แบบนี้ก็ได้เหรอ! 7 จุดอ่อนที่ใช้ดีๆก็มีประโยชน์กับธุรกิจ

เขากล่าวที่เราเคยได้ยินกันตลอดมาคือ “เราควร พัฒนาตัวเอง ให้แข็งแกร่งและปกปิดจุดอ่อนที่เรามีให้หมดไป” เมื่อฟังอย่างนี้แล้วก็รู้สึกว่าจุดอ่อนเหล่านั้นดูจะไม่มีประโยชน์กับการดำเนินชีวิตของเราแม้แต่น้อย และหลายคนยังปรามาสว่าจุดอ่อนเหล่านี้เป็นตัวฉุดรั้งความเจริญในชีวิตซะอีกด้วย

อันที่จริงถ้าจะคิดแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่ความเป็นจริงอีกเช่นกันว่าเหรียญย่อมมี 2 ด้านฉันใด จุดอ่อนที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเราเองก็เช่นกันมุมดีๆของจุดอ่อนเหล่านั้นถ้าเรามีในปริมาณที่พอเหมาะและรู้จักเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ก็มีความหมายต่อการทำธุรกิจของเราอยู่ไม่น้อย

www.ThaiSMEsCenter.com ได้รวบรวมเอาจุดอ่อนที่หลายคนหมางเมินมาแจกแจงให้ดูว่าถ้าเรามีจุดอ่อนเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนมาเป็นจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจอย่างไรได้บ้าง

1.ความกังวล (Anxiousness)

พัฒนาตัวเอง

หากพบว่าหลายครั้งที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะคิดว่า “ถ้าไม่” อย่างนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น นั่นแสดงว่าจุดอ่อนของคุณคือความกังวล แต่อย่าเพิ่งเครียดเกินเหตุ เพราะมันสามารพลิกให้เป็นข้อดีได้

โดยทุกครั้งที่รู้สึกแบบนี้ควรเร่งแปลงเรื่องในหัวเป็นการกระทำ เพื่อทำให้คุณแก้ไขปัญหาและเรื่องคาใจต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนท่ามกลางวิสัยทัศน์ที่รอบด้านขึ้น และพอมารู้ตัวอีกทีก็ปิด Job ได้เรียบร้อยพร้อมความกังวลต่องานที่หายไป

2.ความเกียจคร้าน (Laziness)

d3

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านิสัยแบบนี้ก็สามารถปรับใช้จนเป็นข้อดีได้ด้วย แต่เชื่อเถอะว่ามันใช้ได้ โดย Bill Gates เคยกล่าวไว้ว่า “ผมมักเลือกคนที่ดูเหมือนขี้เกียจให้มาทำงานยาก เพราะคนแบบนี้จะใช้วิธีง่ายสุดเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง”

สิ่งที่มหาเศรษฐีวงการเทคโนโลยีผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ต้องการสื่อคือ ลึกๆ แล้วคนขี้เกียจนั้นฉลาด ชอบคิดค้นวิธีทำงานที่ไม่เปลืองแรง เปลืองเวลามาก พูดง่ายๆคือหาทางลัดเก่งนั่นเอง

3.ยอมผู้อื่นตลอด (Being Too Nice)

d4

ทุกเรื่องที่มีคำว่า “เกิน” เพิ่มเข้ามา สื่อถึงความไม่พอดี แต่ข้อเสียนี้ก็เหมือนเหรียญ 2 ด้าน หากใช้เป็นก็พลิกให้เป็นข้อดีได้เช่นกัน โดยเฉพาะในการการเจรจาต่อรอง เนื่องจากช่วยสร้างเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในใจคู่สนทนา

ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือหัวหน้าเชื่อมั่นในตัวคุณ เพราะทุกคนจะมองว่าคุณให้ความสำคัญกับเขา ยอมได้เกือบทุกเรื่องและหากเมื่อไรคุณพูดว่าไม่ขึ้นมา อีกฝ่ายก็จะรู้ทันว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้

4.ความหวาดระแวง (Paranoia)

d5

Andrew Grove อดีตผู้บริหาร Intel ที่กระทั่งอัจฉริยะอย่าง Steve Jobs ยังมาขอคำปรึกษาช่วงชีวิตเจอทางตัน เคยกล่าวไว้ว่า “มีแต่พวกขี้ระแวงเท่านั้นแหละที่จะอยู่รอด” ซึ่งพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าจริง เพราะการตีตนไปก่อนไข้ของคนกลุ่มนี้

นำมาสู่การเตรียมความพร้อม คิดหาแผนสำรองไว้หากสถานการณ์ที่แย่สุดเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้งานต้องล้มครืนกลางคันหรือเกิดความเสียหายร้ายแรงกระทบถึงบริษัท ฉะนั้นควรมองการหวาดระแรงเสียใหม่และใช้แต่พอดี ให้มันคอยเตือนคุณถึงการมองตามความเป็นจริงไม่ใช่แต่ในแง่ร้าย

5.เถรตรง (Brutal Honesty)

d6

ใครที่เถรตรง มองอะไรเป็นขาว-เป็นดำ ไม่ยืดหยุ่น หากได้คุยด้วยระยะแรกอาจไม่สบายใจ แต่ในระยะยาวนี่คือข้อดี เพราะแสดงให้เห็นว่าเขาซื่อสัตย์กับตัวเอง ต้องการความชัดเจน

โดยเมื่อคู่เจรจารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรก็ไม่ต้องเสียเวลามาคุยซ้ำอีก ไม่มองข้ามเรื่องสำคัญและมุ่งลุยงานได้แบบหมดห่วง

6.อ่อนประสบการณ์ (Intensity)

d7

ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ ความไร้เดียงสานั้นเท่ากับอ่อนประสบการณ์ แต่เพราะความไม่ค่อยรู้อะไรนี่เองที่ผลักดันให้เรากล้าฝัน กล้าลุยหลายอย่ารวมถึงกล้าเริ่มธุรกิจอย่างไม่กลัวความล้มเหลว

เชื่อเถอะหากขจัดความกลัวไปได้แล้วเริ่มลงมือทำแล้วต้องพลาดสะดุดล้ม แต่ก็เป็นการล้มก่อนคนอื่น และแน่นอนว่าเราก็จะลุกได้ก่อน เดิน วิ่งหรือแม้กระทั่งบินได้ก่อนคนผู้อื่นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เมื่อถึงปลายทางประสบการณ์ก็ยังมีมากกว่าด้วย

7.ความหงุดหงิด (Naivety)

d8

บางครั้งการดูเป็นคนเจ้าอารมณ์ก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าเรารู้จักแปลงความหงุดหงิดนี้เป็นพลังในการทำธุรกิจจะทำให้เราเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาก หลายครั้งที่เราไม่กล้าจะลงมือทำธุรกิจนั้นมาจากความโลเลตัดสินใจไม่ได้

แต่ที่มีความหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่จะรู้สึกว่าคนกลุ่มนี้น่ารำคาญกลับกันในเรื่องเดียวกันเขาจะตัดสินใจลงมือทำบางครั้งเป็นการลุยแบบที่ยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะต้องเจออะไรแต่ขอทำไปก่อนเจอปัญหาแล้วค่อยมาแก้กันทีหลัง อาจจะดูเหมือนว่าหุนหันพลันแล่นแต่เชื่อหรือไม่ว่าธุรกิจระดับโลกจำนวนไม่น้อยก็มาจากความหุนหันพลันแล่นที่ว่านี้

สิ่งสำคัญคือการรู้จักควบคุมและใช้จุดอ่อนเหล่านี้ให้เป็นสิ่งที่มีค่า แม้เราจะรู้อย่างนี้แต่การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าด้วยการใช้จุดอ่อนก็ยังเป็นเรื่องที่ยาก ขั้นแรกคือต้องฝึกควบคุมความรู้สึกเหล่านี้ให้ได้และจึงค่อยพัฒนามาใช้ในการเริ่มต้นธุรกิจบางทีเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่เราอาจไม่เคยรู้หรือบางคนอาจมองข้ามไปก็คือกุญแจสำคัญสู่การพาตัวเองไปเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/TyzA0f

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด