Miss Mamon เบเกอรี่แบรนด์ไทย เตรียมขายแฟรนไชส์ต้นปี 2561

มิสมาม่อน (Miss Mamon) เบเกอรี่แบรนด์ไทย แท้ๆ ได้เปิดให้บริการครั้งแรกในวันที่ 19 ธันวาคม 2548 ที่ตลาดลุงเพิ่ม หลังการบินไทย ถนนวิภาวดีรังสิต 22 ด้วยความมุ่งมั่นของเจ้าของธุรกิจ อยากจะให้เป็นร้านที่ขายขนมอร่อย

ใช้วัตถุดิบที่ดีในการทำขนม อบในลักษณะโฮมเมด และราคาที่สมเหตุสมผล โดยมีความเชื่อว่า ขนมเบเกอรี่ในเมืองไทยมีให้เลือกหลากหลาย แต่ถ้าลูกค้าอยากที่จะทานขนมที่เนื้อนุ่ม เบา และไม่หวานมาก ต้องขนมมาม่อน ที่ร้าน “มิสมาม่อน” เท่านั้น

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า ในวันนี้ “มิสมาม่อน” สามารถแจ้งเกิดกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เป็นอย่างดี คือ กลุ่มคนวัยทำงานที่เป็นผู้หญิง เริ่มตั้งแต่เปิดร้านย่านตลาดลุงเพิ่ม หลังการบินไทยสำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต ก่อนที่จะทำการขยับขยายสาขาเข้าสู่ห้างสรรพสินค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ

เบเกอรี่แบรนด์ไทย

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com ขอนำเสนอบทสัมภาษณ์ “คุณวรวุฒิ นิสภกุลธร” เจ้าของธุรกิจเบเกอรี่แบรนด์ไทย ที่กำลังมาแรง Miss Mamon ซึ่งในอดีตเป็นผู้บริหารระดับสูงด้านการตลาดของ KTC, Land and House และเอเจนซี่โฆษณาชื่อดัง คุณผู้อ่านต้องไม่พลาด! มารับฟังเคล็ดลับความสำเร็จของการเริ่มต้นธุรกิจจากแรงบันดาลใจ จากความชอบ จากการอยากเป็นเจ้าของกิจการ สู่การสร้างแบรนด์ และการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์

เริ่มต้นสร้างธุรกิจจากความชอบ

31

คุณวรวุฒิเล่าให้ฟังถึงที่มาของร้านขนมมิสมาม่อนว่า ก่อนหน้าที่จะมาทำขนมขาย ภรรยากับน้องชายได้เป็นแฟรนไชส์ซี บริหารธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารเชสเตอร์กริลล์ที่ซื้อมาจากซีพีอยู่จำนวน 10 สาขา ขณะที่คุณวรวุฒิเองก็อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง ที่นอกเหนือจากการเป็นแฟรนไชส์ซีร้านอาหารที่มีอยู่

ซึ่งในตอนนั้นคุณวรวุฒิได้รู้จักขนมเค้กมาม่อน เมื่อครั้งไปเที่ยวฮ่องกงกับครอบครัว ได้ชิมแล้วอร่อยติดใจ เมื่อกลับมาเมืองไทย น้องสาวของภรรยาซึ่งมีฝีมือในการทำขนมอยู่แล้ว จึงได้พัฒนาสูตรขึ้นมาทดลองทำเอง

เมื่อทดลองทำจนได้สูตรที่ลงตัว เนื้อขนมนุ่มละมุน รสชาติอร่อย จึงเปิดร้าน “มิสมาม่อน” แห่งแรก ที่ตลาดลุงเพิ่ม ซอยวิภาวดีรังสิต 22 หลังบริษัทการบินไทยสำนักงานใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2548

ความโดดเด่นของเค้กมาม่อน “มิสมาม่อน” คือ เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี ทั้งแป้ง เนย ไข่ไก่สด ผลิตขนมใหม่สดทุกวัน ไม่ใส่วัตถุกันเสีย เก็บไว้ในอุณหภูมิปกติได้ประมาณ 3 วัน

เลือกทำเลการขาย – กลุ่มลูกค้าป้าหมาย

32

คุณวรวุฒิเล่าว่า ก่อนที่ตนคิดจะเปิดร้านขายขนม จะต้องรู้ว่าจะขายขนมอะไรที่แตกต่างไปจากคู่แข่งในตลาด และเมื่อรู้แล้วว่าชอบทานขนม จึงเสาะแสวงหาจนค้นพบขนมมาม่อนที่ร้านแห่งหนึ่งในฮ่องกง เมื่อพัฒนาสูตรจนได้ขนมมาม่อนที่ลงตัว

หลังจากนั้น กำหนดโจทย์ว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร หรือทำขนมออกมาแล้วใครจะเป็นคนซื้อ แล้วจะเริ่มขายในทำเลพื้นที่ตรงไหนก่อน สุดท้ายก็ได้คำตอบคือกลุ่มคนวัยทำงาน อายุ 25-45 ปี ที่มีกำลังซื้อ สถานที่ทำเลที่พนักงานไปจับจ่ายใกล้กับสถานที่ทำงาน โดยใช้เวลาหาทำเลสถานที่นานกว่า 6 เดือน จนกระทั่งมาได้ที่ตลาดลุงเพิ่ม หลังการบินไทย วิภาวดี 22

แต่ระหว่างนั้นคุณวรวุฒิก็สร้างแบรนด์ ทำการตลาด ส่วนภรรยาและน้องสาวภรรยา ก็ช่วยกันพัฒนาโปรดักส์ใหม่ๆ พัฒนาแพ็คเกจจิ้งไปเรื่อยๆ พยายามหาจุดที่ลงตัวหรือว่าอะไรที่จะเหมาะสมกับขนมมาม่อน สรุปสุดท้ายก็ใส่เป็นชิ้นๆ ดูสะอาด เพราะสิ่งสำคัญสุดของเบเกอรี่ คือ สะอาด ความสดใหม่ ดูดี ใส่ในกล่องพลาสติก

ส่วนการหาสัญลักษณ์ให้กับสินค้า ให้มีความโดดเด่นสะดุดตา จึงได้สัญลักษณ์เป็นการ์ตูนหน้ากลมๆ ผมหยิกก็คือกระดาษฟอยซ์ที่รองขนม เน้นสีสันที่สนใจตกแต่งร้าน แดง เขียว ส้ม

“วันแรกของเปิดตัวที่ตลาดลุงเพิ่ม ทุกคนต้องลุ้นมากเลย เพราะครอบครัวไม่เคยทำธุรกิจกิจการร้านเบเกอรี่เลย ตอนแรกเราคิดเพียงว่า ถ้าทำสินค้าออกมาดี คนน่าจะชอบ และเราก็เชื่อมั่นในตัวขนมมาม่อน ถ้านำเข้าพัฒนาสูตรใหม่ คนไทยน่าจะชอบ ปรากฏว่าวันแรกขายได้กว่า 8 พันบาท ถือว่าดีมาก เพราะเปิดวันแรก ก็ขายได้เกือบหมื่น”

สร้างความแตกต่าง พัฒนาสินค้าให้หลากหลาย

33

คุณวรวุฒิเล่าว่า ช่วงแรกที่เปิดร้านขายตลาดลุงเพิ่ม สิ่งแรกที่คิด คือ ร้านและขนมต้องสร้างความแตกต่าง และพยามเอาตัวเราเข้าไปในตลาดให้ได้ หาจุดเด่นออกมาให้ได้ ซึ่งถ้าเปิดร้านแล้วนำเบเกอรี่ 10 อย่างมาวางขาย ตรงนี้ก็ไม่แตกต่างจากร้านเบเกอรี่ทั่วไป คุณวรวุฒิก็เราเลยเน้นโปรดักส์เดียวและเน้นแพ็คเกจจิ้ง ขายเพียงเนื้อวานิลาและใบเตยเท่านั้น

แต่หลังจากเปิดขายที่ตลาดลุงเพิ่มได้ประมาณ 2 ปี ก็มีลูกค้าที่เป็นตัวแทนของห้างท็อปส์มาร์เก็ต มาติดต่อและชักชวนไปเปิดร้านในท็อปส์มาร์เก็ต เซ็นทรัลพระราม 3 ก่อนที่ขยายสาขาเพิ่มไปยังห้างสรรพสินค้าอื่นๆ พอสินค้าเข้าห้างได้จึงได้พัฒนาสูตรขนม และพัฒนาเมนูขนมมิสมาม่อนให้มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น

ร้านมิสมาม่อน มีอะไรบ้าง?

34

  • Mamon Cake ขนมมาม่อนสูตรต้นตำรับ เนื้อเนียน นุ่ม เบา ไม่หวานมาก มีเนื้อวนิลา, เนื้อใบเตย, เนื้อกาแฟ, เนื้อช็อกโกแลต และสูตรชูการ์ฟรี บรรจุกล่องสวยงาม สะอาดพร้อมรับประทาน ไม่ใส่สารกันเสีย
  • Mamon Drinks เครื่องดื่ม Signature ชานม/ชาเขียวไข่มุกไต้หวัน ชงสดจากใบชาแท้ๆ ไข่มุกเม็ดใหญ่ นุ่ม ลอดช่องสิงคโปร์น้ำตาลโตนดแท้เมืองเพชรฯ อีกทั้งมีเลมอนเนดไข่มุกคริสตัล น้ำเลมอนเนดคั้นสด แคลอรี่ 0% กาแฟเย็นสูตรมาม่อนที่อร่อยเข้ากันกับเม็ดไข่มุก หรือ ชาไทยเย็น ชาเขียวมัชชะ พร้อมบีทาเก้นเยลลี่ปั่นและนมปั่นโอรีโอ้ไข่มุก
  • Homemade Cake เค้กสไตล์โฮมเมด ที่มีให้เลือกหลายชนิดคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นดี ให้ได้ออกมาเป็นเค้กรสชาติอร่อย สำหรับทานเองหรือทานในโอกาสพิเศษ
  • Mamon Snack ของว่างแสนอร่อย คุกกี้โฮมเมด, เผือกกรอบ, บ๊วย 3 รส, ทูเล่, ทองม้วนหมูหยอง ฯลฯ
  • Mamon Toast Bun ขนมปังปิ้งโฮมเมด ปิ้งกรอบนอกนุ่มใน มีทั้งไส้คาวและไส้หวาน
  • Cake Pound เค้กสไตล์โฮมเมด ผลิตจากวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม ไม่ใส่วัตถุกันเสีย

มิสมาม่อน ซื้อได้ที่ไหนบ้าง?

35

  1. ตลาดลุงเพิ่ม หลังการบินไทย ซอยวิภาวดีฯ 22 โทร. 02-938-5529
  2. เดอะวอล์ก คอมมูนิตี้มอลล์ ชั้น 2 (เยื้องธนาคารกรุงไทย) 02-489-6963
  3. โฮมเวิร์ค ราชพฤกษ์ ชั้น 1 (ตรงข้ามธนาคารกสิกรไทย) 02-101-5318
  4. ท็อปส์มาร์เก็ต เซ็นทรัลพระราม 3 ชั้น G 02-673-6133
  5. ท็อปส์มาร์เก็ต เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น B 02-160-2452
  6. ท็อปส์มาร์เก็ต พระราม 2 ชั้น G 02-872-4023
  7. ท็อปส์มาร์เก็ต เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ชั้น 1 081-372-1763
  8. เซ็นทรัลพระราม 2 ชั้น 3 (เหนือโซนไอที) 02-872-4286
  9. เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น G (ติดท็อปส์ มาร์เก็ต) 02-884-8092
  10. เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ชั้น G (ฝั่งท็อปส์ มาร์เก็ต) 02-482-9566
  11. เซ็นทรัล ศาลายา ชั้น 3 เยื้องเอ็มเค สุกี้ โทร.034-107-208
  12. เสนา เฟสท์ฯ เจริญนคร ชั้น G โทร.02-108-9109
  13. โฮมโปร พระราม 3 ชั้น 1 02-077-4184
  14. โฮมโปรพระราม9 ชั้น G 02-077-8901

มิสมาม่อน พร้อมขายแฟรนไชส์

37

ปัจจุบันมิสมาม่อนมีสาขาทั้งหมด 14 สาขา แต่ละสาขามียอดขายประมาณ 300,000-350,000 บาทต่อเดือน เป็นกิจการร้านเบเกอรี่แบรนด์ไทยที่มีชื่อเสียง สินค้าและบริการได้รับความนิยมจากผู้บริโภค

เรียกได้ว่าตอนนี้ “มิสมาม่อน” พร้อมแล้วที่จะขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์ เพราะเจ้าของร้านอย่าง “คุณวรวุฒิ” ได้ลองผิดลองถูก คิดค้น พัฒนาสูตร วางระบบบริหารจัดการภายในร้านตามแบบมาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์ทุกอย่าง ถ้านักลงทุนซื้อแฟรนไชส์มิสมาม่อนไปเปิดร้าน น่าจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ดูได้จากยอดขายที่มั่นคงในแต่ละสาขา

คุณวรวุฒิ ได้วางรูปแบบของการลงทุนแฟรนไชส์ ระยะสัญญา 6 ปี มีให้นักลงทุนเลือกลงทุนได้ทั้งร้านขนาดเล็ก และร้านขนาดใหญ่ ร้านเล็กอาจจะไม่มีครบทุกเมนูเท่ากับร้านใหญ่ แต่สินค้าขนมมาม่อนและเครื่องดื่มจะมีขายเหมือนกันทุกร้าน มีทั้งแบบร้านซื้อกลับบ้าน และนั่งทานในร้านได้ งบประมาณการลงทุนร้านเล็กประมาณ 5 แสนบาท ร้านใหญ่ 1 ล้านต้นๆ

“เราไม่ได้ขายสินค้าอย่างเดียว เราขายระบบที่เป็นมาตรฐาน มีระบบตรวจสอบมาตรฐาน มีการฝึกอมรมให้แฟรนไชส์ซี มีระบบ QC มีการทำตลาด มีโปรโมชั่นให้ตลอด เพราะเรามองว่า เราสร้างร้านมิสมาม่อนขึ้นมากับมือ และเรารักแบรนด์ เราอยากให้คนที่มาหาเราเติบโตไปด้วยกัน เราไม่ได้มองเรื่องของปริมาณ ไม่ได้ตั้งเป้าไว้ว่าปีหนึ่งได้ 50-60 สาขา”

38

ผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์มิสมาม่อนจะต้องมีเวลา มีเงินทุน รักงานบริการ มีทีมงานในร้าน 4-6 คน แล้วแต่ขนาดของร้าน ซึ่งคุณวรวุฒิเชื่อว่า เมื่อซื้อแฟรนไชส์มิสมาม่อนไปแล้ว จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน สามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปี โดยมิสมาม่อนจะทีมงานด้านต่างๆ สนับสนุนแฟรนไชส์ซีตลอดระยะเวลาการทำธุรกิจ

คาดว่าจะเปิดขายแฟรนไชส์ได้ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 พื้นที่เป้าหมายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน แล้วค่อยขยายไปต่างจังหวัด หัวเมืองใหญ่ แต่จะเป็นการร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่น สร้างครัวในจังหวัดที่น่าสนใจ ส่วนในต่างประเทศก็จะร่วมทุนกับนักลงทุนต่างประเทศในพื้นที่นั้นๆ เช่นเดียวกัน

สรุปคือตอนนี้ มิสมาม่อน เบเกอรี่แบรนด์ไทยมีความพร้อมทุกด้านสำหรับการขายแฟรนไชส์ โดยเฉพาะเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง คนรู้จัก มีระบบการจัดร้านที่ดี สินค้าและบริการมีคุณภาพมาตรฐาน มีทีมงานที่พร้อมสนับสนุนแฟรนไชส์ซี ที่สำคัญก็คือ ยอดขายในแต่ละสาขามั่นคง 3-3.5 แสนบาทต่อเดือน เพียงแต่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องมีเวลา มีเงินทุนครับ

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3gunB8W

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช