7 วิธีสร้างยอดขายให้ได้ 1 ล้านบาทสไตล์นักธุรกิจ

มีคำถามมากมายว่า ทำธุรกิจ อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ คำตอบของคนที่ทำสำเร็จอาจไม่ใช่คำตอบของคนอื่นหากแต่เป็นเพียงแนวทางที่ควรนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจตัวเอง ดังนั้นการตั้งเป้าว่าจะสำเร็จถึงระดับไหนก็อยู่ที่การบริหารจัดการของเจ้าของธุรกิจเป็นสำคัญ

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มีไกด์ไลน์ในเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่างในการนำเสนอกับ 7 วิธีสร้างยอดขายให้ได้ 1 ล้านสำหรับการทำธุรกิจ เป็นแนวทางกว้างๆที่น่าจะเอามาใช้ได้กับทุกธุรกิจส่วนว่าจะใช้แบบไหนอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับความคิดและวิธีการของเจ้าของธุรกิจแต่ละคนมากกว่า

ทำธุรกิจ

1.ใช้กลยุทธ์ราคามาทำการตลาด

พูดกันตามตรงว่าหากต้องการขายสินค้าให้ได้กำไรมากๆก็ต้องตั้งราคาสินค้าให้สูงขึ้นแต่เรื่องนี้มีเทคนิคในการทำราคาก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องขึ้นราคากันโต้งๆซึ่งแบบนี้เสี่ยงต่อการที่ลูกค้าจะเดินหนีมากกว่าเดินเข้ามา

ทางที่ดีที่สุดคือการขึ้นราคาแบบที่ลูกค้าไม่รู้สึกตัวนั้นหมายถึงการปรับผลิตภัณฑ์ให้ดูดีขึ้น พยายามเน้นให้ลูกค้าให้ความสำคัญกับคุณภาพ คุณค่าของผลิตภัณฑ์มากกว่าราคา หรือขึ้นราคาแล้วเพิ่มบริการพิเศษบางอย่างเข้าไปในราคาผลิตภัณฑ์ และอย่าลืมสำรวจราคาของคู่แข่งด้วย

ในบางกรณีที่ขึ้นราคาไม่ได้จริงๆ อาจจะคงราคาแต่ปรับขนาดของผลิตภัณฑ์ให้เล็กลง หรือปรับส่วนประกอบบางอย่าง แต่มาตรฐานไม่แตกต่างไปจากเดิมซึ่งธุรกิจใหญ่ๆหลายแบรนด์ก็ใช้กลยุทธ์แบบนี้และลูกค้าก็ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระในการจับจ่ายที่มากขึ้น

2.สร้างการขายแบบเชื่อมโยงไปสู่สินค้าอื่น

หรือจะเรียกวิธีขายแบบนี้ว่าเป็นการขายเพิ่มเติม , การขายพ่วง , Up Selling , Cross Selling ก็แล้วแต่ความเหมาะสม หลักการง่ายๆคือเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าอย่างหนึ่งแล้วให้พยายามขายสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นหรือสินค้าที่มีราคาถูกกว่าหรือขายสินค้าที่ใช้ร่วมกัน เช่นลูกค้าซื้อรองเท้าแล้วให้พยายามเสนอขายถุงเท้า ยาขัดรองเท้า หรือรองเท้าแตะ

เทคนิคที่สำคัญคือพยายามให้ลูกค้าเห็นว่าประหยัดกว่าหรือได้ประโยชน์มากกว่าในการซื้อสินค้าสองอย่างพร้อมกัน ในกรณีที่ดูว่าลูกค้าพอใจสินค้าแต่ไม่สามารถจ่ายตามราคาที่เสนอได้ ให้เสนอสินค้าใกล้เคียงที่ราคาต่ำกว่าเหมาะสมกับเงินในกระเป๋าของลูกค้า โดยชี้แจงให้เห็นว่ามีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เทคนิคการพยายามขายเพิ่มแบบนี้ต้องทำในลักษณะไม่ยัดเยียดลูกค้าจนเกินไปจนลูกค้าเดินออกจากร้าน

j6

3.ใช้กลยุทธ์ Display & Merchandising

หรือเรียกง่ายๆว่ากลยุทธ์การจัดเรียงสินค้าที่หลายคนอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่จะมาเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้ แต่ในความเป็นจริงหากเราเดินไปในห้างสรรพสินค้าประเภท Supermarketหรือ Market Place เราจะเห็นกลยุทธ์นี้ที่บางทีเราก็ซื้อสินค้าเหล่านั้นมาแบบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว

วิธีการสำคัญคือสินค้าต้องจัดเรียงอย่างเด่นชัด มีป้ายราคาหรือวัสดุส่งเสริมการขาย (POP Material) ชัดเจน สินค้าที่เน้น กำไรมากหรือขายดีต้องวางระดับสายตาที่หยิบได้สะดวก รวมถึงควรมีสินค้าที่มีโปรโมชั่นเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้านด้วย

4.จูงใจพนักงานขายด้วยรางวัลพิเศษ

การทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการขายสินค้าหรือว่าบริการนั้น เจ้าของธุรกิจมักไม่ได้ดำเนินการคนเดียวหากแต่ต้องมีทีมงานหรือฝ่ายเซลล์ที่มาทำหน้าที่นี้เป็นหลักดังนั้นการจะทำยอดขายให้ได้ดีแค่ไหน

ทีมเซลล์จึงมีส่วนสำคัญมากหากเขารู้สึกว่างานนี้ทำแล้วไม่คุ้มทำมากก็ไม่ได้อะไรเพิ่มแน่นอนว่าเขาก็จะทำงานตามเงินที่ได้รับนั้นหมายถึงว่ายอดขายของบริษัทก็ไม่มีทางเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน สิ่งสำคัญที่จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้คือการจูงใจพนักงานขายด้วยรางวัลพิเศษให้เป็นตัวกระตุ้นการทำงานที่ทำมากก็มีโอกาสได้มาก

ทั้งนี้การกระตุ้นนี้ควรระวังว่าอย่าให้สูงจนเกินไปจากที่จะกลายเป็นผลดีอาจทำให้กลายเป็นความเครียดที่ต้องทำยอดให้ได้ตามเป้าสุดท้ายก็ไม่ได้ผลดีเช่นกันจึงควรจูงใจด้วยเป้าหมายกลางๆที่บริษัทก็ได้ประโยชน์ทีมขายก็ได้ประโยชน์ร่วมกันด้วย

j9

5.สร้างพันธมิตรที่ดีเพื่อการมีกำไรที่เพิ่มขึ้น

ภาษาการตลาดเรียกว่ารบคนเดียวไม่ชนะก็ต้องหาเพื่อนมาร่วมรบด้วยเพื่อหวังผลทางการค้าร่วมกันได้ นั้นหมายถึงการที่ธุรกิจควรมี การส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ ที่เรียกกันว่า Co-Promotion อันจะเป็นการสร้างสิ่งที่น่าสนใจและทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับที่ตัวเองใช้จ่ายไป เช่นการทำธุรกิจร้านเสริมสวยอาจให้โปรโมชั่นว่าใช้บริการราคาเทาไหร่สามารถไปรับบริการสปา หรือนวดแผนไทยได้ในราคาพิเศษ

ซึ่งก็คือการทำงานร่วมกันระหว่างร้านเสริมสวยและร้านสปาที่ใช้ Co-Promotion ร่วมกันลูกค้าก็จะรู้สึกว่าคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น การใช้ Co-Promotion ก็อาจจะปรับเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆเพื่อให้ไม่จำเจกับการใช้บริการยิ่งหลากหลายยิ่งน่าสนใจยิ่งทำให้คนรู้สึกติดตามว่าเดือนนี้เราจะมีการจัดโปรโมชั่นร่วมกับไหนอย่างไรบ้าง

6.คิดให้ใหญ่แล้วไปให้ถึง

เป็นหลักการทางจิตวิทยาที่เอามากระตุ้นการทำงานของตัวเองได้อย่างดี ในการก่อตั้งธุรกิจนั้นเราทุกคนย่อมมีเป้าหมายในการทำธุรกิจดังนั้นสิ่งที่ควรตั้งเป้าจึงควรชัดเจนว่าปีนี้บริษัทเราหรือธุรกิจของเราต้องการตัวเลขกำไรที่เท่าไหร่สมมุติเราตั้งตัวเลขไว้เลยว่าสิ้นปีต้องมีกำไร 1 ล้านบาท ก็จะนำมาสู่วิธีการคิดว่าแล้วมีเส้นทางไหนอย่างไรบ้างที่จะเดินไปสู่เงินล้านได้ตามที่คิด

แน่นอนว่าต้องเป็นการทำงานที่หนักแต่เราต้องตระหนักในเป้าหมายเสมือนว่าหากเราไปไม่ถึงธุรกิจเราต้องล้มเลิกล้มละลายดังนั้นทางเดินเดียวที่อยู่รอดคือต้องไปให้ถึง นั้นจึงเป็นตัวกระตุ้นอย่างดีกับการทำธุรกิจที่เราจะเค้นความสามารถที่เรามี วิธีการที่ดีที่สุดออกมาใช้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายต่างจากการตั้งเป้าในระดับต่ำๆ ก็จะทำให้เราขาดแรงจูงใจทำงานแบบเลื่อนลอยสุดท้ายธุรกิจเราก็โตยากโตช้าหรืออาจไม่โตเลยด้วยซ้ำ

j8

7.ลุกตลาดออนไลน์ให้เข้าถึงคนได้มากที่สุด

วิธีการตลาดคือสิ่งสำคัญที่จะบอกได้ว่าเป้าหมาย 1 ล้านของเราใกล้เคียงความจริงแค่ไหน การทำธุรกิจเราต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปตามสภาวะการณ์สังคมเมื่อโลกไอทีกำลังมีบทบาทมากเราก็ควรเดินตามเกมนั้น

หากการตลาดของเราไม่เคยเจาะตลาดไอทีมาก่อนก็ต้องหันมาเดินหน้าในเรื่องนี้มากขึ้น รวมถึงวิธีการเจาะตลาดในโลกไอทีก็ต้องรู้จักการเลือกเครื่องมือที่ถูกต้องเหมาะสมและใช้เทคนิควิธีการให้ถูกวิธี ซึ่งเทคนิคเหล่านี้มีหลากหลายการเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละธุรกิจที่สำคัญต้นทุนในสื่อไอทีบางอย่างนั้นไม่สูงมากแต่ว่าได้ผลที่ดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ในการนำเสนอที่ต้องมีความน่าสนใจและทำให้คนอยากติดตามได้มากขึ้นด้วย

การสรรหาว่าทำธุรกิจด้วยวิธีไหนที่จะสร้างยอดขายได้ถึงหลักล้านเราไม่อาจนำแนวทางที่ธุรกิจหนึ่งใช้มาใช้กับธุรกิจของเราได้เพราะความแตกต่างในหลายปัจจัยที่ไม่เหมือนกัน เพียงแต่เราสามารถนำแนวทางมาปรับใช้ให้เหมาะสมและสร้างการตลาดในแบบธุรกิจของเราขึ้นมา ไม่มีวิธีไหนดีที่สุดไม่มีวิธีไหนแย่ที่สุด วิธีที่ดีที่สุดคือวิธีที่เราใช้แล้วประสบความสำเร็จนั้นแหละคือวิธีสร้างเงินล้านได้ดีที่สุดให้กับธุรกิจของเรา

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด