แจกฟรี! ของว่างทานเล่น 20 สูตร ทำง่ายๆสร้างรายได้เสริม

สำหรับใครที่คิดจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า ความคิดส่วนใหญ่มักเรื่องลงทุนกับอาหารเพราะเชื่อว่าเป็นสินค้าที่มีความต้องการ แต่ทว่าการทำอาหารจำเป็นที่เราต้องมีฝีมือ รสชาติต้องออกมาดีถูกใจลูกค้า

หลายคนบอกว่าทำอาหารไม่เก่งจะให้เปิดร้านตามสั่งหรือร้านข้าวแกงก็คงไม่ไหว ธุรกิจอาหารที่ง่ายกว่านั้นคือ “ขายของว่างหรือขนมทานเล่น” ซึ่งมีอยู่ด้วยกันมากมายหลายเมนู

www.ThaiSMEsCenter.com เอาใจคนที่อยากทำธุรกิจนี้จึงได้จัดมาให้ดู 20 สูตรที่เป็นของทานเล่นทำง่ายขายง่ายและมีกำไรง่ายๆ ด้วย

1.ถั่วกรอบแก้ว

ของว่างทานเล่น

ภาพจาก goo.gl/VDehgZ

ถั่วกรอบแก้วเป็นเมนูที่หลายคนต้องเคยทานแต่หลายคนอาจไม่รู้ว่านั่นคือถั่วกรอบแก้ว ถือเป็นขนมทานเล่นที่เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา คนทำงานออฟฟิศ ที่บ่ายๆ เพลินๆ ทานเล่นๆขณะอ่านหนังสือหรือทำงาน นอกจากทำให้อิ่มแบบเบาๆ ยังช่วยแก้ง่วงได้ดีด้วย

ส่วนผสม

  1. ถั่วลิสงดิบ 3 ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
  3. ผงโกโก้ 2-3 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำเปล่า 1ถ้วยตวง
  5. เกลือป่นเล็กน้อย
  6. งาขาวคั่ว 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ

  1. ล้างถั่วลิสงในน้ำสะอาด คัดถั่วเม็ดที่เสียออกไป เทใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำ
  2. ตั้งกระทะโดยยังไม่ต้องเปิดไฟ ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยผงโกโก้ คนให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำเปล่า คนให้เข้ากันและใส่ถั่วลิสงลงไป
  3. เปิดไฟปานกลาง จนน้ำเชื่อมเดือดพล่าน พอน้ำเชื่อมเริ่มเหนียวข้นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มให้คนบ่อยขึ้นไปเรื่อย ๆ
  4. พอน้ำเชื่อมเหนียวมากขึ้นปรับเป็นไฟอ่อนคนต่อ อีกประมาณ 2-3 นาทีสังเกตว่าน้ำเชื่อมแห้ง น้ำตาลตกทราย จึงปิดไฟ
  5. โรยเกลือป่น เปิดไฟอ่อนๆ คนไปเรื่อย ๆ จนถั่วทุกเม็ดเริ่มเปียกและมีน้ำตาลเยิ้มออกมา และโรยงาขาวคั่ว คนไปเรื่อย ๆ จนงาเคลือบทั่วตัวถั่ว จึงปิดไฟ
  6. เทถั่วกรอบแก้วลงในถาดที่รองด้วยกระดาษรองอบ ใช้ไม้พายเกลี่ยถั่วให้กระจายออกจากกัน ถั่วจะได้ไม่ติดกันเป็นก้อน พอเย็นตัวจะกรอบขึ้น พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท บรรจุใส่ขวดโหลหรือแพคเกจสำหรับขาย

ต้นทุน-กำไร : ต้นทุนสำคัญคือถั่วลิสง ราคาประมาณ 42 บาท (500 กรัม) ที่เหลือคือต้นทุนวัตถุดิบอย่างน้ำตาล งา เบ็ดเสร็จต้นทุนรวมประมาณ 15 บาท ทำเสร็จสามารขายได้ห่อละ 25 บาท หรือหากเป็นขวดโหลอาจขายได้ถึง 30 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


2.กล้วยแขก

a3

ภาพจาก goo.gl/wZmv1R

เป็นอาหารทานเล่นที่ทานได้ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น  การทำกล้วยแขกทอดที่อร่อยต้องให้กล้วยแขกมีความนุ่ม กรอบ  ไม่แข็ง เวลาทานจะเพลินๆ ไปกับรสชาติของกล้วยและความกรุบกรอบของแป้ง ใครสนใจจะทำกล้วยแขกขายก็ควรฝึกฝีมือให้ชำนาญก่อนลงมือขายจริง

ส่วนผสม

  1. แป้งสาลี 1 กก.
  2. แป้งข้าวเจ้า
  3. ผงฟู 10 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 1 กก.
  5. งา
  6. มะพร้าวขูด 1 กก.
  7. น้ำมันพืช 5 ลิตร
  8. เกลือ 1 ถุง
  9. กล้วย 10 หวี

วิธีทำ

  1. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี เกลือ นวดกับหัวกะทิ และมะพร้าวขูด นวดให้เข้ากัน ใส่น้ำปูนใส แล้วนวดต่อ ใส่งาลงไปให้ทั่ว
  2. ตั้งกระทะไฟปานกลาง ใส่น้ำมันกะให้ท่วมกล้วยที่จะทอด เมื่อน้ำมันร้อนนำกล้วยที่หั่นตามยาว 3-4 ชิ้น ต่อ 1 ลูก (แล้วแต่ลูกใหญ่หรือเล็ก) ชุบแป้งที่ผสมไว้ตามข้อ 1 ใส่ในน้ำมันจนเต็มกระทะ
  3. ทอดจนแป้งเหลืองกรอบ และเนื้อกล้วยสุก ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

ต้นทุน-กำไร : ต้นทุนสำคัญขึ้นอยู่กับราคากล้วย มะพร้าว และน้ำตาลทราย ในสูตรนี้กล้วย 10 หวี ต้นทุนรวมประมาณ 590 บาท ได้กล้วยแขกประมาณ 600 ชิ้น ขายได้ประมาณ 70 ชุด ชุดละ 20 บาท รายได้ประมาณ 1,400 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


3.ขนมปังกรอบอบเนย

a4

ภาพจาก goo.gl/dzk154

เสน่ห์ของขนมปังกรอบอบเนยอยู่ที่ความหอมของเนยและรสหวานจากน้ำตาลโรยหน้า ใครที่กำลังมองหาอาชีพเสริมลองศึกษาวิธีการทำเมนูทานเล่นชนิดนี้ ซึ่งปัจจุบันมีหลายแบรนด์ที่ทำสินค้านี้โดยเฉพาะ ดังนั้นก็ควรมีไอเดียที่แปลกและแตกต่างจะช่วยให้ขายดีขึ้น

ส่วนผสม

  1. ขนมปังแผ่น ตามชอบ
  2. เนยจืด
  3. น้ำตาลทราย

วิธีทำ

  1. ใช้ขนมปังเก่า 2-3 วัน หั่นให้บางตามชอบ ตัดขอบทิ้งแล้วหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ
  2. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาฟาเรนไฮต์ เรียงขนมปังใส่ถาดแล้วอบในเตา ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
  3. อบเสร็จก็พักไว้ให้เย็น ทาเนยจืด ชุบน้ำตาล แล้วนำเข้าเตาอบอีกครั้งประมาณ 15-20 นาที พักไว้ให้เย็น เตรียมขายได้

ต้นทุน-กำไร : ต้นทุนสำคัญคือขนมปังที่ 1 ห่อจะมีประมาณ 20 แผ่น เกรดคุณภาพประมาณ 36 บาท ต้นทุนรวมกับวัตถุดิบอื่นๆประมาณ 5 บาท/แผ่น ตอนขายสามารถขายเป็นชุดๆตั้งแต่ 10-15 บาท กำไรก็ประมาณ 5-10 บาท/แผ่น

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


4.ทุเรียนทอด

a5

ภาพจาก goo.gl/H6fxtF

จุดเด่นของทุเรียนทอดคือความกรอบ มัน เค็ม ยิ่งทานยิ่งเพลิน แต่ด้วยวัตถุดิบหลักที่ใช้คือ ทุเรียน ใครที่คิดจะทำเมนูนี้ออกจำหน่ายก็ต้องคำนวณต้นทุนตัวเองให้ดี ควรมีแหล่งวัตถุดิบราคาไม่แพง เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกที่สุด จะได้มีกำไรจากการลงทุนได้มากขึ้น

ส่วนผสม

  1. ทุเรียนแก่ (เนื้อแข็ง)
  2. น้ำมันพืช
  3. เกลือป่น

วิธีทำ

  1. แกะเปลือกและนำเม็ดทุเรียนออกให้หมด และนำเนื้อมาฝานบางๆ
  2. ใส่น้ำมันพืชในกระทะตั้งไฟแรง นำเนื้อทุเรียนลงทอด ทอดจนทุเรียนลอยขึ้นมา จากนั้นลดไฟลงแล้วทอดต่อจนเนื้อทุเรียนแห้งกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันจนแห้งสนิท
  3. นำเกลือป่นมาโรยลงบนเนื้อทุเรียนเล็กน้อย คลุกให้เข้ากัน นำใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท

ต้นทุน-กำไร : ต้นทุนขึ้นอยู่กับราคาทุเรียนเป็นสำคัญ ราคาขายขึ้นอยู่กับแพคเกจเช่นกัน ส่วนใหญ่ขายได้ตั้งแต่ 30-100 บาท ผู้ที่ทำธุรกิจนี้จริงจังมีเงินหมุนเวียนใช้สอยและมีกำไรต่อเดือนค่อนข้างดี

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


5.มันฝรั่งเกลียวทอด

a6

ภาพจาก goo.gl/e5RFYZ

เมนูทานเล่นที่กำลังมาแรงเห็นได้มากตามตลาดนัดและหน้าโรงเรียน ด้วยรูปร่างที่เป็นเกลียว ดึงดูดความสนใจของเด็กๆได้อย่างดี รวมกับการใช้ผงปรุงรสต่างๆ มาเพิ่มรสชาติก็ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่น่าสนใจ อุปกรณ์สำคัญที่ต้องมีคือเครื่องสไลด์มันฝรั่งที่มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด หลายราคา

ส่วนผสม

  1. เครื่องสไลด์มันฝรั่ง
  2. มันฝรั่ง
  3. น้ำมันพืช
  4. ผงปรุงรสรสชาติต่างๆ

วิธีทำ

  1. ล้างมันฝรั่งให้สะอาด ใช้เครื่องสไลด์มันฝรั่ง ทำให้เป็นเกลียวสวยงาม
  2. ตั้งกระทะให้น้ำมันเดือดใส่มันฝรั่งที่เป็นเกลียวลงทอดในน้ำมันเดือด สังเกตให้เหลืองทั่วอัน
  3. นำขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำมัน ปรุงรสด้วยผงรสชาติต่างๆ เช่น บาร์บีคิว พิซซ่า ปาปริก้า ตามที่ลูกค้าต้องการ

ต้นทุน-กำไร : ราคาเครื่องสไลด์มันฝรั่งมีตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักพัน เริ่มต้นใหม่ใช้เครื่องราคาประมาณ 200-300 บาทก็ได้ คนที่ลงทุนอาชีพนี้จริงจังใช้มันฝรั่งวันละ 30-35 กก. สไลด์ขายได้ 400-500 ไม้ ราคาไม้ละ 15 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


6.เฟรนฟรายส์ทอด

a7

ภาพจาก goo.gl/TZZnon

น่าจะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ลงทุนง่ายที่สุด ยุ่งยากน้อยที่สุด แค่มีโต๊ะหนึ่งตัว เตาแก๊สปิกนิก และเฟรนฟรายส์ ก็เริ่มทำธุรกิจได้ทันที บางคนใช้ทำเลหน้าบ้านตัวเองทอดเฟรนฟรายส์ขาย ชุดละ 25-30 บาท ถือว่ามีกำไรไม่น้อยเช่นกัน

ส่วนผสม

  1. เฟรนฟรายส์ 1 ห่อ
  2. ซอสมะเขือเทศ
  3. น้ำมันพืช
  4. เกลือป่น

วิธีทำ

  1. ตั้งน้ำมันพืชให้ร้อนจนได้ที่ แล้วนำเฟรนฟรายส์จำนวนหนึ่งใส่ลงไป ทอดให้เหลืองโดยทั่วกัน
  2. เหลืองได้ที่ ใช้ตะแกรงตักเฟรนฟรายส์ขึ้นมาเขย่าให้สะเด็ดน้ำมัน เทใส่ถาดรองที่มีกระดาษซับน้ำมัน
  3. ตอนขายสามารถเลือกคลุกเกลือ หรือผงรสชาติอื่นๆ ได้ตามลูกค้าต้องการ

ต้นทุน-กำไร : เฟรนฟรายส์ 1 ห่อราคาประมาณ 100 บาท ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร มาแบ่งขายชุดละ 25-30 บาท กำไรในเฟรนฟรายส์ 1 ห่อไม่ต่ำกว่า 50-100 บาท ยิ่งขายมากก็ยิ่งมีกำไรมาก

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


7.ปอเปี๊ยะ

a8

ภาพจาก goo.gl/BGEWoz

การทำปอเปี๊ยะให้อร่อยสำคัญคือต้องไม่อมน้ำมัน รสชาติของปอเปี๊ยะต้องกรอบนอก นุ่มใน ดังนั้นก่อนจะทำขายก็ควรฝึกฝีมือในการทำให้ชำนาญ และควรพัฒนาสูตรการทำให้มีหลากหลาย ด้วยตัวสินค้ามีความน่าสนใจเป็นทุนเดิมหากต่อยอดให้ดีก็จะขายได้ง่ายยิ่งขึ้น

ส่วนผสม

  1. หมูสับ
  2. วุ้นเส้น
  3. แผ่นแป้งปอเปี๊ยะ
  4. กะหล่ำปลี
  5. พริกไทยป่น
  6. ซอสหอยนางรม
  7. ซอสถั่วเหลือง
  8. แป้งข้าวโพด
  9. ไข่ไก่
  10. น้ำมันพืช

วิธีทำ

  1. รวนหมูจนสุก ปรุงรสด้วยพริกไทย พริกป่น
  2. ผัดกะหล่ำปลี แครอทพอสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย เติมแป้งข้าวโพดลงไป
  3. ใส่หมูรวนตามลงไปและตามด้วยวุ้นเส้น ผัดให้เข้ากัน พักทิ้งไว้
  4. ตีไข่ไก่ให้เข้ากันสำหรับทาแป้งปอเปี๊ยะ
  5. นำเครื่องที่ผัดไว้มาห่อในแป้งปอเปี๊ยะทาไข่ไก่ป้องกันแป้งปอเปี๊ยติดกัน ห่อให้เป็นม้วนกลมสวยงาม
  6. ปอเปี๊ยะห่อเสร็จลงทอดในน้ำมัน ให้เหลืองได้ที่ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน

ต้นทุน-กำไร : ต้นทุนส่วนใหญ่มาจากวัตถุดิบที่หลากหลาย แต่ปอเปี๊ยะส่วนใหญ่จะขายที่ 25 บาท (ใส่กล่องประมาณ 3 ชิ้น) คิดเป็นกำไรอยู่ประมาณ 30-40% ของราคาขาย

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


8.เกี๊ยวทอด

a9

ภาพจาก goo.gl/DYgmX1

เกี๊ยวทอดสามารถทำเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ด้วยวัตถุดิบหาได้ไม่ยาก วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก และหากต้องการอัพเกรดราคาขายให้ดียิ่งขึ้น ก็ควรมีไอเดียในการทำ แพคเกจต้องมีความน่าสนใจ  ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ทำกำไรได้ดี

ส่วนผสม

  1. แผ่นเกี๊ยว 1 ห่อ
  2. หมูสับปรุงรส
  3. น้ำมันพืช

วิธีทำ

  1. นำแผ่นเกี๊ยวมาขูดแป้งออกก่อน เพื่อตอนทอดจะได้ไม่ไหม้ง่ายและน้ำมันไม่ดำเร็ว
  2. ตักหมูปรุงรสไว้ตรงกลางแผ่นเกี๊ยว พับแผ่นเกี๊ยวครึ่งนึง ใช้น้ำทาขอบแผ่นเกี๊ยวจับมุมแผ่นเกี๊ยวเข้าหากัน ใช้น้ำทาเพื่อให้มุมเกี๊ยวติดกัน
  3. นำไปทอดให้เกี๊ยวสุกพอเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน เตรียมขาย

ต้นทุน-กำไร : แผ่นเกี๊ยวราคาประมาณ 55 บาท (500 กรัม) ซึ่งมีปริมาณแผ่นค่อนข้างเยอะทอดได้หลายชิ้น นำมาแบ่งขายแล้วแต่ว่าใส่เครื่องอะไรลงไปหากถ้าเป็นเกี๊ยวเปล่าก็ประมาณ 7 ชิ้น 20 หรือถ้ามีเครื่องข้างในอาจขายชิ้นละ 3-5 บาทได้

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


9.หนังไก่ทอด

a10

ภาพจาก goo.gl/MrddCw

เมนูทานเล่นที่แค่ได้กลิ่นก็การันตีถึงความอร่อย ส่วนใหญ่ทานคู่กับข้าวเหนียวหรือทานเล่นเปล่าๆ ได้เลย ทานเพลินๆขณะทำงานหรืออ่านหนังสือ แต่หากจะให้ดีในยุคที่คนรักสุขภาพมากขึ้น เราควรมีสูตรหนังไก่ทอดเพื่อสุขภาพจะช่วยทำให้คนสนใจมากขึ้น

ส่วนผสม

  1. หนังไก่ต้ม
  2. ซอสหอยนางรม
  3. ผงปรุงรส
  4. พริกไทยป่น
  5. งาขาว
  6. แป้งทอดกรอบ

วิธีทำ

  1. ต้มหนังไก่ให้สุก นำมาปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา ผงปรุงรส พริกไทย งาขาว และ แป้งทอดกรอบ คลุกให้เข้ากัน
  2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน นำหนังไก่ลงไปทอดให้สุกเหลือง
  3. ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน พร้อมจำหน่าย

ต้นทุน-กำไร : หนังไก่ในตลาดขายอยู่ประมาณ 52 บาท/กก. ใน 1 กิโลกรัมสามารถทำเป็นหนังไก่ทอดได้จำนวนมาก ต้นทุนโดยรวมถือว่าไม่มากแต่สามารถขายได้ห่อละ 10-20 บาท บางทีขายคู่กับข้าวเหนียว ถึงขนาดขายเป็นแฟรนไชส์ก็มี

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


10.ขนมโตเกียว

a11

ภาพจาก goo.gl/Xo6hQ3

ขนมทานเล่นยอดฮิตที่เราจะเห็นตามโรงเรียน เป็นขวัญใจของน้องๆ หนูๆทั้งหลาย ปัจจุบันมีการพัฒนาให้มีไส้ที่หลากหลายและรูปลักษณ์ที่แปลกตามากขึ้น หากใครสนใจทำเป็นรายได้เสริมควรหาไอเดียเด่นๆโดนๆ มาช่วยเพิ่มสีสันให้น่าสนใจมากขึ้น

ส่วนผสม

  1. แป้งสาลี
  2. น้ำตาลทราย
  3. ไข่ไก่
  4. นมสด
  5. ผงฟู
  6. เนยจืด
  7. ไส้กรอก
  8. น้ำมันพืช

วิธีทำ

  1. ผสมแป้งขนมโตเกียวโดยร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ เกลือ และผงฟูรวมกัน ใส่ชามวางพักไว้ก่อน
  2. ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายแล้วผสมนมสด เนยจืดละลาย และกลิ่นวานิลลา คนจนส่วนผสมเข้ากัน
  3. เทแป้งที่ร่อนไว้ลงไป ใส่ทีละนิด แล้วก็คนให้เข้ากันแล้ววางพักไว้ 20 นาที
  4. ทำไส้หมูสับโดยตั้งกระทะผัดหมูสับกับกระเทียมและรากผักชีตำปรุงรสด้วยหอยนางรม ซอสปรุงรส พริกไทยป่น ผัดจนหมูสุกแล้วตักใส่ชามแยกไว้
  5. ใช้ตั้งไทยไฟกลาง ตักแป้งใส่ในกระทะแล้ววนเป็นวงกลมเมื่อแป้งด้านล่างเริ่มสุก ตอกไข่ลงไปแล้วยีไข่ให้แตก ตักหมูสับและวางไส้กรอกลงไป
  6. เหยาะซอสปรุงรสและพริกไทย เมื่อไข่เริ่มสุกดีแล้วก็จัดการม้วนขนม

ต้นทุน-กำไร : ต้นทุนโดยรวมมาจากวัตถุดิบหลากหลายชนิดแต่ซื้อแต่ละครั้งสามารถใช้ได้นาน ราคาขายขนมโตเกียวเริ่มตั้งแต่ชิ้นละ 2-10 บาท (ขึ้นอยู่กับไส้ภายใน) โดยส่วนใหญ่มีกำไรประมาณ 50% จากราคาขาย

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


11.เบคอนพันไส้กรอกชีส

a12

ภาพจาก goo.gl/SNjJe4

เบคอนพันไส้กรอกชีสเป็นเมนูโปรดของเด็กและผู้ใหญ่ ด้วยเสน่ห์ของเบคอนที่ผสมผสานกับชีส รสชาติผสมลงตัวกันอย่างดี เมนูนี้ราคาขายค่อนข้างแพง และยิ่งทำให้ดูน่าสนใจจะยิ่งขายดี ใครที่คิดจะทำขายต้องลองหาวิธีลดต้นทุนแต่ไม่ลดคุณภาพจะช่วยให้มีกำไรมากขึ้น

ส่วนผสม

  1. เบคอน
  2. ไส้กรอก
  3. เชดด้าชีส
  4. เนยจืด
  5. พริกไทย

วิธีทำ

  1. ตัดครึ่งเบคอนและตัดชีส1แผ่น แบ่งได้ 4 ชิ้น
  2. นำเบคอนวางตามด้วยชีส ต่อด้วยไส้กรอก โรยพริกไทย พันให้รอบแล้วใช้ไม้จิ้มฟันกัดไว้
  3. นำกระทะตั้งไฟใส่เนยลงไปรอให้ละลาย วางเบคอนลงไปย่างให้สุก เป็นอันเสร็จ

ต้นทุน-กำไร : ต้นทุนมาจากวัตถุดิบสำคัญอย่างไส้กรอกราคาประมาณ 70-80 บาท (ไส้กรอกประมาณ 10-12 ชิ้น) ส่วนเบคอน ขึ้นอยู่กับคุณภาพ ส่วนใหญ่ราคา 120-170 บาท (500 กรัม) ต้นทุนต่อชิ้นจึงค่อนข้างมากประมาณ 10-15 บาท แต่เมื่อทำเสร็จก็อัพราคาขายได้เช่นกันส่วนใหญ่ขายตั้งแต่ 25-30 บาท มีกำไรประมาณ 10-20 บาทต่อชิ้น

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


12.ไส้กรอกทอด

a13

ภาพจาก goo.gl/mijbwC

เมนูง่ายๆ แต่รายได้ดีมาก การทำไส้กรอกทอดไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะหรืออุปกรณ์วัตถุดิบอะไรมากมาย สำคัญที่ทำเลและการตลาด ซึ่งเราควรจะมีไอเดียในการขายที่ทำให้ลูกค้าสนใจมากขึ้น เช่นแพคเกจที่ดีขึ้น หรือโปรโมชั่นต่างๆ ที่เรียกว่าเป็นกลยุทธ์การขาย

ส่วนผสม

  1. ไส้กรอก
  2. น้ำมันพืช
  3. ซอสมะเขือเทศ

วิธีทำ

  1. ใส่น้ำมันพืช ในกระทะตั้งไฟให้ร้อนพอประมาณ ใช้ไฟปานกลาง
  2. นำไส้กรอกมาผ่าให้เป็นแฉกสวยงามลงทอดในกระทะให้สุกเหลืองน่ารับประทาน
  3. ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศ

ต้นทุน-กำไร : ขึ้นอยู่กับชนิดของไส้กรอกที่เอามาทอด เช่นไส้กรอกรมควันราคาประมาณ 49 บาท (150 กรัม) หรือถ้าเป็นไส้กรอกหนังไก่ ราคาประมาณ 82 บาท (500 กรัม) ทั้งนี้ในตลาดยังมีไส้กรอกราคาที่ถูกกว่านี้ส่วนใหญ่เหมาะเอามา ทอดขาย ซึ่งราคาการขายประมาณ 7 ชิ้น 20 หรือถ้าเป็นไส้กรอกขนาดใหญ่อาจขายชิ้นละ 5-10 บาท กำไรก็ถือว่าประมาณ 50% จากราคาขาย

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


13.ลูกชิ้นทอด

a14

ภาพจาก goo.gl/NWxgiy

เป็นอีกเมนูยอดฮิตที่เห็นได้ทั่วไป แม้จะมีคู่แข่งมากแต่ด้วยความที่เป็นสินค้ากินง่ายซื้อง่าย ทำให้ขายดีซึ่งหากใครที่ไม่ต้องการลองผิดลองถูกเริ่มต้นเอง สามารถเลือกซื้อแฟรนไชส์ที่มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ซึ่งจะทำให้เราเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมืออาชีพเร็วขึ้น

ส่วนผสม

  1. ลูกชิ้นหมู/กุ้ง/ปลา
  2. น้ำมันพืช
  3. น้ำจิ้มรสเด็ด

วิธีทำ

  1. ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟให้ร้อนใช้ไฟปานกลาง
  2. ใส่ลูกชิ้นที่ล้างสะอาดและต้องการจะทอดลงไปดูให้สุกเหลืองน่ารับประทาน
  3. ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด

ต้นทุน-กำไร : ขึ้นอยู่กับคุณภาพลูกชิ้น ราคาส่วนใหญ่ 50-60 บาท (400 กรัม) โดยลูกชิ้นในแต่ละแพคเกจสามารถทอดขายได้จำนวนหนึ่งราคาขายเริ่มตั้งแต่ชุดละ 20-30 บาท ก็ถือว่ามีกำไรต่อชิ้นไม่น้อยกว่า 50% จากราคาขาย

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


14.คัพเค้ก

a15

ภาพจาก goo.gl/TBMwa9

เป็นเมนูของหวานที่หลายคนชื่นชอบ  การจะทำคักเค้กให้อร่อยจำต้องฝึกฝนฝีมือให้คัพเค้กรสชาติกลมกล่อม เนื้อนุ่ม กินแล้วละลายในปาก หากเป็นคนมีฝีมือและทำได้ดี โอกาสที่จะสร้างแบรนด์ของตัวเองก็เป็นไปได้สูงมากด้วย

ส่วนผสม

  1. เนย
  2. ไข่ไก่ใบใหญ่
  3. นมสด
  4. แป้งสาลีอเนกประสงค์
  5. น้ำตาล
  6. ผงฟู
  7. เบกกิ้งโซดา
  8. ช็อคโกแลต
  9. vanilla extract

วิธีทำ

  1. ตีเนยกับน้ำตาลและน้ำตาลทรายแดง ตีจนเข้ากัน ส่วนผสมฟูขึ้นเล็กน้อย จากนั้นใส่ไข่ไก่ และ vanilla extract
  2. ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย เกลือ ผงฟู และเบกกิ้งโซดา ตีจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
  3. เทนมครึ่งหนึ่งและแป้งสาาลีอเนกประสงค์อีก 1 ถ้วยที่เหลือ และเทนมที่เหลือ ตีให้เข้ากันประมาณ 1 – 2 นาที
  4. ใส่ช็อกโกแลต ผสมให้เข้ากัน
  5. วางถ้วยกระดาษคัดเค้กลงในถาด ใส่ส่วนผสมแป้งลง 2/3 ของถ้วย
  6. อบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส (350 F) 20 นาที ยกออกพร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร : ต้นทุนของสินค้าอยู่ประมาณ 60-70% ของราคาขาย ดังนั้นจึงเป็นส่วนกำไรอยู่ประมาณ 30-40% ซึ่งส่วนใหญ่คัพเค้กในตลาดจะขายชิ้นละประมาณ 25-35 บาท ยิ่งถ้ารสชาติดี อร่อย ทำการตลาดดีๆ ยิ่งขายได้กำไรมากขึ้น

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


15.นักเก็ต

a16

ภาพจาก goo.gl/YrB868

เมนูทานเล่นที่เห็นได้ทั่วไป นักเก็ตสามารถหาซื้อวัตถุดิบได้จากห้างสรรพสินค้าแล้วนำมาทอดขาย ถือว่าเป็นอาชีพที่ลงทุนไม่มากสำคัญอยู่ที่ทำเล และกลยุทธ์การตลาด ซึ่งเราควรมีเมนูอื่นๆมาเสริมจะช่วยให้น่าสนใจมากขึ้น

ส่วนผสม

  1. ไก่บด
  2. พริกไทยป่น
  3. ซอสปรุงรส
  4. เกลือ
  5. แป้งข้าวโพด
  6. แป้งสาลีเอนกประสงค์
  7. ไข่ไก่
  8. เกล็ดขนมปัง

วิธีทำ

  1. ผสมไก่บดกับพริกไทยป่น ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส เกลือ และ แป้งข้าวโพด นวดจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  2. เตรียมแป้งสาลี ไข่ไก่ตีให้เข้ากัน และ เกล็ดขนมปัง ใส่แยกชามไว้สำหรับเอาไก่ลงไปชุบ
  3. ปั้นเนื้อไก่แล้วจัดให้เป็นรูปทรงสี่เหลียม จากนั้นก็นำไปคลุกกับแป้งสาลี ไข่ไก่ และ เกล็ดขนมปัง
  4. ตั้งกระทะใส่น้ำให้ท่วม รอให้ร้อนแล้วนำไก่ที่ชุบแป้งไว้แล้ว ลงไปทอดให้สุกเหลือง เสร็จแล้วก็ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน

ต้นทุน-กำไร : ไก่บดกิโลกรัมละ 74 บาท เกล็ดขนมปัง ราคา 21 บาท (200 กรัม) แป้งข้าวโพด 26 บาท (400 กรัม) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 บาท (1 กก.) ราคาขายถ้าขายตามหน้าโรงเรียนเป็นแก้วละ 5-10 บาท หรือถ้าตามตลาดนัดแพคเกจดีขึ้นหน่อยขายชุดละ 20-30 บาท กำไรก็ประมาณ 50% จากราคาขาย

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


16.ขนมปังหน้าหมู

a17

ภาพจาก goo.gl/o1i96Z

เป็นการผสมผสานระหว่างขนมปังและหมูสับได้อย่างลงตัว เป็นเมนูที่เกิดจากไอเดียและสร้างมูลค่ามากขึ้นให้กับสินค้า โดยเสน่ห์ของขนมปังหน้าหมูอาจอยู่ที่น้ำอาจาดซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของเมนูนี้เลยก็ว่าได้

ส่วนผสม

  1. ขนมปังแผ่น
  2. หมูสับ
  3. ซอสถั่วเหลือง
  4. ไข่แดงของไข่ไก่
  5. น้ำมันพืช

ส่วนผสมอาจาด

  1. น้ำส้มสายชู
  2. น้ำร้อน
  3. น้ำตาลทราย
  4. หอมแดงซอย
  5. ผักชีซอย
  6. แตงกวาซอย
  7. เกลือป่น
  8. พริกแดงซอย

วิธีทำ

  1. หั่นขนมปัง 1 แผ่นออกเป็นทั้งหมด 4 ส่วน
  2. ผสมหมูและเครื่องปรุงทุกอย่างยกเว้นไข่แดง ให้เข้ากันนำมาทาที่แผ่นขนมปังที่หั่นไว้ ทาด้วยไข่แดงก่อนนำไปทอด พอเหลืองกรอบตักขึ้นพักน้ำมันให้สะเด็ด
  3. ทำน้ำอาจาดเริ่มจากเอาน้ำเดือดต้มสุกมาใส่ถ้วยผสมด้วยน้ำส้มสายชู,น้ำตาลทรายและเกลือ คนจนละลาย ใส่หอมแดงซอย,พริกแดงซอย,แตงกวาซอยและโรยหน้าด้วยผักชีซอย

ต้นทุน-กำไร : เนื่องจากมีวัตถุดิบที่หลากหลายแต่ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบทั่วไปราคาไม่แพง หลักๆคือขนมปังแผ่น และหมูสับ ต้นทุนของขนมปังหน้าหมูไม่เกินชิ้นละ 5 บาท เราสามารถตั้งราคาขายเป็นชุดได้ตั้งแต่ 25-30 บาท ส่วนใหญ่ขายเป็นชุดชุดละประมาณ 4 ชิ้นมีกำไรต่อชุดประมาณ 5-10 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


17.แซนวิชไข่ดาว

a18

ภาพจาก goo.gl/BAxhmH

แซนวิชไข่ดาวสามารถทำกันได้ทุกคน แต่การทำให้เป็นอาชีพนั้นจะต้องมีเสน่ห์ของสินค้า และมีการตกแต่งเมนูให้ดูน่าสนใจ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าได้มากขึ้น รวมถึงการตลาดที่นอกจากขายหน้าร้านทั่วไปอาจเพิ่มช่องทางออนไลน์ได้ด้วย

ส่วนผสม

  1. ขนมปังโฮลวีท
  2. ไข่ไก่
  3. ชีส
  4. ผักตามชอบ

วิธีทำ

  1. นำขนมปังโฮลวีทไปจี่บนกระทะให้พอกรอบ ๆ พักไว้
  2. ทอดไข่ดาวบนกระทะที่โรยน้ำมันบาง ๆ พอสุกตามชอบแล้วนำชีสโปะด้านบนไว้ให้ความร้อนมันระอุผ่านไข่ขึ้นมา ให้พอเยิ้มนิด ๆ เสร็จแล้วนำไปวางบนขนมปังที่พักไว้
  3. วางผักลงไปให้สวยงาม ประกบให้เรียบร้อยแล้วผ่าครึ่ง พร้อมรับประทาน

ต้นทุน-กำไร : เนื่องจากแซนวิชมีหลายอย่างให้เลือกทำ ราคาต้นทุนก็จะมากน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของแซนวิชแต่โดยเฉลี่ยต้นทุนต่อ 1 ชิ้นไม่น่าเกิน 8 บาทยกเว้นแซนวิชด์แฮมชีสที่อาจต้นทุนสูงมากหน่อย ราคาขายประมาณ 15-20 บาทกำไรกำลังดี

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


18.ขนมไข่เต่า

a19

ภาพจาก goo.gl/6ogRJw

เราสามารถพบเห็นเมนูไข่เต่าได้ตามตลาดทั่วไป เป็นเมนูง่ายๆบ้านๆ แต่ว่าคนให้ความสนใจ ด้วยความที่เป็นขนมแบบพอดีคำ เรียกว่ากินเล่นๆเพลินๆ เคี้ยวสนุกปาก ยิ่งได้ทานตอนร้อนๆ ออกจากเตาจะมีความกรุบกรอบเล็กน้อยอร่อยมากๆ

ส่วนผสม

  1. มันเทศ
  2. แป้งมัน
  3. แป้งอเนกประสงค์
  4. ผงฟู
  5. เกลือ
  6. น้ำตาล
  7. กะทิ

วิธีทำ

  1. นำมันเทศไปนึ่งจนนิ่ม แล้วนำมาบดให้ละเอียด
  2. เทแป้งมัน แป้งอเนกประสงค์ ผงฟู เกลือ และน้ำตาลลงไปในชามผสม คนให้เข้ากัน
  3. จากนั้นก็ใส่มันที่บดไว้ลงไป เอามือขยำให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทกะทิลงไปผสมแล้วขยำให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่ง
  4. เมื่อได้แป้งที่ผสมเสร็จแล้ว นำมาปั้นให้เป็นเม็ดกลมขนาดเท่ากับลูกชิ้นปลา
  5. ตั้งหม้อใส่น้ำมันให้ท่วม เมื่อน้ำมันร้อนจัดแล้ว ใส่ตัวขนมลงไปทอด เมื่อขนมเริ่มเปลี่ยนสีให้ใช้ตะหลิวคลึงๆ ตัวขนม ขนมจะได้กรอบนอกนุ่มใน เสร็จแล้วให้ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน เป็นอันเสร็จ

ต้นทุน-กำไร : พ่อค้าแม่ค้าที่ขายไข่เต่าเป็นอาชีพต่างบอกว่าต้นทุนประมาณ 50% กำไรก็ได้ประมาณ 50% เช่นกัน ซึ่งราคาขายโดยส่วนใหญ่หากเป็นขนมไข่เต่ามันม่วงขาย 6 ชิ้น 10 บาท ลูกค้าจะนิยมมากเพราะไม่แพงและกินง่ายอร่อยดี

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


19.หอยครก

a20

ภาพจาก goo.gl/TejfaE

คล้ายๆ กับไข่กระทะนี่คือการดัดแปลงและใช้ไอเดียมาทำเป็นสินค้าที่แปลกแหวกแนวและขายได้ในราคาที่เพิ่มขึ้น สำหรับคนที่สนในควรฝึกฝีมือในการทำให้ชำนาญเพื่อให้หอยครกออกมาเป็นรูปเป็นร่างสวยงาม ลูกค้าเห็นจะได้รู้สึกถึงความน่ากินหรืออาจใช้แพคเกจดีๆ ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าก็ได้

ส่วนผสม

  1. แป้งข้าวเจ้า
  2. แป้งท้าวยายม่อม
  3. แป้งทอดกรอบ
  4. น้ำปูนใส
  5. น้ำเปล่า
  6. ต้นหอมซอย
  7. ซอสพริก
  8. น้ำจิ้มไก่น้ำมันพืช
  9. ไข่ไก่
  10. หอยแมลงภู่
  11. พริกไทยป่น

วิธีทำ

  1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม และแป้งทอดกรอบ คนให้เข้ากัน
  2. ใส่น้ำปูนใส น้ำเปล่า และ ต้นหอมซอยลงไปในแป้ง คนจนแป้งละลายเข้ากัน
  3. เตรียมกระทะหลุม ใส่น้ำมันพืชลงไปตามหลม เหมือนมันเริ่มร้อนให้เทแป้งลงไป
  4. ตีไข่ไก่ใส่ชาม แล้วหยอดไข่ลงไปบนแป้ง ตามด้วยหอยแมลงภู่ รอจนเริ่มสุก ระหว่างนั้นให้หยอดน้ำมันพืชลงไปเป็นระยะๆ เพื่อให้แคะออกมาง่าย
  5. โรยต้นหอยซอนเล็กน้อย เสร็จแล้วก็แคะแล้วตักเรียงใส่จานเสิร์ฟ
  6. ทำน้ำจิ้มสำหรับหอยทอดครก ผสมซอสพริกกับน้ำจิ้มไก่เข้าด้วยกัน เสิร์ฟพร้อมกับหอยทอดครก

ต้นทุน-กำไร : ผู้ที่ลงทุนในธุรกิจการขายหอยครกพูดถึงต้นทุนเฉลี่ยในอาชีพนี้ประมาณ 2,000/วัน โดยราคาขายเฉลี่ยชุดละ 35 บาทตามตลาดนัดทั่วไป มีรายได้จากการขายประมาณ 3,000 บาท/วันกำไรเฉลี่ยประมาณ 1,00/วัน

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


20.ไข่ปลาหมึกทอด

a21

ภาพจาก goo.gl/TejfaE

สำหรับไข่ปลาหมึกทอดในตลาดเราเห็นมีมากมายคุณภาพก็แตกต่างกันไป การขายไข่ปลาหมึกทอดที่ดีเราตอ้งเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพเป็นไข่ปลาหมึกที่ผสมแป้งน้อยๆ เพื่อให้ลูกค้าติดใจยิ่งเป็นไข่ปลาหมึกแท้ได้ยิ่งดี และน้ำจิ้มถือเป็นไฮไลท์ของเมนูนี้ต้องอร่อย แซ่บ เด็ด

ส่วนผสม

  1. ไข่หมึก
  2. แป้งทอดกรอบ
  3. ผงปรุงรส
  4. พริกไทยป่น
  5. น้ำเย็นจัดเล็กน้อย
  6. น้ำมันพืช

วิธีทำ

  1. นำไข่ปลาหมึกมาหมักกับผงปรุงรส พริกไทย เติมน้ำเย็นลงไปเพียงเล็กน้อย ใส่แป้งลงไปบนไข่ปลาหมึก กะให้ให้พอดี ไม่ต้องเยอะมาก พอให้แป้งเหนียวๆ ไม่เหลวจนเกินไป นำไข่ลงไปทอดหรือผัดกับน้ำมันน้อยๆ ในกระทะ ทอดจนเหลืองกรอบพร้อมขายได้ทันที

ต้นทุน-กำไร : สำคัญคือคุณภาพของไข่ปลาหมึกที่นำมาใช้ทอด หากเกรดดีราคาจะสูงประมาณ 200-300 บาท/กิโลกรัม อาจทำให้ได้กำไรน้อยลงแต่ดีกว่าการเลือกใช้ไข่ปลาหมึกด้อยคุณภาพและไม่ควรผสมแป้งมากเกินไป หากลูกค้ากินแล้วไม่ติดใจไม่กลับมาซื้อซ้ำเราก็จะขายได้ไม่ดี โดยปกติราคาขายก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพไข่ปลาหมึกเริ่มตั้งแต่ชุดละ 30 -60 บาทกำไรขึ้นอยู่กับเทคนิคการบริหารจัดการต้นทุนที่มีคุณภาพ

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*

จะสังเกตได้ว่าอาหารทานเล่นหากเราขายแต่เพียงอย่างเดียวย่อมไม่เป็นที่ดึงดูดลูกค้า ส่วนใหญ่จึงมีให้เลือกหลายอย่างเช่นมีไส้กรอกทอด คู่กับลูกชิ้นทอด ไก่ทอด เป็นต้น หรืออย่างเปิดขายแซนวิชก็มีเครื่องดื่มหรือหอยครกร่วมด้วย จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับลูกค้ามากขึ้น


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3hWf6U7

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด