3 เทคนิค การสร้าง ท่อนฮุกทางธุรกิจ

เมื่อเพลงยังต้องมี”ท่อนฮุก”ย้ำเตือนให้ติดหู เพลงแต่ละเพลงที่ผลิตออกมาแต่ละครั้ง จำเป็นต้องวางกลยุทธ์แบบที่เปิดปุ๊บต้องติดหูปั๊บให้ได้ แบบว่า…ต้องเกิดให้ได้ในวงการ ตั้งแต่…วันแรกที่เปิดตัวกันเลยทีเดียว

โดยเฉพาะโลกเราทุกวันนี้ที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารที่มากมาย ยิ่งตอนนี้ แต่ละค่ายเพลง ก็ผลิตศิลปินออกมามาก แต่เวลาที่ใช้ในการโปรโมทเพลงก็มีน้อย

“ท่อนฮุก”จึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ “ท่อนฮุก”ที่โดนใจจะช่วยให้เพลงนั้นดัง ติดหูเร็ว ท่อนฮุกที่ดีๆและโดนๆก็เป็นตัวช่วยให้ศิลปิน นักร้องเพลงนั้นๆให้โด่งดังตามไปด้วย

ท่อนฮุกทางธุรกิจ คุณเองก็สร้างได้!
ท่อนฮุกทางธุรกิจ คุณเองก็สร้างได้!

“ท่อนฮุก”ในวงการเพลงก็คงไม่ต่างกับ”ท่อนฮุก” ในวงการธุรกิจสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหญ่ระดับพันล้านจนถึงธุรกิจห้องแถวเล็กๆ ก็ตาม ต่างก็มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคการสร้าง “ท่อนฮุก”ที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างในแบบของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าโดนใจและจดจำได้ง่าย

ในวันนี้ผมขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ท่อนฮุกทางธุรกิจ กับภาษาทางการตลาดสวยหรูที่ชื่อ unique selling point (USP) กันนะครับ

หลายๆคนอาจสงสัยว่า unique selling point (USP) เนี่ยมันคืออะไรกันแน่? มันแปลเป็นไทยว่า”ข้อเสนอทางการขายที่ไม่ซ้ำกัน”
มันก็คือการสร้างคำจำกัดความที่เกี่ยวข้องกับ”จุดขาย”เพื่อให้แบรนด์ของคุณมี”เอกลักษณ์”และมีความ”โดดเด่น”และมีความ”แตกต่าง”จากแบรนด์อื่นในท้องตลาด

ในภาวะที่ธุรกิจมีการแข่งขันสูงมีผู้เล่นในสนามธุรกิจมากหน้าหลายตา หากแบรนด์ของคุณไม่สามารถหาเหตุผลให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ว่าทำไมพวกเขา(ลูกค้า)จึงต้องมาซื้อสินค้ากับคุณ ทั้งที่มีผู้ผลิตมากมายให้เลือก

เมื่อถึงเวลาที่ลูกค้าต้องการใช้สินค้าและบริการดังกล่าว ซึ่งก็เป็นสินค้าที่คุณก็มี…แต่…โชคร้ายก็ตรงที่…พวกเขา(ลูกค้า)กลับลืมนึกถึงคุณไป น่าเศร้าใจไหมครับ

โศกนาฎกรรมทางธุรกิจแบบนี้… จะไม่เกิดขึ้น ถ้าหากคุณมีเทคนิคไอเดียดีๆเจ๋งๆในการกำหนด unique selling point(USP)ให้กับแบรนด์ของคุณเอง

75

มี 3 เทคนิค การสร้าง ท่อนฮุกทางธุรกิจ ดังนี้…

เทคนิคที่1 สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

โดยการเติมเต็มช่องว่างในตลาด ที่ยังไม่มีคู่แข่งคนไหนมองเห็นมาก่อน ซึ่งจัดเป็นเทคนิคการหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับคู่แข่งเดิมๆในสนามเดิมๆแต่เป็นการสร้างสนามแข่งขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเราเอง และมีตัวเราเองเป็นผู้เล่นรายแรก

ยกตัวอย่างเช่นธุรกิจ grabtaxi บริการเรียกรถแท็กซี่สาธารณะผ่านมือถือ ที่เริ่มต้นจากการ มองเห็นความ ยุ่งยาก ลำบากและความไม่ปลอดภัยของผู้ใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะ

และอีกธุรกิจหนึ่ง ก็คือธุรกิจ pet master บริการฌาปนกิจศพสัตว์เลี้ยงที่มองเห็นความจำเป็นของคนเมืองที่มีความลำบากในการจัดการสัตว์เลี้ยงที่เสียชีวิต

 

เทคนิคที่2 คือ การมองหา”จุดแข็ง” ของตัวเอง ที่”แตกต่าง”จากคู่แข่งให้เจอ

เช่น แชมพูโดฟ มีจุดขายด้านความนุ่มของเส้นผม ยาสีฟันใกล้ชิด มีจุดขายด้านลมหายใจสดชื่น รถยนต์ Volvo มีจุดขายด้านความปลอดภัย และน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน มีจุดขายด้านการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

 

เทคนิคที่3 คือ การ”สื่อสาร”เอกลักษณ์และความ”แตกต่าง”ดังกล่าวให้แก่ลูกค้า

ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางสื่อสารมากมายหลายช่องทางโดยเฉพาะช่องทางสื่อออนไลน์หลักๆเช่น Facebook Instagram และเว็บไซต์ให้ได้โปรโมทกันตามความเหมาะสมครับ

สุดท้ายนี้ผมอยากให้เอสเอ็มอีทุกท่านได้สังเกตและทำความเข้าใจกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของท่านให้ลึกซึ้งก่อนเสมอ

เพื่อที่จะได้ กำหนด”ท่อนฮุก”หรือ”จุดขาย”ของแบรนด์ให้”โดนใจ”และ”แตกต่าง”ได้อย่างแท้จริง
ไม่ใช่แค่เพียง…สร้างความแตกต่างขึ้นมาแบบเลื่อนลอยเท่านั้น

ไอเดียต่างๆนี้เริ่มต้นได้ไม่ยากครับ หากเรารู้จักหัดสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว ข่าวดีก็คือ เจ้าสิ่งนี้ถือเป็น”ทักษะ” ที่ฝึกฝนกันได้นะครับ…

ขอเป็นกำลังใจให้เอสเอ็มอีทุกท่านครับ (แล้วพบกันที่ความสำเร็จครับ)

 

ขอขอบคุณรูปภาพประกอบทาง internet