เตรียมลงทุนอย่างไรให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบสบายทั้งครอบครัว

เป็นความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งของคนไทยกับการไป เที่ยวญี่ปุ่น สักครั้งยิ่งไปในช่วงที่มีการจัดงานด้วยแล้วว่ากันว่าสีสันความสนุกจะยิ่งคึกคักครึกครื้นมากขึ้น แต่ทว่าในความเป็นจริงการทำงานเก็บเงินไปเที่ยวนั้นอาจต้องใช้เวลานานโขอยู่เหมือนกัน ถ้ายิ่งเงินเดือนก็น้อย รายจ่ายก็มาก บางทีฝันนี้ก็เป็นเพียงลมๆแล้งๆไปเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเรื่องนี้จะทำให้เป็นจริงไม่ได้เพียงแต่ต้องใช้วิธีเสริมที่ไม่ใช่แค่เก็บเงินเท่านั้นหากแต่ต้องรู้จักเอาเงินต่อเงินหรือเรียกว่าการลงทุนในรูปแบบต่างๆก็อาจจะช่วยให้เรามีโอกาสเข้าใกล้ฝันนี้ได้มากขึ้น

ซึ่งในวันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีวิธีการลงทุนในกองทุนรวมมาฝากกันรวมถึงเทคนิคเล็กๆน้อยที่พอจะทำให้เรามีเงินพอไว้จับจ่ายใช้สอยในการไปเที่ยวญี่ปุ่นซึ่งขอบอกก่อนว่าการเตรียมตัวลงทุนในครั้งนี้เรามีกำหนดเวลาประมาณ 3 ปีซึ่งตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาจัด Tokyo Olympic 2020 พอดีทั้งนี้ก็ต้องมาคาดคะเนรายจ่ายกันก่อนว่าไปญี่ปุ่นทั้งครอบครัวจะมีรายจ่ายส่วนไหน เท่าไหร่ อย่างไรบ้าง

การท่องเที่ยวต่างประเทศ มีค่าใช้จ่ายสำคัญ 9 รายการ คือ

เที่ยวญี่ปุ่น

1.ค่าเดินทางไป-กลับ + ที่พักจากบ้านไปสนามบินก็ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อความสะดวกสบายในการขนสัมภาระที่เอาติดตัวไปและจะเอากลับจากญี่ปุ่น รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 1,300 บาท เป็นทั้งค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าที่จอดรถในสนามบิน

2.ค่าตั๋วเครื่องบินช่วง High Season จะอยู่ที่ประมาณ 30,950 บาทต่อคน หรือทั้งครอบครัวประมาณ 123,800 บาท แต่ถ้าจะให้ถูกกว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการจองล่วงหน้าหรือการใช้เทคนิคโปรโมชั่นอะไรก็ตามแต่ก็อาจได้ราคาตั๋วที่ถูกลงกว่านี้ได้

3.ค่าที่พักในต่างประเทศ ประมาณ 3,000 เยน/คน โดยรวมก็ประมาณ 12,000 เยน (ประมาณ 16,000 บาท)

4.ค่าประกันภัยการเดินทางค่าเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับระยะเวลาเดินทางเท่าที่สำรวจ สำหรับความคุ้มครองประมาณ 500,000 – 1,000,000 บาท เบี้ยประกันไม่เกิน 300 บาทต่อคน

v8

5.ค่าใช้จ่ายการเดินทางในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับการวางแผนการเดินทาง ซึ่งในญี่ปุ่นมี JR TOKYO Wide Pass เป็นตั๋วเหมา ผู้ใหญ่คนละ 10,000 เยน เด็ก(อายุ 6-11 ปี)คนละ 5,000 เยน โดย Pass นี้ใช้ได้ 3 วันค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 เยน หรือ ประมาณ 10,000 บาท

6.ค่ากินอยู่ในต่างประเทศ ราคาค่าอาหารในแต่ละมื้อไม่เกิน 2,000 เยนต่อคนต่อ จำนวนเงินค่าอาหารทั้งหมดประมาณ หรือประมาณ 40,000 บาท (ทั้งครอบครัว)

7.ค่าใช้จ่ายในการเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาวะอากาศ ซึ่งเฉลี่ยที่ 22-36 องศาเซลเซียสถ้าเตรียมไปจากเมืองไทยก็ประหยัดรายจ่ายนี้ได้ดีทีเดียว

8.ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งมีพื้นที่ท่องเที่ยวหลากหลายเช่น Tokyo Disneylandราคาบัตร 1วันผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 7,400 เยน เด็ก อายุ 12-17 ปี 6,400 เยน เด็กเล็ก อายุ 4-11 ปี 4,800 เยนต่อคน ประเมินเบื้องต้นเป็นเงินไทยก็ประมาณ 8,500 บาท แต่ถ้ามีทริปเที่ยวที่อื่นร่วมด้วยก็ต้องปรับเปลี่ยนเงินส่วนนี้ตามไป

9.ของฝาก+ซื้อของส่วนตัว นั้นคือการซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับมาเตรียมไปอย่างเบาๆก็มีสัก 5,000 ก็พอใช้ได้

เมื่อประมาณการค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ตามรายการข้างต้นพบว่า ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมทั้งหมดประมาณ 235,520 บาทที่นี้ก็มาถึงวิธีการทำว่าจะต้องเลือกลงทุนแบบไหนเพื่อให้ได้เงินประมาณ 250,000 บาทในเวลา 3 ปี

การลงทุน 3 ปีเพื่อให้มีเงิน 250,000 บาท

v7

เนื่องจากระยะเวลาในการลงทุนไม่เกิน 3 ปี การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากอาจทำให้ผลตอบแทนผันผวนเกินไป ดังนั้น ควรเลือกใช้พอร์ตการลงทุนโดยกระจายการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ 10-30% เสี่ยงกลาง 20-40% และเสี่ยงสูง 40-60% เป็นหลัก ตัวอย่างจะทำการลงทุนในกองทุน 3 ประเภท ได้แก่ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และ กองทุนตราสารทุน (ลงทุนในหุ้นเลียนแบบดัชนี และหุ้นเล็ก) และ กองทุนตราสารหนี้เท่านั้น

และเมื่อตัดสินใจเลือกกองทุนเข้าทำการลงทุน เราต้องทำการกำหนดสัดส่วนของแต่ละกองทุนให้สอดคล้องกับประเภทสินทรัพย์ จากนั้นจึงทำการคำนวณ ผลตอบแทนและความผันผวนคาดหวัง โดยวิธีการหาค่าเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก จากตัวอย่าง จะได้ว่า ผลตอบแทนคาดหวังอยู่ที่ 6.6% ต่อปี แต่ความผันผวนคาดหวังยังสูงอยู่ที่ 9.9% ต่อปี

เราสามารถลดความผันผวนลงโดยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้และลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก จะได้ผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุนอยู่ที่ปีละ 5.8% สูงกว่าผลตอบแทนที่ต้องการ (3% ต่อปี)

v6

แน่นอนว่าเลือกการลงทุนในกองทุนรวมหรือการจัดพอร์ตหุ้นลงทุนนั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยและเนื้อหาสาระที่ต้องศึกษาอีกมากแม้เป็นช่องทางน่าสนใจและทำรายได้ดีจริงแต่ทั้งนี้ก็ควรเรียนรู้จากคู่มือตำราและผู้มีประสบการณ์เพื่อจะเริ่มต้นการลงทุนในกองทุนเหล่านี้ได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้นซึ่งทางทีมงานเราเองก็จะพยายามมาอธิบายถึงวิธีการลงทุนในลักษณะนี้ให้ดูเข้าใจง่ายขึ้น

ซึ่งก็ต้องคอยติดตามบทความเราอย่างต่อเนื่องเพราะถือว่าการลงทุนในพอร์ตหุ้นเหล่านี้คือการลงทุนชนิดหนึ่งที่น่าสนใจมากและน่าจะเป็นช่องทางสร้างรายได้ที่ดีหลังจากที่เราได้ศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด