4 นวัตกรรมแบรนด์ดัง ใช้แล้วดี คนฮิตมากขึ้น

โลกสมัยใหม่เป็นยุคของไอที ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สินค้าสามารถเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้มากขึ้นและดูเหมือนว่าที่ผ่านมามีสินค้าจำนวนไม่น้อยที่ออกมาผลักดันนวัตกรรมให้กับสินค้าตัวเอง

รวมถึงการสร้างแคมเปญที่เป็นประโยชน์ต่อแบรนด์ในอนาคต สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการตลาดยุคใหม่ที่ดูเหมือนจะได้ผลมาก โดยเฉพาะกับสินค้าบางชนิดที่ยอดขายดี สิ่งที่ต้องทำคือสร้างภาพลักษณ์ทางการตลาดให้สินค้านั้นจดจำอยู่ในใจของผู้บริโภคตลอดเวลา

ด้วยเหตุนี้ทาง www.ThaiSMEsCenter.com จึงได้รวบรวมเอานวัตกรรมและการโฆษณาในยุคใหม่ที่หลายแบรนด์ได้ทดลองใช้แล้วปรากฏว่าได้ผลดีเป็นที่สนใจของลูกค้ามากขึ้น

ซึ่งการคิดค้นนวัตกรรมมาเพื่อสินค้าตัวเองนั้นก็เป็นต้นทุนที่ไม่น้อยแต่ในแง่ความคุ้มค่าน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเพราะเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้บริโภครับรู้ว่าสินค้ามีการตื่นตัวตลอดเวลาและพร้อมปรับตัวเพื่อสร้างสิ่งดีๆให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอๆ

1.เครื่องสแกนขนมปังอัจฉริยะจากร้าน Denen Plaza Kawaba ประเทศญี่ปุ่น

นวัตกรรมแบรนด์ดัง

ภาพจาก Twitter @imos

เราทุกคนคงเคยเจอกับปัญหาที่คล้ายกันนั้นคือเวลาเข้าร้านเบเกอรี่ทั้งหลายด้วยกลิ่นหอม ยั่วยวนใจของเบเกอรี่หลากรสชาติทำให้เราเลือกไม่ถูกว่าจะเอาสินค้าตัวไหนดี บางทีก็หยิบมาหลายชิ้น ทีนี้ปัญหาสำคัญคือตอนคิดเงินหน้าเคาเตอร์ที่มักจะใช้เวลานาน เนื่องจากพนักงานก็ต้องมานั่งเช็คว่าสินค้าที่เราหยิบมามีอะไรบ้าง บาร์โค้ดของแต่ละตัวนั้นอยู่ตรงไหน

ด้วยเหตุนี้ร้านเบเกอรี่ Denen Plaza Kawaba ในจังหวัดกุมมะ ประเทศญี่ปุ่น สร้างความแตกต่างกับร้านอื่นๆ ด้วยการนำระบบคิดเงินรูปแบบใหม่ จากเดิมที่พนักงานต้องกดที่เครื่องว่าลูกค้าซื้อขนมปังชนิดใดบ้าง เป็นนำเครื่องสแกนที่สามารถตรวจจับประเภทของขนมปังแทน ซึ่งสามารถลดการเสียเวลาในขั้นตอนชำระเงินไปได้เยอะ

ขณะเดียวกันยังลดความผิดพลาดในการคิดเงินไปได้อีกด้วย เพราะเดิมทีพนักงานต้องจำทุกชนิดของขนมปังภายในร้าน และถ้ามาให้แปะราคา หรือนำพลาสติกมาหุ้มก็คงไม่ได้ เนื่องจากจะดูเหมือนขนมปังไม่สดใหม่ ที่สำคัญยังสามารถลดพนักงานภายในร้านได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในสภาวะที่ร้านเบเกอรี่ในญี่ปุ่นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

2.Amazon กับบริการใหม่ล่าสุด AmazonFresh Pickup บริการส่งอาหารสดถึงท้ายรถ

lk2

ภาพจาก goo.gl/SIOo96

ถ้าพูดถึงไอเดียการค้าแล้ว Amazon น่าจะเป็นลำดับต้นๆของแนวคิดที่ผ่านมาก็มีเรียกเสียงฮือฮาได้จำนวนไม่น้อยกับบริการในหลากหลายรูปแบบที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องในการขายทำให้คนสนใจและรอคอยบริการใหม่ๆจาก Amazon ที่มักจะมีการเปิดตัวออกมาเรื่อยๆซึ่งบริการล่าสุดคือ AmazonFresh Pickup ที่ผู้บริโภคเพียงคลิกสั่งซื้อสินค้าที่เป็นของสด เช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ ฯลฯ

จากแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน หรือในเว็บไซต์ Amazon ให้เรียบร้อย จากนั้นเมื่อขับรถเข้ามาในจุดรับของตามที่ Amazon กำหนด ก็จะมีพนักงานนำสินค้าเหล่านั้นบรรจุถุง ใส่รถเข็นมารอท่า และเมื่อเปิดท้ายรถ พนักงานก็จะเป็นผู้จัดเรียงของสดเหล่านั้นลงในท้ายรถให้จนเสร็จ

หากมองในมุมผู้บริโภค บริการนี้น่าจะถูกใจบรรดาแม่บ้านพ่อบ้านที่มีเวลาไม่มากได้ดีทีเดียว เพราะการต้องขับรถไปซูเปอร์มาร์เก็ต เข็นรถเข็นเข้าไปหาซื้อผักผลไม้ตามที่ต้องการ แถมต้องมารอต่อคิวเพื่อจ่ายเงินนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ซึ่งในจุดนี้ Amazon จับจุดได้และเสนอเป็นบริการใหม่ที่สะดวกมากกว่าด้วยบริการแบบครบวงจรนี้

3.McDonald’s กับนวัตกรรม BagTray แพ็กเกจจิ้งเดียวเป็นได้ทั้งถุงและถาด

lk4

ภาพจาก goo.gl/f0QGQw

เพื่อที่จะทำให้การซื้อแมคโดนัลด์แบบ Take Away ทำได้สะดวกขึ้น McDonald’s โดยเอเจนซี่ DDB Budapest ประเทศฮังการี จึงออกแบบแพ็กเกจจิ้งพิเศษ “BagTray” ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง “ถุง” เพื่อหิ้วออกนอกร้าน และเมื่อถึงเวลาจะรับประทานอาหารก็กลายเป็น “ถาด” เพียงแค่ฉีกช่วงบนออกก็กลายเป็นอุปกรณ์รองอาหารได้แล้ว

ซึ่งแนวคิดนี้ก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายจากอาหารจานด่วนที่ไม่ต้องกังวลเรื่องความเลอะเทอะ อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำความเป็นร้านสะดวกซื้อที่สะดวกทั้งการซื้อและการรับประทาน เพื่อให้คนที่เร่งรีบและไม่มีเวลาสามารถจัดการกับการกินให้เป็นเรื่องง่ายๆ ซึ่งดูแล้วก็เหมาะที่จะนำมาใช้ในประเทศไทยได้เช่นกันหากใครคิดว่าน่าสนใจก็ลองติดต่อประเทศต้นแบบของแนวคิดนี้ดูว่าจะปรับใช้อย่างไรกับธุรกิจในประเทศไทยได้บ้าง

4.Pepsi แปลงร่างขวดลิตร ให้กลายเป็นแสงสว่าง สุดยอดนวัตกรรมเพื่อชุมชนผู้ยากไร้

lk3

ภาพจาก goo.gl/uV5fo6

Pepsi มักเน้นการตลาดแบบสร้างให้แบรนด์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ถือเป็นกลยุทธ์แบบเข้าถึงและทำให้สินค้ากลมกลืนไปกับผู้บริโภค จึงมีแคมเปญและโฆษณาที่ผ่านมาเน้นไปที่กิจกรรมทางสังคมเป็นส่วนมาก โดยครั้งนี้ Pepsi ก็มาพร้อมแคมเปญ Liter of light ที่นำขวดเป๊ปซี่ลิตรใช้แล้วมาทำให้กลายเป็นหลอดไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ แล้วกระจายสู่ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ทุรกันดาร ที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงและมีความต้องการแสงสว่างเพื่อการใช้ชีวิต

โดยโครงการนี้ PepsiCo Philippines จับมือกับ MyShelter Foundation ในการคิดค้นนวัตกรรมที่ทำได้ง่ายแต่มีประโยชน์ แถมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการนำขวดใสใช้แล้วมาใช้แทนหลอดไฟในบ้านและไฟทางบนถนน เพื่อประโยชน์แก่ชุมชนในฟิลิปปินส์ โดยอุปกรณ์คือขวดน้ำพลาสติกใส น้ำเปล่า สารฟอกขาว และแผ่นอลูมิเนียมชิ้นเล็กในการเป็นตัวสะท้อนแสงแดดและสร้างกำลังไฟฟ้าขนาด 55 วัตต์ เพื่อสร้างแสงสว่างให้กับห้องพื้นที่ประมาณ 40 ตารางเมตรโดยไม่ต้องพึ่งการใช้พลังงานไฟฟ้า

และสามารถติดตั้งโดยการสอดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหลังคาบ้านได้เลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการติดตั้งโดยทีมอาสาสมัครที่ได้รับการฝึกฝน นอกจากให้แสงสว่างภายในบ้านแล้ว ตามท้องถนนก็มีการติดตั้งนวัตกรรมนี้เพื่อช่วยในเรื่องการเดินทาง

ถึงแม้จะว่าไม่อาจส่องสว่างเท่ากับหลอดไฟ LED พลังงานสูง แต่ก็มีส่วนช่วยชุมชนอยู่บ้าง ก็ถือได้ว่านอกจากเป็นสินค้าระดับโลกที่ขายดียังมีวิธีทำตลาดแบบเข้าถึงความต้องการของคนได้อย่างดี ยิ่งตอกย้ำความเป็นสินค้าระดับโลกตัวจริงเสียงจริงได้ดียิ่งขึ้นด้วย

เชื่อได้เช่นกันว่าหลังจากนี้จะต้องมีเทคโนโลยีของสินค้าอีกจำนวนมากทยอยกันออกมาแข่งขันในทางการตลาด และดูว่าแนวโน้มการตลาดยุคไอทีจะยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆใครที่คิดทำธุรกิจในช่วงหลังจากนี้ก็เทงบประมาณส่วนหนึ่งมาทำการตลาดแบบนี้ก็น่าจะดีไม่น้อยเช่นกัน

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด