เทรนด์เขียนคอนเทนต์ Copy Writing สร้างยอดขาย 7 หลัก ปี 2023

เชื่อหรือไม่ว่าแค่การเขียนคอนเทนต์ให้ดีเพียงครั้งเดียว สามารถทำยอดขายได้ถึง 7 หลัก เพียงแค่รู้จักวิธีการเขียนและนำเสนอเท่านั้นเอง ใครเป็นเจ้าของธุรกิจ เจ้าของกิจการ หรือคนที่กำลังอยากขายออนไลน์ อยากเพิ่มยอดขาย สร้างรายได้ อยากให้คนติดตาม รวมถึงต้องการนำเสนอสินค้าให้ลูกค้าสนใจและได้รู้จักก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

เทรนด์เขียนคอนเทนต์

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีเทคนิคและ เทรนด์เขียนคอนเทนต์ Copy Writing จากผู้เชี่ยวชาญด้านคอนเทนต์อันดับต้นๆ ของเมืองไทย “คุณปิยเดช เอกวรวงศ์” หรือ อ.หย่าง – Copy Writer เจ้าของเพจ “เขียนอย่างหย่าง” มาแชร์ให้ทราบ

ซึ่ง อ.หย่าง ได้เกริ่นให้ฟังด้วยว่า “สินค้า/บริการ ที่ขายดี ขายง่าย ขายได้กำไรดี เขาไม่ขายกันตรงๆ ในปี 2023 มันจะเข้มข้นมาก คู่แข่งเยอะขึ้น คู่แข่งเก่งขึ้น ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้เยอะขึ้น และทุกคนต่างพยายามมากขึ้น

เขียนคอนเทนต์อย่างไรให้ขายได้ ขายดี

1.เข้าใจความต้องการของลูกค้า

เทรนด์เขียนคอนเทนต์

ต้องเข้าใจปัญหาและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการรับคอนเทนต์จากเรา แล้วเชื่อมโยงสินค้าให้เข้ากับความต้องการพวกเขา เช่น ลูกค้าอยากกำจัดแมลงสาปที่อยู่ในบ้าน การนำเสนอคอนเทนต์ที่จะสามารถดึงดูดลูกค้า

ก็คือ สื่อสารออกไปว่าแมลงสาปที่อยู่ท่อน้ำทิ้งหลังบ้าน ใต้อ่างล้างจาน ซอกห้องครัว จะหายไป 100% เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนั้นนี่ห้อนี้ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีความหวังอยากกำจัดแมลงสาปขึ้นมาทันที ดังนั้น การนำเสนอคอนเทนต์ให้ขายได้ ขายดี ต้องศึกษาดูว่าลูกค้าต้องการอะไร กำลังมีปัญหาอะไร แล้วค่อยนำเสนอให้ตรงกับความต้องการนั้นๆ

2. เล่าเรื่องประโยชน์และสรรพคุณ

เทรนด์เขียนคอนเทนต์

ปัจจุบันการขายของออนไลน์มีการแข่งขันกันสูงและยากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าใช้วิธีการขายเหมือนๆ กัน ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อด้วยราคาถูกที่สุด ถ้าขายสินค้าอุปโภคทั่วไปในบ้านแบบธรรมดาก็สู้ร้านสะดวกซื้อต่างๆ ไม่ได้ เพราะห้างเหล่านี้มีราคาที่ถูกกว่า เราต้องเปลี่ยนประสบการณ์การรับรู้ของลูกค้า คือ การเล่าเรื่องสินค้าในการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่จากสินค้าของเรา

เช่น ขายหมอนหนุนคอ ถ้าขายตรงๆ ก็เป็นการบอกลักษณะหมอนตัวนี้ทำมาจากวัสดุอะไร สีอะไร ราคาเท่าไหร่ก็จะดูไม่น่าสนใจ ถ้ามีคนนำเสนอแบบนี้ 100 ร้าน ก็ไม่รู้ว่าจะซื้อของเราหรือเปล่า ลูกค้าจะเลือกร้านขายถูกที่สุด แต่ถ้าเลือกเล่าเรื่องสรรพคุณของสินค้าในการขาย คือ เหลือเชื่อมาก!! อุบัติเหตุรถพลิกคว่ำที่เป็นข่าวดัง คนขับปลอดภัย คนที่นั่งมาด้วยตัวลอยออกไปนอกรถ แต่ไม่เป็นไร เพราะสวมหมอนรองคออย่างกระชับ ทำให้ผู้หญิงท่านนี้ปลอดภัยอย่างน่าประหลาดใจ อยากรู้เหลือเกินว่า…หมอนรองคอยี่ห้ออะไร? ทำให้ลูกค้ารู้สึกน่าสนใจและได้รับรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ

3. มีความจริงใจให้กับลูกค้า

เทรนด์เขียนคอนเทนต์

คนขายของออนไลน์จะต้องแสดงความจริงใจต่อลูกค้า เพราะจะทำให้ลูกค้าเชื่อใจและไว้วางใจที่จะซื้อของจากร้านเรา อีกทั้งลูกค้าจะรู้สึกได้ว่าเราเป็นมิตรกับพวกเขา อย่างเช่นกรณีคอนเทนต์ที่ไม่จริงใจต่อลูกค้า คือ ทางร้านมีสิทธิเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโปรโมชั่นทุกๆ เมื่อ โดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ เพียงแค่ได้ยินแบบนี้ก็ทำให้ลูกค้าไม่อยากซื้อของกับร้านเราแล้ว ถือว่าตรงเกินไปแม้ว่าจะเป็นการเซฟธุรกิจของเรา แต่ในมุมมองของลูกค้ามองว่าร้านเราไม่มีความจริงใจ

4. ใส่ใจรายละเอียดทุกๆ คำพูด

เทรนด์เขียนคอนเทนต์

การพูดคุยกับลูกค้า เช่น คำว่า “ค่ะ” กับ “ค้า” ลูกค้าจะชอบ “ค้ายาวๆ” เพราะรู้สึกร้านใส่ใจในตัวเขา รู้สึกเป็นกันเอง ดังนั้น เราต้องใส่ใจในทุกๆ การเขียน และทุกๆ คำพูดที่เราสื่อสารออกไป หากลูกค้ารู้สึกไม่ดีอาจไปซื้อของร้านอื่นก็ได้

5. เขียนกระตุ้นอารมณ์ลูกค้า

ปัจจุบันลูกค้าตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์รองรับเสมอ ถ้าเราเชื่อมโยงสินค้าให้เข้ากับลูกค้าได้ ก็ย่อมมีโอกาสขายของได้มากขึ้น ซึ่งอารมณ์ที่ควรนำเสนอในคอนเทนต์ ก็คือ ความสุข ความกลัว ความตกใจ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงสาป เพราะรู้สึกดีและมีความสุขที่บ้านของตัวเองจะไม่มีแมลงสาป ด้วยผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงสาปยี่ห้อนี้ ทุกอย่างต้องขายด้วยอารมณ์และมีเหตุผลมารองรับเสมอ การขายต้องเข้าถึงอารมณ์ของลูกค้าได้ จะทำให้ลูกค้าอยากซื้อจากเรา

6. เจาะความเป็นตัวตนของลูกค้า

นำเสนอคอนเทนต์ตรงใจลูกค้า นำเสนอตรงความต้องการของลูกค้า เช่น นี่คือยากำจัดแมลงสาปสำหรับคนที่มีลูกเล็กในบ้าน หรือคนที่อยู่คอนโด ไร้กลิ่นรบกวน ต้องเจาะจงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสื่อสาร อย่าเหมารวมลูกค้าทุกๆ กลุ่ม

7. สื่อสารตรงประเด็น เข้าใจง่าย

เทรนด์เขียนคอนเทนต์

ภาพจาก www.facebook.com/writeyangyang

ทั้ง 6 ข้อข้างต้นหากสื่อสารไม่ตรงประเด็น เข้าใจยาก ลูกค้าอาจจะเลื่อนผ่าน ไปหาร้านที่สื่อสารคอนเทนต์ตรงประเด็น ดูหรืออ่านเข้าใจได้ทันที เราต้องโฟกัสในส่วนเนื้อหาให้ดี รู้วิธีการเขียน Copy ที่ดี รู้วิธีการเขียนกระตุ้นลูกค้า รู้การใช้คำ

นั่นคือ เทคนิคการเขียนคอนเทนต์ให้ขายได้ ขายดี หรือ Copy Writing ในปี 2023 หากทำได้ลูกค้าเปลี่ยนจากความสนใจมาเป็นควักเงินจากกระเป๋า แล้วซื้อสินค้าของคุณนั่นเอง ที่สำคัญนำเสนอให้แตกต่าง ขยี้ให้โดดเด่น ลูกค้าจะมาหาคุณเอง

ติดตามอัพเดทการเขียนคอนเทนต์ต่างๆ https://www.facebook.com/writeyangyang

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช