รวมสุดยอดเทคนิคขายสินค้าได้ ไม่ใช่เพียงขายสินค้าเป็น

คนที่จะขายสินค้าให้ลูกค้าสิ่งที่ควรรู้ไม่ใช่แค่เรื่องราคา คุณภาพสินค้าหรือว่าโปรโมชั่น เทคนิคการขายที่ดีต้องรู้ลึกลงไปในความต้องการ ต้องรู้จักใช้จิตวิทยา ต้องรู้จักสังเกตพฤติกรรมลูกค้า แน่นอนว่านักขายที่มีประสบการณ์ย่อมได้เปรียบในเรื่องเหล่านี้

และเพื่อให้คนที่สนใจได้ฝึกวิธีขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น www.ThaiSMEsCenter.com ได้รวบรวมสุดยอดเทคนิคการขายที่เราควรต้องเรียนรู้และนำเอาวิธีเหล่านี้มาใช้กับขายสินค้าและบริการ ที่รับรองว่าจะเพิ่มยอดขายได้มากกว่าเดิมแน่

1.การขายที่ดีต้องเป็นผู้ฟังที่ดีก่อน

เทคนิคขายสินค้าได้

การขายที่ดีไม่ใช่แค่พูดเก่งแต่ต้องรู้จักฟังลูกค้าด้วย การรับฟังปัญหาจากลูกค้า คำแนะนำติชมต่างๆ อาจเป็นเคล็ดลับเบื้องต้นที่จะทำให้ลูกค้าเปิดใจอยากคุยกับเราผู้ขายได้มากขึ้น การสนทนาที่ได้รับอาจจะเป็นฝ่ายชวนคุย อัปเดตเรื่องราว เทรนด์ทั่วไป ก็เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีได้ การรับฟังจะทำให้ลูกค้าสบายใจ มีความไว้วางใจ และมีโอกาสที่จะตอบสนองการขายของเราได้มากขึ้น

2.ติดตามการขายอย่างสม่ำเสมอ

19

การติดตามลูกค้า คอยติดต่อ ไม่ขาดการติดต่อกับลูกค้า รวมถึงการเป็นผู้ Support ที่ดี คอยสนับสนุนลูกค้าอยู่เสมอนั้น ย่อมสร้างความประทับใจที่ดีได้ การขายในปัจจุบันนอกจากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเพื่อส่งเสริมในการทำงานขายทางธุรกิจแล้ว สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุดก็คือ การที่ได้รับการสนับสนุนซึ่งกันและกันอยู่เสมอ แม้ในบางครั้งอาจขายสินค้าได้บ้างไม่ได้บ้างแต่การติดตามมีผลทางความรู้สึกที่ลูกค้าจะไม่ทิ้งเราและเมื่อมีความต้องการสินค้าจะนึกถึงเราอันดับแรก

3.ถ้าเจอลูกค้าใหม่ ต้องให้สินค้าที่ “ไม่อยากปฏิเสธ”

17

การนำเสนอขายให้กับลูกค้าใหม่เป็นสิ่งที่ยากมาก โอกาสถูกปฏิเสธมีมากกว่า “ขายได้” วิธีที่ดีที่สุดที่จะลดโอกาสปฏิเสธของลูกค้าใหม่คือต้องเสนอสินค้าที่ “ไม่อยากปฏิเสธ” เช่นเป็นสินค้า Limited Edition หายาก หมดแล้ว หมดเลย ,สินค้าขายดีฮอตฮิต จนแทบขาดตลาดแต่ว่าเรามี หรือเป็นสินค้าแบบใหม่ล่าสุดที่จะขายให้ลูกค้าคนแรก เป็นต้น และปัญหาที่ต้องเจออีกอย่างคือลูกค้าใหม่ที่ว่าอาจไม่ตัดสินใจซื้อทันทีเพราะต้องการเทียบข้อมูลของเรากับที่อื่นก่อน แต่แม้จะขายไม่ได้ทันทีก็อย่าลืมสร้าง First Impression ให้ลูกค้าประทับใจเพื่อโอกาสกลับมาซื้อในอนาคต

4.เพิ่มสิทธิพิเศษให้ลูกค้าเก่าซื้อมากขึ้นแต่จ่ายน้อยลง

12

ลูกค้าประจำคือสิ่งที่คนขายต้องการมากที่สุด เพราะคนกลุ่มนี้จะซื้อสินค้าเราอยู่ตลอดเวลา กลับมาใช้บริการอยู่เสมอมีกลยุทธ์ทางการตลาดหลายอย่างที่นำมาใช้ เช่นการสะสมแต้ม หรือการเสนอจำนวนสินค้าที่มากขึ้นไปกว่าที่ลูกค้าเคยซื้ออยู่ แต่ปรับลดราคาให้ถูกกว่าเดิมเป็นพิเศษ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเก่าซื้อมากขึ้น รายรับเราก็มากขึ้น ถึงแม้ส่วนต่างกำไรจะน้อยลง แต่มันก็ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญวิธีนี้ยังช่วยให้ลูกค้าเก่าอยากกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นมากไปอีก เพราะรู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าใคร และได้รับการดูแลที่แตกต่างไปจากคนอื่น

5.ใช้ลูกค้าเก่า ชี้เป้าลูกค้าใหม่

16

ลูกค้าเก่าแนะนำลูกค้าใหม่หรือ Member Get Member เป็นหนึ่งวิธีที่ถูกนำมาใช้บ่อย เพราะไม่ต้องลงทุนมากและไม่ต้องสื่อสารให้ยุ่งยาก เพราะลูกค้าเก่าของเราจะเป็นกระบอกเสียงที่ดีในการแนะนำลูกค้า ลูกค้าเก่าสามารถให้ข้อมูลในฐานะผู้มีประสบการณ์กับผลิตภัณฑ์ของเราได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็มาจากคนรอบข้าง การจะให้คนรอบข้างชวนซื้อสินค้าก็ดูจะเป็นเรื่องที่น่ารับฟังมากกว่าการรับข้อมูลจากคนที่เป็นเจ้าของแบรนด์โดยตรง

6.กระตุ้นความให้ลูกค้า “อยากซื้อทันที”

13

บางครั้งการขายเราพูดข้อมูลที่ควรพูดไปหมดแล้ว ลูกค้าเองก็เข้าใจว่าสินค้าเหล่านี้ดี และน่าสนใจ แต่ที่ปิดการขายไม่ได้เพราะเรายังขาดการ “กระตุ้น” ซึ่งเทคนิคการขายระดับโลกมีกลยุทธ์ที่เรียกว่า “สร้างความเร่งด่วน” (Creating urgency) หรือการพูดให้ลูกค้าเห็นชัดเจนไปเลยว่าหากตัดสินใจซื้อตอนนี้จะดีกว่าการตัดสินใจซื้อในภายหลังอย่างไร

7.เทคนิค “เสนอเล็กแต่ขายใหญ่”

15

ปัจจุบันธุรกิจต่างมีคู่แข่งมาก การตัดสินใจของลูกค้าย่อมต้องการเวลาตัดสินใจมากขึ้น ดังนั้นสิ่งจูงใจที่ดีที่สุดการให้ลูกค้าทดลองใช้สินค้าและบริการด้วยตัวเอง เพราะประสบการณ์ตรงจะทำให้ลูกค้าเข้าใจเข้าถึงสินค้านั้นได้ดีมากกว่าการนำเสนอใดๆ เมื่อได้รับรู้ด้วยตัวเองจุดเด่นต่างๆ ที่เราเคยนำเสนอไว้ มันจะยิ่งชัดเจนในใจลูกค้ามากขึ้นพอถึงจุดนี้ ก็ได้เวลาปิดการขาย โดยการยื่นข้อเสนอใหญ่ที่เตรียมไว้ ทำให้ลูกค้าปฏิเสธข้อเสนอได้ยาก เพราะ ในทางจิตวิทยาลูกค้ารู้สึกว่าดี รู้สึกว่าอยากได้จากการทดลองใช้ที่ผ่านมา อาจติดแค่รายละเอียดเล็กน้อย เช่นราคา หรือต้องการได้สิ่งตอบแทนต่างๆที่คุ้มค่าที่สุด

8.เทคนิคการขายแบบ Pre-qualified

14

Pre-qualified หมายถึงการกลั่นกรองลูกค้าคือ การหาลูกค้าโดย การรวบรวมข้อมูลจาก สมุดรายชื่อต่างๆ งานแสดงสินค้า สะสมฐานลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ และอื่นๆ เพื่อนำมาพิจารณา วิเคราะห์ข้อมูล หารายชื่อผู้ที่ “น่าจะสนใจ” ในตัวสินค้า และมีโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะซื้อสินค้า จากนั้นก็ดำเนินการในส่วนขั้นตอนเพื่อปิดการขาย โดยวิธี ติดต่อทางโทรศัพท์ จดหมาย อีเมล หรือ ทักไปทางอินบ๊อกซ์ แชท หรือ ไลน์ เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้น และ นัดพบเจอลูกค้าในโอกาสต่อๆไป

9.เทคนิคการขายเพิ่ม (Upsell)

11

ในบางกรณีเมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของแล้ว นั่นหมายความลูกค้ามีความเชื่อมั่นในในระดับนึงเพราะฉะนั้นการที่จะขายสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าเพิ่มนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้และควรทำ เช่นการขายคอร์สเรียนออนไลน์ที่ลูกค้าต้องการราคาระดับนี้ แต่ถ้าเราเสนอคอร์สที่ราคาสูงกว่า โดยบอกสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับว่ามีความพิเศษเพียงใด คุ้มค่าแค่ไหนกับการเพิ่มเงินอีกเพียงเล็กน้อย ซึ่งในใจของลูกค้าถ้ารู้สึกว่าคุ้มค่าและมีความประทับใจอยู่แล้วในเบื้องต้นโอกาสปิดการขายก็ง่ายขึ้นมาก

10.การขายแบบ “รู้สัญญาณการซื้อ”

10

ความแตกต่างของนักขายมืออาชีพคือการสังเกตพฤติกรรมลูกค้าและรู้สึกถึง “สัญญาณการซื้อ” อันได้แก่การยิ้มที่แสดงถึงการยอมรับ, พยักหน้าตอบรับ อยู่เป็นระยะ, แสดงอาการผ่อนคลาย, มีการเตรียมสิ่งบางสิ่งติดมาด้วยเหมือนพร้อมที่จะซื้อในคราวนี้ เช่น เงินสด บัตรเครดิต เมื่อเห็นสัญญาณการชื้อเกิดขึ้น เราก็สามารถทำการปิดการขายได้ ในจังหวะนั้น ซึ่งเป็นจังหวะที่ลูกค้ามีความพร้อมที่สุดในการตัดสินใจซื้อ เพราะหากปล่อยเวลาให้ช้าไป ระดับความพร้อมในการซื้อก็อาจลดลงตามไปด้วยซ้ำ หากปิดการขายเร็วไป ก่อนเห็นสัญญาณซื้อ นั่นก็อาจทำให้น้ำหนักในการขายลดความเชื่อมั่นลดลงไปด้วยเช่นกัน

การเป็นนักขายที่ดีนอกจากเรียนรู้ทฤษฏีต่างๆ สิ่งสำคัญคือการฝึกฝน โดยเฉพาะการพูดให้ดูน่าสนใจ ควรฝึกใช้น้ำหนักเสียงให้เหมาะสม ฝึกสังเกตพฤติกรรมลูกค้า และยุคนี้เราควรใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาร่วมด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถปิดการขายได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3LmXEHJ

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด