SE-ED ตอกย้ำความนำสมัยด้วยสื่อการตลาดสมัยใหม่ LINE@

SE-ED มีจุดเริ่มต้นเมื่อ 40 ปีที่แล้วโดยกลุ่มนิสิตวิศวกรรม จุฬาฯ ที่มีความมุ่งมั่นอยากให้ประเทศมีการพัฒนาเรื่องการเรียนรู้ จึงจัดตั้งวารสารขึ้น และพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนมีสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง

อีกทั้งยังเกิดไอเดียว่าอยากให้คนไทยเข้าถึงร้านหนังสือมากขึ้น เพราะเมื่อ 30 ปีก่อน ร้านหนังสือมักเป็นแบบสแตนด์อโลน แต่พฤติกรรมคนไทยเริ่มเดินห้างฯ มากขึ้น SE-ED เล็งเห็นโอกาสนี้จึงเปิดร้านหนังสือภายในศูนย์การค้าเยาฮัน นับเป็นร้านหนังสือรายแรกที่มีกลยุทธ์นี้ โดยปัจจุบันSE-ED มีสาขากว่า 500 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นร้านหนังสือที่มีสาขามากที่สุดและมียอดขายสูงสุดในประเทศไทย

แม้ว่าเราจะคุ้นตากับร้านหนังสือ แต่จริง ๆ แล้วSE-ED มีธุรกิจในมือถึง 5 อย่าง ได้แก่ ร้านหนังสือ โรงพิมพ์ จัดจำหน่ายหนังสือ ศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็ก และมีโรงเรียนเพลินพัฒนา ซึ่งเน้นเรียนรู้ที่แตกต่าง

SE-ED

สื่อดิจิทัลที่แตกต่าง

คุณนิวัฒน์ วัฒนสิริมนต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด มองว่าการสื่อสารผ่านออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโฉมเว็บไซต์ให้ใช้ง่ายเพื่อตอบรับกระแส E-Commerce เพิ่มคอนเทนต์เข้าไปอย่างอันดับหนังสือขายดี ซึ่งรวบรวมข้อมูลมาทุกสาขา และอัพเดททุกวัน พร้อมทั้งทำ SEO ให้คนรู้จักเว็บไซต์ยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องปรับตัวให้รู้ใจลูกค้าทันเวลา เพราะลูกค้าเปลี่ยนไว วันนี้ชอบ อีก 3 วันอาจจะไม่ชอบแล้ว ซึ่งเมื่อเทียบกับสื่อดิจิทัลอื่น ๆ คุณนิวัฒน์ มองว่า LINE@ สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี ประกอบกับคุณนิวัฒน์เป็นคนชอบลองของใหม่อยู่แล้ว พอเห็นบริการ LINE@ จึงรีบลองใช้ทันที และก็พบว่า LINE@ ใช้งานได้ไม่ยาก และสามารถต่อยอดไปได้เรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่คุยกัน แต่ยังมีคูปอง และ Lucky Draw ด้วย ผลก็คือ LINE@ สามารถสร้าง Engagement และใกล้ชิดลูกค้าได้ดีกว่าสื่ออื่น ทั้งยังเห็นผลตอบรับได้ทันที ที่สำคัญคือสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั้ง 100% ไม่ต้องถูกลดทอนแบบสื่ออื่น ๆ

เทคนิคการตลาดแบบบูรณาการผ่าน LINE@

ทางSE-ED ไม่เพียงแค่ลองใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างครบครันแต่ยังจับนู่นมาผสมนี่เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น และก็ได้รับผลตอบรับดีเกินคาดจริง ๆ อาทิ แคมเปญยอดฮิตที่เพิ่มความสนุกของ Lucky Draw ด้วยฟีเจอร์ Poll ของ LINE@ คือให้ผู้ติดตามโหวตว่าชอบบราวน์หรือโคนี่มากกว่า แล้วค่อยแจก Brown Mini Head Doll ซึ่งมีคนมาร่วมสนุกถึงเกือบ 1,000 คน แล้วก็ยังมีแคมเปญ Lucky Draw ชิงบัตรสมาชิกฟรี ซึ่งโดยปกติต้องซื้อถึง 1,000 บาท โชคดีที่ LINE@ อนุญาตให้ปรับเปอร์เซ็นต์จึงเลือกได้ว่าจะแจกน้อยหรือแจกมาก ผู้ติดตามบางคนถึงกับเปิดการแจ้งเตือนไว้เลย เพราะกลัวพลาดตอนแจกของ

ระบบแชทก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่น่าประทับใจ โดยจะเปิดแชทแบบ 1 ต่อ 1 บ้าง เพราะการได้รู้จักลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นโอกาสที่ดี แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องตอบให้ไว พอคุยกับลูกค้าบ่อย ๆ จึงรู้ว่าลูกค้าอยากรู้เรื่องเดิม ๆ เช่น สอบถามเลข Tracking วิธีการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หรือวิธีการจ่ายเงิน เป็นต้น พอเห็นความต้องการของลูกค้าทาง SE-ED จึงใช้ Keyword Reply เพียงแค่ลูกค้าพิมพ์คำที่ตั้งไว้ ก็จะมีระบบคำตอบอัตโนมัติยิงไปทันที ถือว่ารวดเร็วทันใจลูกค้า แถมประหยัดเวลาให้กับฝั่ง SE-ED ด้วย

seed

นอกจากนี้ คุณนิวัฒน์ยังเพิ่มลูกเล่น ด้วยการรวมสื่อออนไลน์กับออฟไลน์เข้าด้วยกัน เช่น ในงาน Grand Opening ที่ CentralPlaza WestGate ได้นำลูกเล่นของ Keyword Reply มารวมกับ Lucky Draw ให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกวันละ 3 ครั้ง เรียกว่าได้ทั้งคนเดินเข้ามาในอีเว้นท์และได้ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นใน LINE@ ด้วย เทคนิคที่คุณนิวัฒน์แอบกระซิบมาก็คือ เราต้องเริ่มด้วยการทำกิจกรรมที่ลูกค้าสนใจ เพื่อสร้างสีสัน และต้องไม่พยายามขายของจนเกินไป อาจเพียงแค่แนะนำหนังสือหรือบทความที่ผู้ติดตามอยากแชร์ต่อ อีกอย่างก็คือทางSE-ED แทบไม่ตั้งโพสต์ล่วงหน้าไว้เลย เพราะอยากเน้นคอนเทนต์ที่สด ใหม่ และไม่เป็นทางการมากนัก ที่สำคัญเราต้องให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษโดยของที่แจกบน LINE@ จะไม่ซ้ำกับบนสื่ออื่น ๆ โชคดีที่แฟน ๆ เริ่มติดตาม LINE@ Account มาด้วยความสมัครใจ จำนวนคนบล็อกจึงน้อยมากนับเป็นหลักหน่วยเท่านั้น

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก

http://at-blog.line.me/th/success-story-se-ed.html

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต