COVID-19

2. Baidu พัฒนา AI สู้ COVID-19

jkljkljkjnnm

ภาพจาก bit.ly/3cJI0Vi

Baidu พัฒนาแพลตฟอร์มให้คำปรึกษาทางการแพทย์ รวมถึงการพัฒนาระบบ AI ภายใต้ชื่อ “LinerFold” ที่สำคัญยังให้หน่วยงานทดสอบยีน, ศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาดและสถาบันการวิจัยทั่วโลก นำระบบดังกล่าวไปใช้เพื่อช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจพันธุกรรมของ Coronavirus และสามารถช่วยพัฒนาวัคซีนได้

และในฐานะที่ Baidu เป็นเสิร์ชเอ็นจิ้นของจีนรายใหญ่จึงเตรียมนำข้อมูลทางการแพทย์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ COVID-19 มานำเสนอ เพื่อให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตได้เข้าใจและรับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีระบบการดูแลสุขภาพ โดยเป็นความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขของจีน

3. Tencent ส่ง Chatbot ช่วยให้ความรู้

fvbvckxkljkl
ภาพจาก bit.ly/3cJI0Vi

Tencent อีกหนึ่งบริษัทด้าน Tech รายใหญ่ของจีน เตรียมเปิดบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพออนไลน์ฟรีผ่านแอปฯ WeChat นอกจากนี้ยังนำระบบ Chatbot ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถสอบถาม รวมไปถึงการได้รับการวินิจฉัยขั้นพื้นฐานจาก Chatbot ซึ่งจะอยู่ในรูปของข้อความอัตโนมัติ ทั้งนี้ Tencent ยังได้เปิดศูนย์ประมวลผลซูเปอร์คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยให้นักวิจัยค้นหาวิธีรักษา COVID-19

4. Huawei เปิดบริษัทใหม่รวมข้อมูลเชื้อไวรัส

fvgfdkljlkljkl
ภาพจาก bit.ly/3cJI0Vi

แม้ Huawei จะยังประสบปัญหาในเรื่องทางด้านเศรษฐกิจอยู่ แต่ Huawei ก็เข้าร่วมในการต้อสู้ Covid-19 นี้ด้วย โดยมีการจัดตั้งบริษัทย่อยเฉพาะกิจ พร้อมระบบคลาวด์ภายใต้ชื่อ GrandOmics Biosciences ที่ได้พัฒนาเครื่องมือเพื่อทำความเข้าใจพันธุกรรมของ Coronavirus นอกจากนี้ยังถูกใช้ในการวิเคราะห์เพื่อระบุผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส

5. DIDI เปิดระบบคลาวด์ทำแบบจำลอง

cfvbckjkjhjkhjk
ภาพจาก bit.ly/3cJI0Vi

DiDi บริการรถเช่าที่ใหญ่ที่สุดของจีน เปิดพื้นที่บริการ Public Cloud เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ โดยข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล รวมไปถึงการสร้างแบบจำลองการระบาดในระดับชาติ รวมถึงในระดับระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในสถานการณ์ที่การระบาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

fvbvgfkcdjklj
ภาพจาก bit.ly/3cJI0Vi

6. หุ่นยนต์บริการทางการแพทย์ ของคนไทย

dcfvbvgfcjkxjkhjk
ภาพจาก bit.ly/2xohPmT

ที่ประเทศไทยสถานการณ์แพร่ระบาดแม้จะยังไม่หนักเหมือนประเทศจีนแต่ก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน ซึ่งเอไอเอสร่วมกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเทคโนโลยี 5G และ 4G มาช่วยเสริมขีดความสามารถการทำงานของหุ่นยนต์บริการทางการแพทย์ซึ่งคิดค้นและพัฒนาจากฝีมือคนไทยเบื้องต้นหุ่นยนต์บริการทางการแพทย์ เริ่มถูกนำไปใช้งานเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว 3 แห่ง ได้แก่

  1. โรงพยาบาลราชวิถี จำนวน 2 ชุดเป็นแบบตั้งโต๊ะ
  2. โรงพยาบาลทรวงอก จำนวน 1 ชุด เป็นแบบ Mobile Robot
  3. โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี จำนวน 1 ชุด เป็นแบบตั้งโต๊ะ

fvgbvcxjklj

ภาพจาก bit.ly/2xpLgoJ

นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการสร้างจำนวนมากขึ้นและการพัฒนาโปรแกรมใหม่โดยเฉพาะ และยังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมด้านเครือข่ายสัญญาณ 5G ไปยังสถานพยาบาลในพื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มเติมอีกด้วย

7. สื่อโซเชี่ยลทั่วโลก ระดมช่วยเหลือทั้งเงินทุนและอุปกรณ์

cfvbvcfxdkljkljk
ภาพจาก bit.ly/2TNFfJT

นอกจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่หลายบริษัทพยายามคิดค้นกันออกมา บรรดาสื่อโซเชียลทั่วโลกก็พร้อมใจช่วยเหลือเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดนี้ ยกตัวอย่าง Facebook ได้เพิ่มฟังก์ชั่น กรองข่าวปลอมออก เพื่อให้มีแต่ข่าวที่น่าเชื่อถือบนฟีด และยังเปิดทางให้ WHO ได้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ผ่านทางสื่อได้อีกด้วย

fvgbvgfcjkljklj
ภาพจาก bit.ly/3cLQ4F8

รวมไปถึง Google ที่มีการเพิ่มแถบ SOS Alert คัดกรองข่าวสารน่าเชื่อถือและข้อมูลเป็นประโยชน์ และได้บริจาคเงินกว่า 250,000 เหรียญให้แก่จีน หรือแม้แต่ TCL ก็ยังสนับสนุนจอ LCD เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า ตู้เย็นให้แก่โรงพยาบาลในอู่ฮั่น และยังมีอีกหลายธุรกิจที่ร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของให้แก่ทางการจีนเพื่อช่วยในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดนี้ให้ได้

จากสถานการณ์แพร่ระบาดนี้จะเห็นว่าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ สำคัญคือมาตรการป้องกันของแต่ละประเทศเองก็ต้องมีคุณภาพที่ดีเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด ซึ่งบางประเทศถือว่ามีมาตรการที่น่ายกย่องในขณะที่บางประเทศกลับยังดูอ่อนด้อยในการป้องกัน ทั้งนี้ก็คงต้องส่งกำลังใจให้กับตัวเองและคนทั่วโลกในการฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้พร้อมกัน

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

vbnbgvbvf

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล
https://cnb.cx/2VOb1ZH , https://bit.ly/2wtsSKZ , https://bit.ly/3axfkNf

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/33cPxaQ

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด