eKYC ทางเลือกที่ดีกว่าในการเซ็นเอกสารออนไลน์

เมื่อพูดถึงงานเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลงลายเซ็น โดยเฉพาะกับงานบัญชีต่าง ๆ ที่ใช้เอกสารจำนวนมาก และต้องนั่งเซ็นเอกสารอยู่ทุกครั้ง รวมไปถึงการส่งเอกสารผ่าน Messenger หรือส่งเอกสารไปที่บ้าน ก็ทำให้เอกสารล่าช้า หรืออาจจะสูญหายได้

หากจะนำเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยจัดการกับเอกสารต่าง ๆ โดยเฉพาะกับเอกสารที่ต้องลงลายเซ็น ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคล จำเป็นมากที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย

ผมได้เปิด Creden.co เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่เปิดระบบยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (eKYC – Electronic Know Your Customer) และประเมินลูกค้าทางออนไลน์ (Online Credit Scoring) ซึ่งระบบได้เปิดให้คนสามารถนำเอกสารใส่เข้าระบบและสามารถกำหนดบริเวณที่ต้องการให้อีกฝ่ายลงลายเซ็น หรือใส่ข้อมูล

eKYC

จากนั้นก็ส่งเอกสารผ่าน Email หรือ Copy link นั้นส่งไปหาผู้รับในช่องทางอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน ด้านผู้รับเองก็สามารถเปิดเอกสารผ่าน Smart Phone หรือ iPad และสามารถลงลายเซ็นได้ทันที

แต่ก่อนการใช้งานระบบ ผู้ลงลายเซ็นจะต้องทำการยืนยันตัวตนก่อน โดยจะต้องถ่ายภาพบัตรประชาชน ภาพตนเอง และถ่ายวิดีโอ โดยผู้ใช้จะต้องทำตามหรือพูด Keyword ที่แสดงในขณะนั้น เช่น ให้กระพริบตา หรือให้พูดตามคำบอก

เมื่อเซ็นเอกสารแล้วมีผลต่อกฎหมายหรือไม่?

h3

ระบบของ Creden.co ถูกเชื่อมต่อกับ ETDA สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) เพื่อทำการยืนยันว่าเอกสารถูกเซ็นเมื่อใดและไม่มีการแก้ไขเกิดขึ้น ซึ่งศาลปกครอง ภาครัฐ หรือราชการต่างๆ ก็ใช้อยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราเป็นเอกชนรายแรกที่เข้ามาเชื่อมต่อระบบตัวนี้

และความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งในระบบของ Creden.co คือ เอกสารจะถูกนำไปเก็บใน Blockchain เพื่อยืนยันว่าเอกสารนี้จะไม่มีการถูกแก้ไขได้เหมือนกัน

ทำไมต้องระบบ Blockchain?

h4

Blockchain เป็นระบบที่จะนำข้อมูลเอกสารต่างๆ จัดเก็บในคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง และ Sync ข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์อีกกว่าร้อยเครื่องทั่วโลก ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ Blockchain จะถูกแฮคโดยคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว จะต้องแฮคคอมพิวเตอร์กว่าร้อยเครื่องทั่วโลกพร้อมๆ กัน

ตอนนี้ Creden.co เป็นบริการ Freemium เปิดให้ใช้บริการได้ฟรีถึงเดือน กุมภาพันธ์ 2562 หลังจากนั้น จะเปิดให้ธุรกิจขนาดเล็ก ที่ใช้งานเอกสารไม่มากนักใช้บริการฟรี แต่สำหรับธุรกิจใหญ่ มีการใช้งานเอกสารจำนวนมากก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

มองกันตามจริง เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายค่าบริการส่วนนี้กับการจ้าง Messenger และเวลาที่ต้องสูญเสียไปนั้น มันคุ้มค่าไม่น้อย เพราะนอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว ยังทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูไฮเทคขึ้นมาอีกด้วย

 

เขียนโดย : คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต