Boost Juice Bars vs Squeeze by Tipco

หากพูดถึงร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดฮิตในเมืองไทยตอนนี้ คงต้องมี 2 แบรนด์นี้นั่นคือ Boost Juice Bars และ SQUEEZE by Tipco ร้านน้ำเพื่อสุขภาพและสมูทตี้ผลไม้ โดย Boost Juice Bars เป็นแบรนด์สัญชาติออสเตรเลีย ส่วนSQUEEZE by Tipco เป็นแบรนด์สัญชาติไทย เรื่องราวและจุดเด่นของทั้ง 2 แบรนด์สมูทตี้ผลไม้มีความน่าสนใจอย่างไร

วันนี้ www.ThaiSMESCenter.com มีข้อมูลมานำเสนอให้ทราบ

Boost Juice Bars


Boost Juice Bars เกิดขึ้นจากแนวความคิดของผู้หญิงชาวออสเตรเลียที่ชื่อ Janine Allis โดยในช่วงปี 1999 เธอมีโอกาสเดินทางไปสหรัฐอเมริกาได้เห็นผู้คนชอบน้ำผลไม้และสมูทตี้เพื่อสุขภาพ ขณะที่ในประเทศออสเตรเลียของเธอมีแต่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะมีทั้งบริการน้ำหวานและน้ำอัดลม เธอจึงตัดสินใจเปิดร้าน Boost Juice Bars แห่งแรกเมืองแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลียในปี 2000 หลังจากนั้นทำการขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบแฟรนไชส์

เรื่องราวของความสำเร็จร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ Boost Juice Bars ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร ประมาณ 4 ปี ที่ Janine Allis ได้เริ่มธุรกิจก่อนจะขยายแบรนด์ไปทั่วโลกด้วยการเปิดแฟรนไชส์ที่มีมากกว่า 600 สาขา 15 ประเทศ โดยโมเดลธุรกิจของ Boost Juice Bars จะเน้นเป็นแบบการขายแฟรนไชส์ ทำให้มีการขยายสาขาได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด นอกจากนี้ยังเป็นแบรนด์น้ำปั่นและน้ำผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ ติด Top 5 ของโลกอีกด้วย


Boost Juice Bars มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นกว่าร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทั่วไป คือ มีเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากมาย อาทิ น้ำแอปเปิ้ล, น้ำส้ม, น้ำสตอเบอร์รี่ ฯลฯ รวมถึงเมนูสมูทตี้ผลไม้ต่างๆ เช่น All Berry Bang, Strawberry Squeeze, Banana Buzz ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีเมนู Frozen Yoghurt เป็นโยเกิร์ตไขมันต่ำ พร้อมท๊อปปิ้งเป็นผลไม้สดต่างๆ ไว้พร้อมเสิร์ฟบริการลูกค้าที่ต้องการความสดชื่นด้วยเมนูรักสุขภาพที่หลากหลาย

ความน่าสนใจของตัวสินค้าที่เป็นน้ำผลไม้ปั่น ก็คือ ความหลากหลายของเมนูที่ทำให้ไม่รู้สึกน่าเบื่อหรือจำเจ พร้อมกับความเข้าใจว่าความหมายของ “สุขภาพ” แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เลยสะท้อนออกมาเป็นเครื่องดื่มในร้านที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น เครื่องดื่มที่ผสมโปรตีน สำหรับคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ หรือการผสมกับช็อกโกแลตเอาใจคนรักโกโก้

สำหรับในประเทศไทยนั้น Boost Juice Bars เข้ามาเปิดสาขาแรกที่ห้างสยามพารากอน เดือนพฤศจิกายน ปี 2564 หลังจากนั้นมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ปัจจุบันมีจำนวน 26 สาขา

Boost Juice Bars ไม่ขายแฟรนไชส์

แม้ว่า Boost Juice Bars จะดำเนินธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ และมีการขยายสาขาไปในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย แต่รูปแบบธุรกิจเป็นการให้สิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ หรือตัวแทนในแต่ละประเทศ รับหน้าที่บริหารจัดการธุรกิจเพียงผู้เดียว ไม่ได้ขายสิทธิแฟรนไชส์ให้กับนักลงทุนและประชาชนทั่วๆ ไป ในประเทศไทย Boost Juice Bars มีจำนวนสาขา 26 สาขา บริหารจัดการธุรกิจโดยมาสเตอร์แฟรนไชส์ในประเทศมาเลเซีย และไม่ได้ขายแฟรนไชส์ให้นักลงทุนในไทยด้วยเช่นกัน


SQUEEZE by Tipco

Squeeze by Tipcoภาพจาก https://bit.ly/3njQ354

หากเอ่ยชื่อของน้ำผลไม้บรรจุพร้อมดื่มตรา “ทิปโก้” หลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะน้ำสับปะรด เมื่อมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในตลาดน้ำผลไม้บรรจุพร้อมดื่ม บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์น้ำผลไม้บรรจุพร้อมดื่ม “ทิปโก้” ได้ขยายโปรดักไลน์เพิ่มจากเดิมที่มีแต่สินค้าที่ซื้อกลับไปดื่มที่บ้าน เปิดตัวร้าน “พรีเมี่ยม สมูทตี้บาร์” ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ “SQUEEZE by Tipco” ในปี 2547 เพื่อสอดรับกับกระแสคนรักสุขภาพที่กำลังมาแรง

ร้าน “Squeeze by Tipco” มีการเติบโตช้ากว่าเป้าหมายที่บริษัทฯ ได้กำหนดเอาไว้ อาจเป็นเพราะเกิดการระบาดของโควิด-19 รวมถึงตลาดเครื่องดื่มผลไม้เพื่อสุขภาพในเมืองไทยมีการแข่งขันกันสูงมาก ปัจจุบันมีการขยายสาขาไปแล้วจำนวน 24 สาขา โดยรูปแบบร้าน “Squeeze by Tipco” มีหลากหลายโมเดล ทั้งรับประทานในร้าน (Dine In) การซื้อกลับบ้าน (Take Away) การบริการจัดส่ง (Delivery) และการบริการจัดเลี้ยง (Catering)

Squeeze by Tipcoภาพจาก https://bit.ly/3n9V00m

จุดเด่นของร้าน “Squeeze by Tipco” คือ ใช้ผลไม้ตั้งแต่ 2-4 ชนิดมาปั่นรวมกัน ด้วยสูตรลับพิเศษ จนได้สมูทตี้เนื้อเนียน นุ่ม อร่อย สุขภาพดี ซึ่งรสชาติของสมูทตี้ผลไม้ระดับพรีเมียมของSqueeze by Tipco จะมีความแตกต่างจากน้ำปั่นผลไม้ทั่วไป ซึ่งร้านอื่นจะใช้น้ำผลไม้เพียง 20% เท่านั้น ที่เหลือจะเป็นน้ำเชื่อมกับน้ำแข็ง แต่สำหรับ “SQUEEZE by Tipco” จะใช้น้ำผลไม้ 60-70% ที่เหลือก็จะเป็นส่วนผสมพิเศษและน้ำแข็ง เพื่อให้ได้ออกมาเป็นสมูทตี้เข้มข้นมากขึ้น

ทางร้านยังมีการการปรับเปลี่ยนเมนูอย่างต่อเนื่อง แต่เครื่องดื่มหลักๆ ก็ยังเป็น “สมูทตี้น้ำผลไม้” มีเมนูให้เลือกกว่า 24 เมนู อาทิ ส้ม แตงโม กล้วย กีวี มะพร้าว มะม่วง สตรอว์เบอร์รี่ สับปะรด แอปเปิล ฝรั่ง สาลี่ฯลฯ โดยบริษัทฯ มีการนำเข้าจากต่างประเทศ และปลูกในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารเพื่อสุขภาพเป็นทางเลือกให้ลูกค้า อาทิ สลัด แซนด์วิช โยเกิร์ตสด นม ชาเขียว ฯลฯ รวมไปถึงอาหารจานเดียวเพื่อสุขภาพ โดยเมนูทั้งหมดราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท

Squeeze by Tipco ขายแฟรนไชส์

Squeeze by Tipcoภาพจาก https://bit.ly/3AD8eWu

สำหรับผู้ที่อยากเปิดร้าน “Squeeze by Tipco” บริษัทเขามีขายแฟรนไชส์ งบลงทุนเริ่มต้นราวๆ 300,000 บาท และ 1.5-2 ล้านบาทต่อสาขา ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับการฝึกอบรมการทำธุรกิจครบทุกอย่าง ทั้งสูตรเครื่องดื่ม การอบรมพนักงาน การตกแต่งร้าน การบริหารจัดการร้าน ระยะสัญญา 3+3 ปี ต่อสัญญาอัตโนมัติ บริษัทฯ เก็บค่า Royalty Fee และ Marketing Fee ประมาณ 6% ของยอดขายต่อเดือน มีโมเดลร้านทั้งคีออส และร้านนั่งทาน มีกำไรแก้วละประมาณ 60-70%

จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 แบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยังได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ดูได้จากการขยายสาขาต่อเนื่อง โดย Boost Juice Bars มีจำนวน 26 สาขา ส่วน Squeeze by Tipco มีจำนวน 24 สาขา แต่ที่แตกต่างกันคือ Boost Juice Bars ไม่ได้ขายแฟรนไชส์ให้นักลงทุนในไทย แต่บริหารจัดการโดยบริษัทมาสเตอร์แฟรนไชส์ในประเทศมาเลเซีย ส่วนSqueeze by Tipco บริหารจัดการโดยบริษัท ทิปโก้ฟูดส์ฯ และขายแฟรนไชส์ให้นักลงทุนในไทย ใครชอบแบรนด์ไหนต้องตามกันต่อไป

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงข้อมูล

 

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


 

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช