8 วิธีขายของได้ดี มีกำไรมากขึ้นในภาวะเงินฝืด

เรื่องรายรับ ไม่พอกับรายจ่ายในขณะที่เงินเดือนหลายคนยังเท่าเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวันๆ นี่ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่งเป็นปัญหาของคนทั้งประเทศ

แม้แต่ภาคธุรกิจเองก็เจอผลกระทบเช่นกัน ยอดขายสินค้าหลายประเภทลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด กลยุทธ์การตลาดสารพัดวิธีจึงถูกนำออกมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารอเวลาที่เงินเลิกฝืดคนมีกำลังซื้อแต่ก็ดูท่าว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งเลยทีเดียว

ในเมื่อธุรกิจยังต้องเดินหน้าหากรอแต่เวลาที่ดีขึ้นอย่างเดียวคงไม่พอ www.ThaiSMEsCenter.com จึงจะนำเสนอ 8 แนวทางในการค้าขายเพื่อทำให้รายได้นั้นเข้ามามากขึ้น แม้ภาพรวมวิธีการเหล่านี้ก็ยังเป็นเพียงทฤษฏีแต่ถ้านำไปปฏิบัติให้เหมาะสมกับธุรกิจตัวเองหรือประยุกต์ใช้ให้ดีขึ้นก็คงช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ทำให้รายได้เข้ามาสู่ภาคธุรกิจได้มากขึ้น

1.รักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ให้มั่น

เรื่องรายรับ

ในเมื่อการวางขายสินค้าเพื่อรอลูกค้าที่เดินผ่านไปมาซื้อสินค้า ไม่สามารถสร้างรายได้ ได้มากเหมือนเดิม การรักษากลุ่มลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำอย่างเหนี่ยวแน่นและพยายามขยายกลุ่มลูกค้าประจำ เป็นอีกหนึ่งวิธีในการรับมือของผู้ขาย นั้นเพราะว่า กลุ่มที่เป็นลูกค้าประจำกลายเป็นรายได้หลักที่แน่นอนของเรา

2.อารมณ์แจ่มใสร่าเริงเข้าไว้

ll3

บุคลิคของผู้ขาย เป็นแรงกระตุ้น ในการซื้อสินค้าได้ ในช่วงเวลาแบบนี้ผู้ขายที่ รู้สึกท้อแท้ รู้สึกแย่ เบื่อ เครียด อารมณ์เสีย ทุกอารมณ์สามารถส่งความรู้สึกไปยังผู้ซื้อได้ ดังนั้นการพยายามหลีกเลี่ยงการขายสินค้าในสภาวะอารมณ์ด้านลบเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ควรรีบปรับอารมณ์ของตัวเองเพื่อให้พร้อมต้อนรับลูกค้าอยู่เสมอ

3.ข้อมูลสินค้าต้องเป็นความจริงเท่านั้น

ll5

การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง น่าสนใจ และซื่อสัตย์ จากผู้ขาย เป็นแรงกระตุ้นจากผู้ซื้อเชื่อมั่นในการเลือกสินค้าตรงตามความต้องการ ซึ่งการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นการทำร้ายตัวผู้ขายเอง เนื่องจากข้อมูลที่ถูกต้องในปัจจุบันหาได้ง่ายดาย บนโลกของอินเทอร์เนต

4.สรรหาบริการเสริมให้น่าสนใจ

i35

ในขณะที่การขายถ้าเราทำในมิติเดียวดูจะเรียกร้องให้คนสนใจได้ยาก ดังนั้นถ้าคิดเพิ่มเติมเรื่องโปรโมชั่นเข้าไปบ้างหรือใช้กลยุทธ์การตลาดที่ไม่ทำให้ต้นทุนเพิ่มมากนักก็ควรจะทำ เช่นการรับจองสินค้าล่วงหน้า บริการส่งฟรี หรือแม้แต่ลดแลกแจกแถมบ้างในบางโอกาสก็ดึงดูดใจลูกค้าในยุคนี้ได้มากเช่นกัน

5.ปรับปรุงการจัดวางสินค้าให้ซื้อขายง่ายขึ้น

ll6

กลยุทธ์การจัดวางสินค้าหรือว่าการปรับลุคซ์หน้าร้านให้ดูน่าสนใจก็ใช้เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการขายได้แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูความเหมาะสมในเรื่องของต้นทุนหากมากเกินไปได้ไม่คุ้มเสียก็หลีกเลี่ยงก่อนเลือกทำแบบที่ดูดีแต่ต้นทุนไม่บานปลายจะทำให้เกิดผลกำไรต่อการทำธุรกิจได้ดีกว่า

6.เลือกใช้การตลาดที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลมาก

ll7

พูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่มีช่องทางไหนดีกว่าช่องทางออนไลน์ซึ่งปัจจุบันการอาศัยเทคโนโลยีนั้นสามารถเพิ่มช่องทางการขายได้เป็นอย่างดีทั้งนี้ผู้ประกอบการที่เป็นเด็กรุ่นใหม่อาจไม่ใช่เรื่องยากแต่ผู้ประกอบการรายเก่าที่ไม่ชัดเจนเรื่องนี้ควรขวนขวายหาความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีให้มากขึ้นเพราะนี่คือการตลาดที่ลงทุนน้อยที่สุดแต่ได้ผลมากที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน

7.ขึ้นราคาสวนกระแสแบบมีเหตุผล

ll8

การเพิ่มราคาสินค้าบางครั้งก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อราคาต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ การตึงราคาไว้ ถึงแม้จะไม่ทำให้ลูกค้าของเราหายไป แต่ทำให้เราขาดทุนโดยไม่รู้ตัว เพราะบางคนเวลาคิดต้นทุนจะไม่คิดค่าแรง ค่าเสียเวลาทั้งวันในการเตรียมของขาย ค่าน้ำมัน ค่าแผงขายของ ค่ากิน

สุดท้ายการแบกราคาต้นทุนไว้กลับเป็นขาดทุนเพราะเหตุนี้ การขึ้นราคาที่สมเหตุสมผลในขณะที่สินค้าไม่ได้ลดคุณภาพนอกจากจะเป็นการสะท้อนความจริงในกลไกตลาดได้แล้วยังช่วยให้เราไม่ต้องแบกภาระที่สุ่มเสี่ยงต่อการขาดทุนอีกด้วย

8.สร้างพันธมิตรทางการค้า

ll10

การขายสินค้าในยุคเก่าก่อนอยู่ในลักษณะตัวใครตัวมันแต่เมื่อเจอสภาวะที่รายได้ลดลงแบบนี้ ผู้ขายหลายคนเริ่มมีการปรับตัวโดยการรวมกลุ่มสร้างพันธมิตรขายสินค้า เกิดขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ซื้อไม่สามารถหาสินค้าที่ต้องการได้จากร้านของเรา เราก็แนะนำไปยังร้านที่มีสินค้าตรงตามความต้องการของลูกค้า ถ้าเรามีสินค้าตามความต้องการของผู้ซื้อ ร้านอื่นก็จะแนะนำกลับมาที่ร้านเรา เช่นกัน เมื่อทำแบบนี้กัน กลุ่มผู้ซื้อก็จะไม่หายไปไหน ได้ทั้งมิตรภาพ ได้ทั้งรายได้ที่ดีในการทำธุรกิจ

ll9

แต่อย่างไรก็ตามแม้การปรับปรุงเพื่อแก้ไขกลไกการตลาดจะดีมากแค่ไหนแต่นั่นก็คือการแก้ไขแบบเฉพาะหน้า การทำธุรกิจที่ดีที่สุดคือการวางแผนทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว และแผนสำรองในยามที่เกิดปัญหา

อีกทั้งควรมีการขยายธุรกิจไปเป็นแบบอื่นเผื่อไว้ในกรณีที่ฉุกเฉินเมื่อธุรกิจหนึ่งเริ่มสะดุดก็ยังมีธุรกิจอื่นมารองรับ ทั้งหมดนี้อยู่ที่การวางแผนในช่วงแรกและระบบการจัดการที่ดีที่จะทำให้ธุรกิจเราแข็งแกร่งได้แม้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจแบบไหนก็ตาม

ด้วยเหตุนี้เพื่อให้การเริ่มธุรกิจของทุกท่านมีแบบแผนที่สะดวกชัดเจนเพื่อจุดเริ่มต้นที่ดีและมีแนวทางที่ชัดเจนในอนาคต โดยสามารถเลือกแบบแผนธุรกิจจำนวนมากได้ที่นี่ให้เข้ากับธุรกิจที่เราต้องการจะทำ

ดูรายละเอียดที่ goo.gl/idbA87

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด