3 วิธีการลงทุนสำหรับ มนุษย์เงินเดือน ! แบบใช้เงินต่อเงิน

วันนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องเงินๆทองๆกันบ้างดีกว่า หลายคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนมีความคิดว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องมีเงินเก็บมีเงินก้อนเอาไว้พอเลี้ยงตัวเองในยามที่ไม่มีงานทำ เพราะคำว่าชีวิต มนุษย์เงินเดือน ก็เหมือนการใช้ชีวิตอยู่บนความไม่แน่นอน

โดยเฉพาะโอกาสที่จะถูกเลิกจ้างจากหลากหลายสาเหตุ เช่นอายุเพิ่มขึ้น ผลประกอบการบริษัทไม่ดี นโยบายปรับลดพนักงาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนแทบทุกคนอยากมีเงินทุนการันตีว่าชีวิตหลังพ้นการทำงานตัวเองและครอบครัวจะใช้ชีวิตได้อย่างไม่ลำบาก

แต่ทั้งนี้ความจริงกับความฝันมันช่างสวนทางกันสิ้นดี www.ThaiSMEsCenter.com เองก็ต้องการให้ทุกคนมีฐานการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้รองรับเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เราก็ไม่รู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

จึงขอแนะนำการลงทุนแบบเงินต่อเงินสัก3วิธีสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่พอจะเป็นแนวทางให้ใช้ได้แต่ทั้งนี้การลงทุนมีความเสี่ยงต้องศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนการลงทุนทุกครั้งเช่นกันนะครับ

1.ลงทุนในกองทุนรวม

มนุษย์เงินเดือน

ภาพจาก https://goo.gl/bYIH1V

กองทุนรวมคือเครื่องมือในการลงทุน (investment vehicle) สำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ประสงค์จะนำเงินมาลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน แต่ติดขัดด้วยอุปสรรคหลายประการ

ที่ทำให้การลงทุนด้วยตนเองไม่สามารถได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ต้องการ เช่น มีทุนทรัพย์จำนวนจำกัด,ไม่มีประสบการณ์ ,ไม่มีเวลาจะศึกษา กองทุนรวม จึงเป็นเครื่องมือในการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ มีการจัดการลงทุนอย่างเป็นระบบ โดยมีจุดมุ่งหมาย ให้การลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีสุด ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้

ซึ่งผลตอบแทนในการลงทุนประเภทนี้ 5 ปี เฉลี่ย 25% เท่ากับผลตอบแทน 5% ต่อปี ยังไม่รวมเงินปันผล โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมที่ยังไม่รวมเงินปันผล

เพราะปกติแล้วการลงทุนในกองทุนรวมจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี หมายความว่าหากเราลงทุนไป 1 แสนบาท เงินของเราจะงอกเงยเป็น 2 แสนบาท หรือกว่าเท่าตัวในเวลาไม่เกิน 10 ปีนั่นเอง

2. ลงทุนในคอนโดมิเนียม

a1

ภาพจาก https://goo.gl/5vcUie

จากสถิติที่ผ่านมาคอนโดมิเนียมมีราคาเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ในสมัยก่อนคอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้านั้นขายตารางเมตรละ 4 หมื่นบาท ถือว่าแพงมาก ๆ แต่ปัจจุบันหากเป็นย่านที่ผู้คนพลุกพล่าน คอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้านั้นราคาสูงกว่า 2 แสนบาทต่อตารางเมตร

หลายคนอาจคิดว่ามันแพง แต่ถ้านำไปเปรียบเทียบกับราคาคอนโดของกรุงโตเกียวที่ตกตารางเมตรละกว่า 8.9 แสนบาท คอนโดของสิงคโปร์ที่ตกตารางเมตรละกว่า 9 แสนบาท และคอนโดของเกาะฮ่องกงที่ตกตารางเมตรละกว่า 1 ล้านบาท!

ใครจะไปคิดว่าราคาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ราคาจะไปสุดที่เท่าไหร่ หากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนพอมีเงินเหลือ การทยอยผ่อนคอนโดมิเนียมทุกเดือน ๆ ถือเป็นการลงทุนสที่มีอนาคตสดใสเช่นกัน

3. ลงทุนในหุ้นแบบถัวเฉลี่ย

a3

ภาพจาก https://goo.gl/euqBNz

หลายคนคิดว่าการลงทุนในหุ้นต้อง “ซื้อ ๆ ขาย ๆ” ตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงแล้วการลงทุนในหุ้นเราสามารถซื้อหุ้นแบบถัวเฉลี่ยได้ โดยการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน(Dollar Cost Average) จะเป็นการทยอยซื้อหุ้นเป็นงวดๆ ด้วยจำนวนเงินครั้งละเท่าๆ กัน โดยอาจจะกำหนดงวดเป็น 1 เดือนซื้อครั้งหนึ่ง

กำหนดวันซื้อในแต่ล่ะเดือนตายตัว ชัดเจน และทำต่อเนื่องกันไปตลอดอาจจะกำหนดว่า 10 ปี หรือ 15 ปี หรือตลอดชีวิตก็ได้แล้วแต่เรากำหนด จากวิธีนี้เดือน ไหนถ้าหุ้นราคาสูงเราก็ซื้อหุ้นได้น้อยหน่อย เดือนไหนที่หุ้นราคาลดต่ำลง เราก็จะได้หุ้นมาในจำนวนที่มากหน่อยถัวเฉลี่ยกันไป

โดยมีเป้าหมายจริงๆ คือ “สะสม” หุ้นพื้นฐานดีเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวเป็นหลัก นอกจากนี้เรายังจะได้ประโยชน์จากเงินปันผลที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนหุ้นที่เราสะสมเข้ามาในพอร์ตอีกด้วย

ทั้งนี้เราควรเลือกหุ้นไม่เกิน 5 ตัว ยกตัวอย่างเช่น หุ้นรถไฟฟ้า หุ้นโรงพยาบาล หุ้นค้าปลีก หุ้นอสังหาริมทรัพย์ หุ้นธนาคาร
ข้อดีอีกอย่างคอเราไม่ต้องเสียค่าบริหารจัดการกองทุนหุ้นนั่นเอง

แต่ขอแนะนำว่าทุกการลงทุนไม่ได้การันตีว่าจะต้องสำเร็จสวยสดงามงามเสมอไป การลงทุนที่ดีควรอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่แข็งแกร่ง ซึ่งเราสามารถหาความรู้เหล่านี้ได้มากมายทั้งจากผู้รู้และอินเทอร์เนต จากนั้นให้ลองทำจากน้อยไปหามาก เพื่อสะสมทั้งประสบการณ์และลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น

ไม่แน่ว่าการลงทุนที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆแต่พอทำนานๆเข้าอาจทำให้เรากลายเป็นผู้ชำนาญการแบบสามารถใช้เงินต่อเงินได้อย่างมืออาชีพ ทีนี้ก็เลือกได้แล้วว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนต่อไปหรือออกมาบริหารจัดการด้านการลงทุนอย่างเต็มตัวกันไปเลย

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด