Cloud Kitchen 2021 ทางเลือก ทางรอด…ธุรกิจร้านอาหาร!
นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เชื่อว่าหลายๆ คนคงได้ยินคำว่า “Cloud Kitchen” มาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นโมเดลธุรกิจร้านอาหารที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ เพราะธุรกิจร้านอาหารต้องปรับตัวและพัฒนาอยู่ตลอด
เพื่อความอยู่รอดหลังได้รับผลกระทบจากวิกฤต โดยในปัจจุบันโมเดลของร้านอาหารมีมากมายหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่ไม่ต้องใช้หน้าร้านอย่าง Cloud Kitchen หรือ Ghost Kitchen ถือเป็นทางเลือกอีกทางในปัจจุบัน
“Cloud kitchen” คืออะไร มีจุดเด่นอย่างไร เหมาะกับร้านอาหารแบบไหน วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอให้ทราบกัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารในยุคโควิด-19
Cloud Kitchen คืออะไร
ภาพจาก bit.ly/3v8kKcF
“Cloud kitchen” ก็คือ “ครัวที่ใช้ร่วมกัน” เป็นโมเดลร้านอาหารในรูปแบบที่ไม่มีหน้าร้าน มีแค่ครัวสำหรับทำอาหารส่งทางเดลิเวอรี่เท่านั้น หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็น Ghost kitchen ในแบบที่มีความร่วมมือทางธุรกิจมากขึ้น จากมีการใช้ “ครัวกลาง” ซึ่งเป็นการเช่าพื้นที่ทำครัวและอุปกรณ์ต่างๆ แชร์ร่วมกับร้านอาหารแบรนด์อื่นๆ ด้วย
โดยที่แบรนด์ร้านอาหารนั้นไม่จำเป็นจะต้องเปิดสาขาใหม่ เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการ แต่สิ่งที่ต้องทำก็คือการส่งพ่อครัวไปยัง Cloud Kitchen เท่านั้น โดย Cloud Kitchen จะมีอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ สำหรับทำอาหารอย่างครบครัน
นับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดมาตั้งแต่ต้นปี 2563 Cloud Kitchen ได้กลายมาเป็นเทรนด์หรือโมเดลธุรกิจร้านอาหารที่ถูกพูดถึงกันมากในวงการธุรกิจร้านอาหารและเดลิเวอรี่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้ Cloud Kitchen ได้รับความนิยมในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย สหรัฐฯ และประเทศต่างๆ ในฝั่งยุโรป
ภาพจาก bit.ly/30tAKb7
สำหรับในเมืองไทยนั้น Cloud Kitchen มีการพูดถึงกันมาก จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หลีกเลี่ยงการทานข้าวนอกบ้าน ประกอบกับร้านอาหารต่างๆ ถูกปิดชั่วคราวในช่วงโควิด-19 ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องปรับแผนธุรกิจ ที่จากเดิมเป็นร้านนั่งรับประทานในร้าน กลายเป็นร้านอาหารที่ให้บริการเดลิเวอรี่ ทำให้โมเดล Cloud Kitchen กลับมานิยมอีกครั้ง
โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นสั่งอาหารออนไลน์ที่รวบรวมร้านอาหารไว้ในที่เดียว ต่างให้ความสนใจธุรกิจร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้าน เช่น Grab Kitchen สาขาแรกที่สามย่าน ได้นำแบรนด์ร้านอาหารที่อยู่นอกพื้นที่จัดส่งมารวมตัวกันในที่เดียว ใช้พื้นที่ครัวทำอาหารร่วมกัน และคิดค่าเช่าครัวกลางจากร้านอาหารต่างๆ ที่เข้ามาใช้ครัวทำอาหารส่งเดลิเวอรี่ผ่าน Grab Food
ภาพจาก bit.ly/30wVMpn
ล่าสุดบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้ร่วมกับ LINE MAN เปิด LINE MAN Kitchen บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ตั้งอยู่ในปั๊มปตท. สาขามัยลาภ ซึ่งการเปิดให้บริการ Cloud Kitchen ทำให้ OR ได้ประโยชน์จากค่าเช่าพื้นที่
และสามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการในปั๊มน้ำมันปตท. เพื่อซื้ออาหารแบบ Take a Way มากขึ้น ส่วนทาง LINE MAN ก็ได้ประโยชน์ในการดึงร้านอาหารจำนวนมากมาไว้ในที่เดียวกัน ทำให้ผู้บริโภคในพื้นที่ใกล้เคียงมีตัวเลือกในการซื้ออาหารมากขึ้น และ LINE MAN ก็มีรายได้จากการส่งอาหารมากขึ้นเช่นกัน
จุดเด่น Cloud Kitchen
ภาพจาก bit.ly/3v8kKcF
Cloud Kitchen มีจุดเด่นตรงที่ต้นทุนส่วนของค่าเช่าพื้นที่จะลดลง ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการขยายสาขาเพิ่ม การตกแต่งร้าน ค่าจ้างพนักงาน และช่วยแก้ปัญหาทำเลเปิดร้านอาหารที่หายากมากขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วทำเลที่ดีจะมีราคาสูง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ
หรือการเช่าพื้นที่ แต่การเช่าครัวกลางแบบ Cloud Kitchen จะช่วยให้ร้านอาหารตั้งอยู่ในทำเลที่ดี สะดวกต่อการจัดส่งให้ลูกค้า โดยไม่ต้องใช้ค่าเช่าที่ในราคาแพง หรือกังวลว่าพื้นที่ร้านจะเล็กเกินไป โดยโมเดลรูปแบบนี้ยักษ์ใหญ่วงการอาหารอย่างเครือ ZEN ที่มีแบรนด์ร้านอาหารมากมาย ได้ใช้ Cloud Kitchen และช่วยลดต้นทุนได้มาก
Cloud Kitchen เหมาะกับร้านอาหารแบบไหน
ภาพจาก bit.ly/3cdrD3M
Cloud Kitchen เหมาะสำหรับการทดลองเปิดร้านอาหารใหม่ และเปิดช่วยให้ร้านอาหารสามารถขยายสาขาได้ในงบประมาณที่ไม่สูงมากนัก โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านเต็มรูปแบบ เพียงแค่ให้บริการเดลิเวอรี่ เช่าพื้นที่ครัวกลาง และจ้างพนักงานมาทำอาหารในครัวเท่านั้น ก็สามารถจัดส่งอาหารในพื้นที่ครอบคลุมมากกว่าเดิม เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โมเดลนี้ในอนาคตอาจจะเป็นรูปแบบใหม่ของการซื้อขายแฟรนไชส์ร้านอาหารก็อาจเป็นได้
Cloud Kitchen ยังสามารถใช้ทดลองตลาด ก่อนที่จะเปิดร้านในทำเลใหม่ๆ เพื่อสำรวจและวิเคราะห์ลูกค้า จะได้รู้ว่าหากเปิดร้าจริงๆ แล้วจะคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ก่อนจะเปิดร้านสาขาในพื้นที่นั้นๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้
ภาพจาก bit.ly/3eqkEag
Cloud Kitchen ยังช่วยให้ร้านอาหารหลายๆ ร้านมารวมกันในครัวเดียวกัน แชร์อุปกรณ์การทำอาหารร่วมกัน สร้างจุดขายและดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าเปิดร้านเดียว ลูกค้าสามารถสั่งอาหารได้หลายเมนูจากร้านต่างๆ ในครั้งเดียว เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วจากการใช้บริการเดลิเวอรี่อีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลทำไม Cloud Kitchen มีการพูดถึงกันมากในปัจจุบัน
รูปแบบ Cloud Kitchen
ภาพจาก bit.ly/2OcHXtN
1.Stand-alone Cloud Kitchen
รูปแบบ 1 ร้าน 1 ครัว ไม่มีหน้าร้าน ให้ลูกค้าสั่งอาหารผ่านแอปเดลิเวอรี่ รูปแบบนี้เหมาะสำหรับร้านอาหารขนาดเล็กที่มีสาขาอยู่แล้ว อาจไปเช่าตึกแถว อาคาร แล้วทำให้ข้างล่างเป็น Cloud Kitchen ข้างบนเป็นห้องพักของพนักงาน ส่วนใหญ่เจ้าของร้านอาหารจะเป็นผู้บริหารจัดการเองทั้งหมด และสามารถเข้าร่วมกับแอปเดลิเวอรี่ไหนก็ได้
2.Multi-Brand Cloud Kitchen
รูปแบบ Cloud Kitchen ครัวเดียว แต่สร้างร้านอาหารหลายๆ แบรนด์ขึ้นเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม แต่ต้นทุนเท่าเดิม เช่น หากเปิดร้านอาหารตามสั่ง มี 1 ครัว ใช้วัตถุดิบ หมู ไก่ เนื้อ ก็สามารถเปิดขายลาบ ปิ้ง ย่าง ร่วมด้วย แทนที่จะไปสร้าง Cloud Kitchen ที่อื่น โดยใช้ครัวเดียวกัน พนักงานชุดเดิม แต่ต้องแยกวัตถุดิบไว้คนละตู้ เพิ่มความหลากหลายในเมนูให้ลูกค้า
ภาพจาก Shared Kitchens. Source: Forbes Thailand.
3.Shared Cloud Kitchen
รูปแบบร้านอาหารหลายๆ แบรนด์มาใช้ครัวกลางร่วมกัน โดยมีคนกลางหรือเจ้าของพื้นที่เป็นผู้บริหารจัดการทั้งหมด เปิดให้ร้านอาหารหลายๆ แบรนด์มาเช่าพื้นที่ทำ Cloud Kitchen โดยเสียค่าเช่า และค่า GP แอปเดลิเวอรี่ ข้อดีคือ ลงทุนน้อย ไม่ต้องทำการตลาด เพราะเจ้าของพื้นที่เป็นผู้จัดการให้ เพียงแค่นำอุปกรณ์และวัตถุดิบเข้ามาประกอบอาหารได้เลย
4.Virtual Restaurant
รูปแบบ 1 ร้าน 1 ครัว พนักงานชุดเดิม แต่ใช้วัตถุดิบร่วมกัน เช่น เปิดร้านขายซูชิ วัตถุดิบที่ใช้มี กุ้ง หมู เนื้อ อยู่มาวันหนึ่งอยากขายข้าวแกงบ้าง แทนที่จะไปเปิด Cloud Kitchen ที่อื่น ก็สร้างแบรนด์ใหม่ ทำแพ็กเกจจิ้งใหม่ ก็ใช้วัตถุดิบ กุ้ง เนื้อ หมู ที่มีในร้านทำข้างแกงขายได้ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เหมาะกับร้านอาหารที่ต้องการสำรวจตลาด
ภาพจาก www.yummykitchen.com/
5.Hybrid Cloud Kitchen
รูปแบบลูกผสม มีหน้าร้าน แต่ให้ลูกค้าซื้อกลับบ้านอย่างเดียว โดยทำ Cloud Kitchen ในร้าน ลูกค้าสามารถเดินเข้ามาสั่งอาหารในร้านแล้วหิ้วกลับไปทานบ้าน เหมาะสำหรับร้านอาหารที่เช่าพื้นที่ตึกแถว แหล่งชุมชน โดยลูกค้าที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นจะได้เห็นร้านที่ตกแต่งสวยงาม แล้วเดินเข้ามาสั่ง นั่งรอ รับอาหารแล้วหิ้วกลับบ้าน เช่น ร้านพิซซ่า เป็นต้น
6.Delivery App Owned Cloud Kitchen
เจ้าของพื้นที่เป็นแอปเดลิเวอรี่ เช่น Grab และ Line Man โดยแอปเดลิเวอรี่เหล่านี้จะเป็นผู้ชวนร้านอาหารต่างๆ เข้ามาร่วม Cloud Kitchen แอปฯ เหล่านี้มีหน้าที่ทำการตลาด จัดส่งอาหาร โดยที่ร้านอาหารไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่นำวัตถุดิบมาประกอบอาหารเท่านั้น แต่อาจไม่สามารถเข้าร่วมกับแอปเดลิเวอรี่อื่นได้ และต้องเสียค่า GP on top กับ GP ปกติเพิ่มขึ้น
ภาพจาก bit.ly/2OjYD2p
7.Outsourced Cloud Kitchen
รูปแบบจ้างคนนอกมาบริหารจัดการทุกอย่างแทน ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ทำหน้าที่หมักเนื้อ หมักหมูให้ หรือจ้างร้านอาหารอื่นๆ ทำวัตถุดิบพร้อมปรุงให้ โดยร้านอาหารเพียงแค่นำมาประกอบอาหารแล้วส่งเดลิเวอรี่ ข้อดีคือ ทำให้ต้นทุนการบริหารจัดการต่ำลง ลดการสูญเสียวัตถุดิบ แต่ข้อเสียทำให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ยกตัวอย่าง ต้นทุนอาหารทำเอง 1 จาน อยู่ที่ 30 บาท แต่ขาย 90 บาท หากจ้างคนนอกทำ Cloud Kitchen จะทำให้ต้นทุนของวัตถุดิบเพิ่ม 45 บาท หรือ 50 บาท หากขาย 90 บาทราคาเดิม กำไรจะต่ำลง แต่ถ้าทำการตลาดเป็น ก็สามารถยกระดับราคาขายเพิ่มเป็น 120 บาทได้
แหล่งข้อมูลจาก https://bit.ly/30wN5LF
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก https://bit.ly/38yAtIh
8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์
1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์
- กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
- ชื่อกิจการ (Brand)
- การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
- การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
- การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
- การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
- การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
- การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
- การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์
2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ
- ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
- ระบบการเงิน การบัญชี
- งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
- รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
- ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
- กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ
3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์
- ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
- แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
- สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
- เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
- มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
- มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
- ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
- แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี
4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์
- กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
- การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
- สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
- การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
- เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ
5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายแฟรนไชส์
- ระบบการเงิน
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
- การจดทะเบียนแฟรนไชส์
- เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
- ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
- การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
- แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
- การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
- การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า
6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น
7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
- พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
- ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
- การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
- เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
- จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์
- การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
- กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
- กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
- การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
- การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
- กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
- กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)