“องุ่น” น้ำมันพืชรายได้กว่า “หมื่นล้าน” ธุรกิจที่เริ่มจากหนี้หลักล้าน

ในตลาดน้ำมันพืชมูลค่ากว่า 20,000 ล้าน และถือเป็นสินค้าที่มีความสำคัญมาก นอกจากความต้องการของแต่ละครัวเรือนยังเป็นสินค้าที่ใช้จำนวนมากในภาคธุรกิจด้านอาหาร ซึ่งน้ำมันพืชในเมืองไทยมีหลายประเภททั้งน้ำมันปาล์ม , น้ำมันรำข้าว และน้ำมันถั่วเหลือง

www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าถ้าพูดถึงน้ำมันถั่วเหลืองเราต้องรู้จัก “ องุ่น ” ที่มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 59% ซึ่งถือว่าสูงมาก ทั้งนี้ “องุ่น” เป็นน้ำมันพืชผลิตโดยบริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO ที่ได้มีการจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 26,280 ล้านบาท จึงถือได้ว่าเป็นอีกธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับประเทศที่ขยายสินค้าไปยังต่างประเทศด้วย แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน รวมถึงการเคยเป็นหนี้ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกๆ

เสือผืนหมอนใบ จากเมืองจืน เริ่มสร้างธุรกิจในเมืองไทย

องุ่น

ภาพจาก https://bit.ly/3wIm5IX

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ “องุ่น” ย้อนไปในยุคของคุณโปสือ และคุณบั๊กเซี้ยม แซ่เตียว (วิทยฐานกรณ์) สองสามีภรรยา ที่เดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่ เข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย และอาศัยอยู่แถวตลาดพลู เริ่มต้นธุรกิจโรงงานกรอด้ายและโรงสีขนาดเล็ก จุดเปลี่ยนที่แท้จริงเริ่มต้นในปี 2510 ที่คุณโปสือร่วมทุนกับเพื่อนๆ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันรำข้าว มียอดการผลิตวันละ 50 ตัน แต่โลกของธุรกิจไม่สวยงามอย่างที่คิด ผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาดหวัง ส่งผลให้ผู้ร่วมหุ้นทยอยถอนตัวออกไปจำนวนมาก

แต่ด้วยความไม่ยอมแพ้และมีสายเลือดนักสู้คุณโปสือซื้อหุ้นจากเพื่อนๆที่ถอนตัว และบริหารงานเองทั้งหมด โดยคุณโปสือและคุณบั๊กเซี้ยม มีลูกด้วยกันทั้งหมด 8 คน และได้ช่วยกันทำธุรกิจของตระกูลวิทยฐานกรณ์ และเริ่มเห็นผลชัดเจน มีผลประกอบการที่ดีขึ้น จนสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 200 ตัน/วัน

ในปี 2528 ได้เริ่มก่อตั้งบริษัท น้ำมันพืชไทย เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชบริโภคจากถั่วเหลือง ภายใต้แบรนด์ “องุ่น” และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ด้วยกำลังการผลิต 400 ตันเมล็ดถั่วเหลือง/วัน และในปี 2533 บริษัท น้ำมันพืชไทย ได้ซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของ บริษัท โรงกลั่นน้ำมันนครชัยศรีขยายกำลังการผลิตเป็น 800 ตัน/วัน

ปัจจุบัน บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) มีกำลังการผลิตกว่า 6,500 ตัน /วัน โดยผลิตและจําหน่ายสินค้าสองประเภทหลัก ๆ คือ น้ำมันพืชบริโภค และวัตถุดิบอาหารสัตว์

ชีวิตที่อยากลองทำธุรกิจเอง แต่ทำให้กลายเป็นหนี้

4

ภาพจาก https://bit.ly/3lCD621

คุณวิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ ในฐานะลูกชายในบรรดาพี่น้อง 8 คนที่พ่อแม่คาดหวังให้สานต่อธุรกิจแต่ด้วยความที่คิดอยากทำธุรกิจของตัวเอง ครั้งหนึ่งคุณวิสุทธิจึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจส่วนตัว เริ่มตั้งแต่ร้านอาหาร , โรงหล่อทองเหลือง ,ร้านขายของเก่า แต่ปัญหาสำคัญคือแทนที่จะมีกำไรกลับกลายเป็นการสร้างหนี้หลายล้านบาทขึ้นมาแทน ถึงขนาดที่เจ้าหนี้ต้องตามมาทวงอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากที่ได้พี่ๆน้องๆ ร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา คุณวิสุทธิ ก็ได้กลับเข้าสานต่อธุรกิจน้ำมันพืช พร้อมนำประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาปรับใช้กับการทำธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น

ทำไมต้องใช้ชื่อว่า “องุ่น”

3

ภาพจาก https://bit.ly/3MDQXAR

หลายคนสงสัยว่า “องุ่น” เป็นน้ำมันพืชแต่ทำไมตั้งชื่อที่ดูไม่สื่อให้เห็นภาพหรือเกี่ยวข้องกับวัตถุดิบที่ใช้ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับถั่วเหลืองแม้แต่น้อย ซึ่งเรื่องนี้เจ้าของแบรนด์กล่าวว่า “ชื่อองุ่น ซึ่งอาจดูไม่เข้ากับตัวผลิตภัณฑ์เท่าไร แต่คำว่า องุ่น ในภาษาจีน มีความหมายว่า สิ่งที่มีคนอุ้มชู จึงเป็นชื่อมงคลไปในตัว”

หลังจากแบรนด์องุ่น เข้าไปตีตลาดน้ำมันถั่วเหลืองได้ไม่นาน ด้วยจุดเด่นในเรื่องของ สูตรถั่วเหลือง 100% ไม่ใช่น้ำมันพืชแบบผสม เหมือนของคู่แข่งในสมัยนั้น ทำให้แบรนด์สามารถขยายตลาด และแย่งส่วนแบ่งการตลาดมาได้อย่างรวดเร็ว จนขึ้นเป็นแบรนด์อันดับต้น ๆ ของตลาดได้

รายได้ไม่ธรรมดา สูงกว่า 20,000 ล้านบาท

2

ภาพจาก https://bit.ly/3wIm5IX

บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO ไม่ได้มีรายได้เฉพาะการขายน้ำมันถั่วเหลืองเท่านั้น ในความเป็นจริงรายได้หลักคือการขายกากถั่วเหลืองที่ได้จากการผลิตน้ำมันพืช โดยรายได้จากการขายน้ำมันพืชคิดเป็น 30% ของรายได้รวมขณะที่รายได้จากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ หรือกากถั่วเหลือง คิดเป็นสัดส่วนกว่า 64% ของรายได้รวม

ภาพรวมรายได้ของบริษัทในปี 2563 มีรายได้ 25,046 ล้านบาท กำไร 1,656 ล้านบาท โดยรายได้กว่า 91% เป็นรายได้จากในประเทศ และอีก 9% เป็นรายได้จากต่างประเทศ โรงงานของน้ำมันพืชไทย ผลิตน้ำมันพืชไม่ต่ำกว่า 420,000 ขวดต่อวัน ซึ่งนอกจากในประเทศไทยแล้ว บริษัทยังขยายตลาดไปยังต่างประเทศด้วย ผ่านการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากภายในประเทศ คิดเป็น 91%และรายได้จากนอกประเทศ คิดเป็น 9%

1

ภาพจาก https://bit.ly/3wIm5IX

นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเช่น น้ำมันข้าวโพด ,น้ำมันทานตะวัน, น้ำมันคาโนลา ตราองุ่น , น้ำมันมะกอกธรรมชาติ, น้ำมันมะกอกผ่านกรรมวิธี ตราโมนินี่ , กากถั่วเหลือง “ทีวีโอ ไฮโพรมีล” ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผลิตอาหารสัตว์ เช่น สุกร, ไก่ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าเบื้องหลังของความสำเร็จในธุรกิจไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่สิ่งที่น่าสนใจคือการสอนให้ลูกหลานได้รู้จักการค้าขาย การทำธุรกิจ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของคนจีน ที่ทำให้หลายคนประสบความสำเร็จได้ ในฐานะคนที่อยากมีอาชีพ อยากมีธุรกิจจึงควรเรียนรู้วิธีปฏิบัติเหล่านี้นำไปปรับใช้ในการเริ่มต้นสร้างธุรกิจให้กับตัวเองได้ในอนาคต


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3Mtgj4k , https://bit.ly/39yKpVK , https://bit.ly/3G2w7J1 , https://bit.ly/3ln7IEG , https://bit.ly/3FS5OVX

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3lC15hH

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด