รู้ยัง! 5 เทคนิคทำตลาดจาก Facebook ทำแล้วดี! ลูกค้าชอบ

การตลาดในปัจจุบันโดยเฉพาะ โลกออนไลน์ แม้จะเป็นตลาดที่รุ่งพุ่งแรง แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามสำคัญคือความหลากหลายที่มากมายนี้จะนำมาซึ่งการภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างไร

และนี่คือยุทธศาสตร์สำคัญที่นักธุรกิจออนไลน์อาจมองข้ามหลายคนมุ่งเป้าทำยอดขายไม่สนใจว่าคนจะคิดอย่างไรกับสินค้าขอแค่เปิดลูกค้าใหม่ๆได้ตลอดเวลาก็เพียงพอ

แต่สิ่งที่ www.ThaiSMEsCenter.com มองเห็นนั้นคือสิ่งสำคัญที่ยิ่งกว่าการขายได้คือทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่าสินค้าเราสามารถเป็นที่พึ่งพิงได้แน่นอนว่า

นั้นคือเรื่องความคิดแต่เชื่อหรือไม่ว่า Facebook ในฐานะเครื่องมือการตลาดที่นิยมที่สุดก็มีแนวคิดที่ต้องการให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อแบรนด์จนนำมาซึ่งการสำรวจและการค้นหาวิธีที่กำหนดเป็นกลยุทธ์การตลาดในสไตล์Facebook สำหรับSMEsคนไหนถ้าเลียนแบบทำได้ตามนี้โอกาสรุ่ง พุ่ง แรงมีสูงมากทีเดียว

โลกออนไลน์

ภาพจาก goo.gl/A1nUQX

จากการสำรวจของ Facebook IQ ในสินค้าที่มีการโฆษณาบน Facebook มากที่สุดเช่นกลุ่มของธุรกิจประกันรถยนต์ สายการบิน โรงแรร้านอาหารต่างๆ

พบว่าจากจำนวนผู้ใหญ่กว่า 14,700 คนในอเมริกา มีกว่า 77 %ที่มีพฤติกรรมการบริโภคสินค้าแบรนด์เดิมแบบซ้ำๆ และในจำนวนนี้มีถึง 37% ที่เรียกว่าภักดีต่อแบรนด์นั้นๆชนิดที่ไม่ยอมเปลี่ยนไปใช้สินค้าจากยี่ห้ออื่น ส่วนอีก 40 % ก็ถือว่านิยมสินค้าใน Facebook นั้นๆแต่ยังมีการลองสินค้าใหม่ๆเข้ามาร่วมด้วย

ดังนี้จึงเกิดคำถามที่น่าสนใจว่าคนกว่า 37% มองเห็นอะไรในโฆษณาบน Facebook ถึงขนาดที่ใจรักและภักดีต่อแบรนด์ไม่ยอมเปลี่ยนไปไหนทั้งที่กลุ่มคนเหล่านี้ถือเป็นยุคคนหนุ่มสาวที่มีโอกาสพบปะสินค้าและบริการจำนวนมาก แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องมีทริคเล็กๆน้อยและนี่คือเหตุผล 5 ประการถ้าอยากให้สินค้าเราครองใจคนได้ดีในการโฆษณาบน Facebook

1. ความรักแบรนด์เกิดและเติบโตจากอารมณ์ล้วนๆ

h1

ภาพจาก goo.gl/1cndli

ถึงแม้ 77% ของคนทำสำรวจทั้งหมดมักจะซื้อแบรนด์ซ้ำๆบ่อยๆ แต่ก็มีสาเหตุต่างกันซึ่งสามารถแบ่งแยกได้ว่าคนที่ซื้อสินค้าแบบซ้ำๆนั้นเพราะการโฆษณาบน Facebook มีการตั้งราคาที่ดูสมเหตุสมผลบางชิ้นอาจแพงกว่า

แต่ก็มีที่มาว่าเพราะอะไรหรือคนที่ซื้อซ้ำแบบไม่มองราคาก็เพราะดูว่าสินค้าที่โฆษณานั้นมีคุณภาพต่อการใช้ชีวิตมากพอ เมื่อสะสมทั้งคู่ด้วยกันจึงก่อให้เกิดความภักดีที่มาจากการโพสต์แบบต่อเนื่องของสินค้า

2.การสกรีนลูกค้าด้วยการเลือกสินค้าที่ดีและมีคุณภาพในการโพสต์ขายเท่านั้น

h3

ภาพจาก goo.gl/QQIp2E

จากการสำรวจของ Facebook IQ พบว่าคนที่อายุ 18-34 ยังถือเป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากลองต้องการทดสอบสิ่งต่างๆ รวมถึงสินค้า การโพสต์ใน Facebook จึงต้องมุ่งตอบสนองคนกลุ่มนี้เป็นหลักสินค้าหลายชนิดประสบความสำเร็จเพราะเลือกสินค้าที่โพสต์เป็นสินค้าคุณภาพซึ่งคู่แข่งไม่อาจเอามาเทียบเคียงได้

สินค้าสำคัญที่เห็นเด่นชัดว่าแตกต่างคือธุรกิจบริการอย่างโรงแรม รีสอร์ท หรือว่าสายการบิน ซึ่งทั้งราคา โปรโมชั่น และคุณภาพสินค้าเป็นตัวจูงใจที่ทำให้คนเลือกจะมองหาใน Facebook ก่อนเป็นอันดับแรก

3.ราคาก็สำคัญ แต่ประสบการณ์สำคัญกว่า

h5

ภาพจาก goo.gl/fZxwR2

ในการสำรวจของ Facebook IQ ครั้งนี้ มีข้อพิสูจน์ซ้อนกันมาอีกอย่างคือการที่คนมีรายได้สูงก็ยิ่งทำให้รักแบรนด์นั้นได้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งใน 32%ของคนกลุ่มนี้ถือว่ามีรายได้สูงในระดับหนึ่งแต่ก็ใช่ว่าคนที่มีรายได้ในระดับรองๆลงมาจะไม่ภักดีต่อแบรนด์ใดๆ สิ่งที่คนจะเห็นได้จากสินค้าที่โพสต์ผ่าน Facebook คือความสม่ำเสมอ

นั้นทำให้คนส่วนใหญ่มักเทเหตุผลไปที่เรื่องประสบการณ์สินค้านั้นหมายถึงอยู่ยิ่งนานยิ่งคุณภาพดีบางที่คนยอมจ่ายให้แบรนด์ที่จำง่ายกว่า หรืออาจเป็นรสชาติที่หาที่ไหนกินไม่ได้ หรือความสนุกสนานในครอบครัวที่เขาจำได้ตอลดไป เป็นต้น

4.สินค้าแนวครอบครัวยังมาแรง ถ้าใครรักแล้วจะรักกันไปนานๆ

h7

ภาพจาก goo.gl/8nyPiL

เราพบว่าในยุคสมัยนี้พ่อแม่จำนวนมากเลือกดูข้อมูลสินค้าผ่านทาง Facebook หรือทางมาเกตติ้งออนไลน์เป็นหลักด้วยไม่มีเวลาไปช็อปปิ้งหรือสามารถใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้มากขึ้นก็ตามแต่นั้น

จึงเป็นผลให้สินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวกับเด็ก ครอบครัว มีกลยุทธ์ที่จะสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนี้ให้ได้ เพราะการปักใจในสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งจะนำมาสู่ความมั่นใจที่จะไม่เลือกมองสินค้าจากแบรนด์อื่นอีกต่อไป

5.ยิ่งเล่น Facebook มากก็ยิ่งรักแบรนด์มาก

h6

ภาพจาก goo.gl/j3EqTz

เรื่องนี้ถือว่ามีความชัดเจนมากว่าทำไมสินค้าที่ขายในเฟสบุ๊คถึงติดตลาดได้ดีจากการสำรวจเช่นกันที่พบว่าคนที่ใช้ Facebook มากกว่า 5 ครั้งต่อวันมีแนวโน้มจะสนใจเลือกซื้อสินค้าในเฟสบุ๊คได้มากกว่าคนที่ใช้ Facebook แค่เดือนละครั้งประมาณ 1.5-2 เท่า

แน่นอนว่าแพลตฟอร์มของการโฆษณาต้องสะดุดและดึงดูดรวมถึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อให้ผู้เล่นเฟสบุ๊คได้ติดตามได้อย่างมีสีสันมากขึ้น

ดังนั้นข้อสรุปสำคัญที่จะทำให้การโพสต์ขายสินค้าผ่านเฟสบุ๊คเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ นั้นต้องเริ่มจากการบริการเพื่อสร้างความไว้วางใจ และพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์และคุณภาพของสินค้าแบบดีที่สุดและข้อสุดท้ายคือทำให้ผู้ใช้เฟสบุ๊ครู้สึกว่าสินค้าที่เราโพสต์ขายเหมือนเป็นคลังส่วนตัวที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้ตลอดเวลา

ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้แม้จะดูเป็นเรื่องฉาบฉวยแต่ก็แฝงไปด้วยความหมายสำคัญหากเราจับใจความจากความต้องการเหล่านี้ได้โอกาสที่การโพสต์ขายผ่านเฟสบุ๊คจะประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดีก็มีมากขึ้นด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/mqQ3cB

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด