แฮ็พพิแมธ สอนเด็กให้เก่งคณิตศาสตร์อย่างมีความสุข

ด้วยประสบการณ์การเป็นครูที่สั่งสมมากกว่า 20 ปี ของ อาจารย์ชนินทร์ ปรีชพันธุ์ ได้ถ่ายทอดสู่สถาบันพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ แฮ็พพิแมธ (HAPPY MATH) รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้เด็กมีความสุข สนุกกับการคิดคำนวณและมีผลการเรียนคณิตศาสตร์ที่ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ปกครองมีความสุข

แฟรนไชส์ซี มีรายได้อย่างยั่งยืน และทุกวันนี้แฮ็พพิแมธก็ยังคงขยายสาขาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เข้าถึงเด็กๆทั่วประเทศ

แฮ็พพิแมธ

เรียนรู้รายบุคคล จบแล้วมีความรู้เหนือชั้นเรียน

แฮ็พพิแมธ

หลักสูตรคณิตศาสตร์ของสถาบันพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์แฮ็พพิแมธมีจุดเด่น 3 ส่วนหลักๆ คือ เนื้อหารายบุคคล การเรียนรู้ด้วยตนเอง และ การมีความรู้เหนือชั้นเรียนในโรงเรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในการเรียนคณิตศาสตร์ที่อาจารย์ชนินทร์ ได้วางเอาไว้ ด้วยจุดเด่นเหล่านี้เองที่ทำให้เด็กทุกคนไม่ว่าจะมีพื้นฐานความรู้คณิตศาสตร์ระดับใดก็ตามสามารถเก่งเลขได้ 100% ทุกคน

แฮ็พพิแมธ

“เราจะมีแบบฝึกหัดให้เด็กแต่ละคนได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจกับตัวอย่าง เพื่อให้เด็กเกิดทักษะในหัวข้อที่เราต้องการจะปลูกฝัง เด็กๆ จะได้เรียนรู้ในเนื้อหาที่เหมาะสมกับพื้นฐานที่แท้จริงของแต่ละคน แม้เราจะเห็นเด็กนั่งทำแบบฝึกหัดในห้องเดียวกัน แต่เนื้อหาที่แต่ละคนทำไม่เหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่ แฮ็พพิแมธทำได้ แต่ชั้นเรียนปกติไม่สามารถทำได้แบบฝึกหัดของแฮ็พพิแมธจะมีความต่อเนื่องกันในแต่ละบท และจะยากขึ้นเรื่อยๆโดยที่เด็กไม่รู้ตัว เมื่อเด็กทำสิ่งที่ยากๆ ได้ด้วยตัวเอง เขาจะเกิดความมั่นใจว่าไม่มีอะไรยากเกินจะเรียนรู้”

แฮ็พพิแมธ

ผลลัพธ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนหลังการเรียนที่สถาบันแฮ็พพิแมธ คือ เด็กๆ จะมีความรู้เหนือชั้นเรียน ประมาณ 2 – 3 ชั้นเรียนขึ้นไป เช่น เด็กมัธยมต้นสามารถทำคณิตศาสตร์มัธยมปลายได้ เพราะมีความสามารถในการคำนวณที่สูงขึ้น วิชาคณิตศาสตร์จะกลายเป็นของง่ายสำหรับเด็ก เมื่อเจอโจทย์เลขที่ซับซ้อน กลับมองว่าท้าทายและมั่นใจว่าตนเองสามารถทำได้ มีความสุขที่จะเรียนคณิตศาสตร์และรวมไปถึงวิชาอื่นๆ อีกด้วย

ปั้นแฟรนไซส์ซีให้เป็น ‘โค้ชเลข’ ของชุมชน

แฮ็พพิแมธ

ด้วยเหตุผลนี้ แฮ็พพิแมธ จึงต้องการคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันมาช่วยเผยแพร่ระบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ที่ถูกต้อง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นครูหรือมีประสบการณ์การสอน แต่ต้องจบการศึกษาขั้นต่ำระดับปริญญาตรี สาขาใดก็ได้ ไม่ต้องเก่งคณิตศาสตร์ ต้องมีใจที่จะเป็น ‘ครู’ ที่สำคัญเชื่อมั่นในแนวทางของแฮ็พพิแมธ เราพร้อมจะฝึกให้ทุกคนเป็น ‘โค้ช’ ที่สอนเด็กให้เก่งคณิตศาสตร์ได้อย่างแน่นอน

แฮ็พพิแมธ

“ผู้สอนไม่จำเป็นต้องออกไปยืนสอนเลขอยู่หน้าชั้นเรียน” เพราะครูที่แท้จริงคือ ‘แบบฝึกหัด’ ซึ่งจะมีการปรับปรุงพัฒนาเนื้อหาให้สอดคล้องกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการโดยตลอด และถ้าแฟรนไชส์ซีมีความต้องการเนื้อหาเฉพาะสำหรับเด็กในแต่ละศูนย์ บริษัทจะจัดทำเพิ่มเติมให้อย่างเหมาะสม เราจะดูแลและสนับสนุนการทำงานของแฟรนไชส์ซีอย่างใกล้ชิด ทำให้เราสามารถควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการเรียนการสอนได้ ซึ่งปัจจุบันสถาบันแฮ็พพิแมธมีสาขามากกว่า 100 สาขา ทั่วประเทศ”

ขยายโอกาสทางการศึกษาทั่วประเทศ

แฮ็พพิแมธ

สำหรับงบประมาณการลงทุนกับแฮ็พพิแมธนั้น แบ่งเป็นค่าแฟรนไซส์ 70,000 บาท ค่า Royalty Fee 20% ของรายได้จากค่าเรียนของนักเรียน 1 คน/ 1 เดือน แฟรนไชส์ซีนอกจากมีเงินทุนเริ่มต้นมีสถานที่เปิดศูนย์ที่เหมาะสม เช่น ตั้งอยู่ในทำเลย่านชุมชน หน้าโรงเรียนและหมู่บ้านที่มีผู้พักอาศัยหนาแน่น ต้องเข้ารับการอบรมแนวทางการสอนวิธีบริหารจัดการศูนย์ ตลอดจนวิธีการดูแลเด็กตามระบบแฮ็พพิแมธก่อนจะทำการเปิดสถาบันแฮ็พพิแมธ

ด้วยค่าเรียนเดือนละ 1,300 – 1,400 บาท ทำให้ผู้ปกครองมีกำลังที่จะส่งบุตรหลานมาเรียนได้ ซึ่งส่วนใหญ่เด็กๆ มักจะเรียนอย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 1 ปี ขึ้นไป ด้วยความมั่นใจว่าระบบแฮ็พพิแมธ สามารถทำให้เด็กทุกคนเก่งคณิตศาสตร์ได้ตลอดชีวิต

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท แฮ็พพิแมธ จำกัด
Tel : 065-509-5455, 081-855-2309

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3jraOu0


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต