5 เหตุผลเลือกเป็นพ่อค้าแม่ค้าดีกว่าทำงานประจำ

ในแต่ละปีมี ผู้จบการศึกษา ระดับปริญญาตรีเฉลี่ยปีละ 300,000 คน แต่ตำแหน่งงานทั่วประเทศกลับมีอยู่ประมาณ 180,180 อัตรา นั่นเท่ากับว่าคนอีกกว่า 120,000 คนมีความเสี่ยงที่จะต้องตกงานสูงมาก

ปัญหาสำคัญของการหางานไม่ได้หลังจากเรียนจบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้เรียนเองไม่ได้เลือกเรียนตามสายที่ตลาดแรงงานต้องการ หรือบางทีก็เลือกเรียนตามเพื่อน หรือเรียนให้จบๆ ไป

และอีกเหตุผลที่คนยุคนี้อาจปฏิเสธงานเมื่อเรียนจบเพราะมองว่าค่าตอบแทนนั้นต่ำรายได้ไม่เพียงพอรายจ่าย รวมถึงหาความมั่นคงให้ตัวเองไม่ได้ หลายคนจึงเลือกเดินหน้าในการทำธุรกิจของตัวเองกลายเป็นสตาร์ทอัพหน้าใหม่

ซึ่งก็มีทั้งที่รอดและไม่รอด ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มีเหตุผลน่าสนใจอยู่หลายประการที่ทำให้คนสมัยนี้ยอมเสี่ยงที่จะเลือกทำธุรกิจตัวเองมากกว่าจะไปทำงานแบบเป็นลูกจ้างคนอื่น

1.ความคิดที่อยากเป็นอิสระ

ผู้จบการศึกษา

ระบบการศึกษาไทยได้บังคับให้เราทุกคนต้องเรียนหนังสือน้อย ๆก็จบประถมศึกษาปีที่ 6 และมีความพยายามที่จะขยายไปจนถึงระดับมัธยมตอนต้น การเรียนเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่ด้วยหลักสูตรที่บางครั้งเหมือนจะสอนให้เราท่องจำท่องตาม ขาดอิสระในทางความคิดแม้ปัจจุบันจะมีความพยายามสอนนักเรียนในลักษณะพึ่งตัวเองมากขึ้นแต่โดยรวมแล้วก็ยังเป็นการชี้นำ

ซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนในต่างประเทศ เมื่อเด็กรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในกรอบเป็นเวลานาน รวมถึงบางทีพ่อแม่ผู้ปกครองก็ยังส่งเรียนพิเศษทำให้เด็กๆขาดอิสระในการใช้ชีวิต เมื่อจบการศึกษาสิ่งแรกที่อยากทำคือปลดปล่อยตัวเองไม่อยากอยู่ในกฏเกณฑ์

นำไปสู่การทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งบางคนไม่ยอมทำธุรกิจสืบต่อจากครอบครัวเพราะรู้สึกว่าไม่ได้เป็นการสลัดตัวเองจากวังวนเดิมๆ นั้นคือเหตุผลว่าทำไมยุคนี้ถึงมีสตาร์ทอัพหน้าใหม่เกิดขึ้นเยอะมาก

2.รายได้ที่ดีกว่า

i2

ในตลาดนัดบางทีพ่อค้าแม่ค้าที่เราเห็นขายของอาจจะจบถึงขั้นปริญญาตรีมาแล้ว แต่ถามว่าทำไมถึงยังมาเป็นแม่ค้า จากที่เราเคยเดินตลาดและลองถามแม่ค้ากลุ่มนี้ดูเขาบอกว่า รายได้ดีกว่าทำงานประจำ บางครอบครัวมีลูก 2 คนจบปริญญาตรีแต่ทุกวันนี้ก็มาขายของตามตลาดนัด อาศัยขยัน อดทน และตระเวนไปตามตลาดนัดต่าง ๆ

เบ็ดเสร็จกำไรต่อวันประมาณ 1,000 บาท ขยันขายทุกวันแต่ละเดือนมีกำไรประมาณ 30,000 บาท ซึ่งดีกว่าทำงานประจำที่รายได้ขั้นต่ำสตาร์ทแค่ 15,000 บาท เต็มที่สำหรับเด็กจบใหม่ก็ไม่เกิน 20,000 บาท ที่สำคัญไม่ต้องอยู่กับโครงสร้างบริษัทที่บางครั้งทั้งเครียดและกดดันไม่สมกับเงินเดือนที่ได้รับ

3.มีโอกาสเติบโตดีกว่า

i3

การทำธุรกิจของตัวเองแม้บางทีจะเริ่มจากการเป็นพ่อค้าแม่ค้าแต่ก็ถือเป็นการฝึกฝนตัวเองให้มีประสบการณ์ยิ่งขึ้น นักธุรกิจระดับโลกหลายคนก็เริ่มจากการเป็นพ่อค้าแม่ค้ามาก่อนอย่าง Ingvar Kamprad ผู้ก่อตั้ง IKEA ก็เคยเป็นเด็กขายไม้ขีดไฟก่อนที่จะก้าวมาเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต

สิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กยุคใหม่ไม่อยากเป็นลูกจ้างใครเพราะมองว่าเสียเวลาเปล่าประโยชน์เรียนมากว่า 20 ปี ต้องมาทำงานเริ่มต้นกว่าจะสำเร็จใช้เวลาอีกเกือบ 10 ปีแต่ถ้าทำธุรกิจหากลงล็อคเหมาะจะอาจเป็นเศรษฐีได้ภายใน 3-4 ปีเท่านั้น

4.เห็นตัวอย่างคนที่สำเร็จแล้วมีแรงบันดาลใจ

i6

คำว่าแรงบันดาลใจคือสิ่งสำคัญในการผลักดันให้คนอยากเดินนอกกรอบ ในยุคที่การสื่อสารไร้พรมแดน แตกต่างจากสมัยก่อนทำให้คนยุคใหม่สามารถรับข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลก

เห็นในสิ่งที่เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ตัวเองรู้สึกว่าฉันก็ทำได้ ยิ่งการเห็นคนอายุน้อยแต่เป็นเศรษฐีร้อยล้านหรือประสบความสำเร็จด้วยการทำธุรกิจตัวเอง ก็ไม่น่าแปลกใจที่ต้องคิดว่า “ถ้าคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้”

ซึ่งก็แน่นอนว่าในบรรดาคนเหล่านี้ย่อมมีทั้งที่ประสบความสำเร็จได้ตามที่ใจคิดกับพวกที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า หลายคนต้องหันเหไปทำงานประจำ แต่อย่างไรก็ดีกรณีศึกษาจากคนประสบความสำเร็จคือประกายไฟอย่างดีที่ทำให้หลายคนกล้าลุกขึ้นสู้ตามแบบฉบับตัวเองมากขึ้น

5.เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้กล้าตัดสินใจลงทุนง่ายขึ้น

i5

สมัยก่อนอินเตอร์เน็ตยังไม่เฟื่องฟู การทำธุรกิจก็เป็นการตลาดที่จำกัดวงแคบมีรูปแบบอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ปัจจุบันแม้แต่เด็กประถมก็ยังเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์ได้ นั้นแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ช่วยให้การตลาดเปิดกว้างมากขึ้น คนที่กล้าออกมาลงทุน

ทั้งเป็นธุรกิจส่วนตัวหรือเป็นพ่อค้าแม่ค้าเพราะเชื่อมั่นว่าการตลาดที่ใช้เทคโนโลยีจะช่วยทำให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น รวมถึงต้นทุนที่เกือบจะเป็นศูนย์ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับไอเดียการทำธุรกิจ วิธีบริหารจัดการ ซึ่งหากทุกอย่างผสมผสานได้ดี เครื่องมือการตลาดที่ดีในยุคนี้จะช่วยเร่งให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จเร็วขึ้น

แต่ทั้งนี้พูดนั้นง่ายกว่าลงมือทำ คนที่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าหรือว่านักธุรกิจก็ใช่ว่านึกจะประสบความสำเร็จแล้วก็ได้ดั่งใจหวัง เส้นทางของการทำธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

โลกของการทำธุรกิจไม่ได้สวยงามราวกับทุ่งลาเวนเดอร์ หากเรายอมรับในจุดนี้และมีวิธีบริหารจัดการที่แก้ไขปัญหาต่างๆได้ รวมกับความมุ่งมั่น อดทน ตั้งใจจริง ไม่ว่าจะใช้ชีวิตแบบพนักงานประจำหรือจะทำธุรกิจตัวเองคุณก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น


SMEs Tips

  1. ความคิดที่อยากเป็นอิสระ
  2. รายได้ที่ดีกว่า
  3. มีโอกาสเติบโตดีกว่า
  4. เห็นตัวอย่างคนที่สำเร็จแล้วมีแรงบันดาลใจ
  5. เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้กล้าตัดสินใจลงทุนง่ายขึ้น

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด