คนไม่ดื่มน้ำอัดลม! โคคา โคลา เล็งเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลัง “โค้ก” ชิมตลาด

หลายคน อาจจะไม่เชื่อว่า โคคา โคลา ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเครื่องดื่มน้ำอัดลมของโลก กำลังเตรียมตัวที่จะผลิตเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อ “โค้ก” ออกสู่ท้องตลาด ทำไม! โคคา โคลา ต้องเข้าไปเล่นในสมรภูมิเครื่องดื่มชูกำลัง วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะหาข้อมูลมานำเสนอให้ทราบกันครับ 

โคคา โคลา ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มน้ำอัดลมสหรัฐอเมริกา มีแผนที่จะเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อ “โค้ก” เป็นครั้งแรก หลังจากที่บริษัทกำลังที่จะเริ่มตีตัวออกห่างจากตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมมากขึ้น

v3

ภาพจาก ภาพจาก goo.gl/wbonUK , goo.gl/aLMFF7

ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า โคคา โคลา จะเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังแบบทั่วไปตามท้องตลาด หรือจะเป็นเครื่องดื่มชูกำลังแบบไร้น้ำตาล แต่รู้เพียงว่าเครื่องดื่มชูกำลังตัวใหม่ คาดว่าจะมีส่วนผสมเป็นคาเฟอีนที่ได้จากธรรมชาติ และสารสกัดจากเมล็ดกัวรานา

ซึ่งการรุกเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ โคคา โคลา กำลังเป็นข้อถกเถียงกันมาก ทั้งในตลาดสหรัฐอเมริกา และต่างประเทศ หลังจากที่มีเครื่องดื่มชูกำลังบางชนิด มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสียชีวิตของคนหนุ่มสาว

jj3

ภาพจาก goo.gl/t82Zdu

แต่ถึงอย่างไร นักวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ ได้มีการระบุว่า ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกหันมานิยมใช้จ่ายเงินไปกับเครื่องดื่มชูกำลัง มากกว่าเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม

จึงน่าจะเป็นเหตุผลทำให้ โคคา โคลา มีแผนที่จะทำการเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลัง และ โคคา โคลา เชื่อว่าแบรนด์ โค้ก น่าจะกลับมาขายได้ และได้รับความนิยมอีกเช่นเดิม

ทั้งนี้ หาก โคคา โคลา ทำการเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังจริงๆ ก็จะต้องแข่งขันโดยตรงกับมอนสเตอร์ เบฟเวอเรจ คอร์ป ที่โค้กถือหุ้น 18.5% และเมื่อปี 2558 กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอย่างมอนสเตอร์ฯ อีกด้วย

jj2

ภาพจาก goo.gl/zqop2G

ปัจจุบัน โคคา โคลา กับมอนสเตอร์ กำลังอยู่ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ เกี่ยวกับกรณีที่โคคา โคลา จะผลิตเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อโค้ก ซึ่งทางมอนสเตอร์ ระบุว่า อาจละเมิดข้อตกลงที่สองฝ่ายทำไว้เมื่อปี 2557

สมมติ โคคา โคลา สามารถเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังยี่โค้กได้เป็นผลสำเร็จ ก็เท่ากับว่า โคคา โคลา จะดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มเกือบทุกประเภทในท้องตลาด

เพราะล่าสุดได้ไปซื้อธุรกิจกาแฟในประเทศอังกฤษมูลค่ากว่า 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้าถึงตลาดธุรกิจกาแฟได้อย่างครบวงจร ทั้งจำหน่ายเครื่องกาแฟ ร้านกาแฟ on-the-go และกาแฟเย็น เป็นต้น

ส่องตลาดเครื่องดื่มชูกำลังต่างประเทศ

v5

ภาพจาก goo.gl/7xm3Hi

ในช่วงแรกเครื่องดื่มชูกำลังจะไม่ออกจำหน่ายในท้องตลาด แต่เครื่องดื่มชูกำลังเริ่มมีเป็นครั้งแรกในประเทศสก๊อตแลนด์ เมื่อปี พ.ศ. 2444 โดยบริษัทที่ชื่อ “ไอรัล-บลู” โดยผู้ที่คิดค้นคือ “ไอรัล บริว” ส่วนในประเทศญี่ปุ่นเริ่มมีเครื่องดื่มชูกำลังครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1960 โดยลิโพวิตันดี ซึ่งมีกำลังการผลิตมากที่สุดในขณะนั้น

โดยรสชาติมีความคล้ายคลึงกันกับเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้ออื่น ที่ผลิตในประเทศเดียวกัน และบรรจุอยู่ในขวดแก้วสีน้ำตาลขนาดเล็ก มีรูปร่างคล้ายขวดยา

v8

ภาพจาก goo.gl/DW28BW

ในประเทศอังกฤษ เครื่องดื่มชูกำลังเริ่มเข้ามาเมื่อปี 2472 ในช่วงแรกใช้เฉพาะในโรงพยาบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้กลับมาแข็งแรง แต่ในช่วงทศวรรษ 1980 จุดประสงค์ของการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังก็ถูกเปลี่ยนเป็น “ดื่มเพื่อชดเชยพลังงานที่เสียไป”

เครื่องดื่มชูกำลังออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1960 โดยการปรับปรุงรสชาติให้ดีขึ้นและการโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังโดยใช้นักกีฬาฟุตบอลคนหนึ่งซึ่งสังกัดทีมฟลอริดา โดยใช้ชื่อยี่ห้อว่า “เกตเตอเรท” โดยคราวนี้มีการปรับปรุงสูตรเพื่อให้สามารถรักษาพลังงานให้ยาวนานขึ้น

v6

ภาพจาก goo.gl/WSs3WJ

ในปี พ.ศ. 2528 โจท โคล่า เข้าสู่วงการเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้แผนการตลาดเชิงรุก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คนตื่นตัวหันมาซื้อผลิตภัณฑ์ของเขาให้มากขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 บริษัท เป๊ปซี่ ได้ส่ง “โจสต้า” เข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง โดยสิทธิ์ในการจำหน่ายเป็นของ บริษัท ยูเอส เบฟเวอร์เรจ

ในทวีปยุโรป เครื่องดื่มชูกำลังเริ่มต้นขึ้นโดยบริษัท เอส.สปิตส์ ออกจำหน่ายโดยใช้ชื่อทางการค้าว่า “เพาเวอร์ ฮอร์ส” (Power Horse) โดยก่อนที่จะเริ่มทำการจำหน่ายนั้น Dietrich Mateschitz ชาวออสเตรีย

ประกาศรับรองว่า “เรดบูลล์” (ซึ่งซื้อลิขสิทธิ์และดัดแปลงสูตรมาจากกระทิงแดง) เป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่มียอดขายมากที่สุดในโลก โดยนำเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2540 มีส่วนแบ่งการตลาด 47%

ปี พ.ศ. 2544 ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในสหรัฐฯ มียอดการจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังประมาณ 8 ล้านขวดต่อปี ในอีก 5 ปีต่อมา ยอดขายก็ได้เพิ่มขึ้นกว่า 50% ต่อปี รวมยอดขายเกินกว่า 3 พันล้านขวดในปีพ.ศ. 2548

v7

ภาพจาก goo.gl/APWvJW

ในขณะนั้นความนิยมของการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังก็เพิ่มเป็นสองเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องดื่มอื่นๆ ในประเภทเดียวกัน ทำให้ในปี พ.ศ. 2550 ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มมูลค่าเป็น 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางด้านโกลด์แมน ซัสค์

และมินเทลได้คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ. 2553 ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะเพิ่มมูลค่าเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป๊ปซี่, โคคา-โคล่า,โมลิสัน กลายเป็นบริษัทที่เข้าใกล้ความแตกต่างในวงการเครื่องดื่มชูกำลัง

เครื่องดื่มชูกำลังเป็นที่ดึงดูดความสนใจของเยาวชน ประมาณ 65% ของผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 13-35 ปี โดยที่ผู้ชายเป็นผู้ที่ดื่มมากกว่าประมาณ 65% ในปี พ.ศ. 2551

v9

ภาพจาก goo.gl/Bqtijf

ที่ผ่านมา ได้มีผลการสำรวจจากศูนย์สุขภาพแห่งรัฐเพนซิลเวเนีย พบว่า 20% ของบุคคลอายุ 21-30 ปี ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังในสถานศึกษา เพื่อเพิ่มสมรรถภาพในการเรียน ที่เหลืออีก 70% คิดว่าการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง เป็นการเพิ่มสมรรถภาพในการทำงาน

การเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ “โคคา โคล่า” ไม่ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะโคคา โคลา มีความตั้งใจ และเล็งเอาไว้ตั้งแต่ปี 2533 มาแล้ว เพราะตลาดเครื่องดื่มชูกำลังตอนนั้นบูมเอามาก แต่ถ้าโคคา โคลา เปิดตัวได้จริง เชื่อว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในเมืองไทย อาจจะต้องถูกท้าทายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ


คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

01

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ goo.gl/c2Gupx
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน goo.gl/GNxVE4

อ้างอิงข้อมูล
goo.gl/c8zivV , goo.gl/zRu6Fi

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช