ขายดี! ธุรกิจไส้เดือน รวยเป็นล้าน

ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำหรือเป็นข้าราชการส่วนใหญ่ก็มักจะมองหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง และหนึ่งในอาชีพที่บางคนอาจจะยังกล้าๆกลัวๆอย่างการเพาะเลี้ยงไส้เดือนที่เห็นยั้วเยี้ยๆแบบนั้น

แต่ว่ารายได้ไม่ธรรมดาคนที่ประสบความสำเร็จมีรายได้เกินกว่าหลักแสนบาทต่อเดือน www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่บางทีรายได้ดีกว่าการทำงานประจำด้วยซ้ำไป

เลี้ยงไส้เดือนแล้วมีรายได้อย่างไร

การเลี้ยงไส้เดือนนั้นมีผลผลิตหลายอย่างที่สามารถขายได้ เริ่มตั้งแต่

ธุรกิจไส้เดือน

ภาพจาก goo.gl/gwSGDj , goo.gl/3RrE4W

1.มูลไส้เดือน คุณสมบัติเทียบเท่ามูลค้างคาวใช้ได้กับพืชทุกชนิด ราคาจำหน่าย 20 -50บาท/กิโลกรัม คนที่ทำธุรกิจนี้และมีฐานลูกค้ามากแต่ละเดือนอาจขายมูลไส้เดือนสร้างรายได้เกินกว่าหลักหมื่นบาท

2.น้ำหมักมูลไส้เดือน ราคาขายตามขนาด ขวดเล็ก(600 ml) ราคา 10 บาท , ขวดใหญ่ (1,500ml) ราคา 20 บาท

3.ตัวไส้เดือน ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 500 บาท ส่วนใหญ่ลูกค้าจะนำไปเป็นอาหารสำหรับการเลี้ยงกบ นก กุ้งและปลา

ถ้ามีการเลี้ยงในปริมาณมากๆระยะเก็บผลผลิตคือ 45-60 วัน อาจได้มูลไส้เดือนสูงถึง 800 กก. ตัวไส้เดือนที่ขยายพันธุ์อีกกว่า 120ตัว/กะละมัง ช่วยสร้างรายได้ต่อเดือนเกินกว่า 30,000 บาทเลยทีเดียว

สายพันธุ์ของไส้เดือนที่เลี้ยงแล้วดีมี 3 สายพันธุ์คือ

j2

ภาพจาก goo.gl/rEzMx4

  1. พันธุ์ลัมบริคัสรูเบลลัส หรือคนไทยเรียกว่า ขี้ตาแร่ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สามารถพบได้ทั่วประเทศไทย พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่เลี้ยงง่าย กินเก่งโตไว และทนต่อสภาพแวดล้อม
  2. พันธุ์แอฟริกา เป็นไส้เดือนที่มีขนาดตัวที่ใหญ่เลี้ยงง่าย กำจัดขยะได้อย่างรวดเร็ว ส่วนมากแล้วพันธุ์นี้จะนิยมเลี้ยงเพื่อจำหน่ายให้เป็นอาหารสัตว์ หรือจะเลี้ยงเพื่อเอามูลไส้เดือนและน้ำหมักได้ได้เช่นกัน
  3. ไส้เดือนพันธุ์สีน้ำเงิน จุดเด่นของไส้เดือนประเภทนี้ก็คือโตเร็วทำให้ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและเลี้ยงง่ายด้วย

วิธีการเลี้ยงไส้เดือน

j5

ภาพจาก goo.gl/nRK8jz

1.เตรียมที่อยู่และอาหารของไส้เดือน โดยการนำมูลวัวไปแช่น้ำประมาณ 10-15 วัน แล้วตากให้แห้งเก็บใส่ถุงไว้

2.เตรียมอุปกรณ์เลี้ยง อาจเป็นกะละมัง หรืออาจจะใช้วงบ่อคอนกรีตแทน หรือใช้กระถางดินเผาที่เก็บความชื้นได้ดีและเย็น ซึ่งจะทำให้ได้ไส้เดือนตัวใหญ่

3.จากนั้นนำมูลวัวที่หมักแล้ว ใส่ลงในกะละมังให้มีความสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ทำหลุมเล็กๆ ตรงกลางกะละมัง เพื่อให้ไส้เดือนเลื้อยกระจายไปได้ทั่วกะละมังได้อย่างสะดวก รดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นนำไส้เดือนประมาณ 2-3 ขีด มาใส่ลงไป ที่สำคัญต้องใส่มูลไส้เดือนที่มีเป็นของเดิมลงไปด้วยเล็กน้อย รดน้ำให้ชุ่มอีกครั้ง

4.ให้นำกะละมังที่เลี้ยงไส้เดือนไปวางไว้ในที่ร่ม ที่อากาศถ่ายเทสะดวก และไม่ให้ไส้เดือนโดนแดดหรือโดนฝน นำเศษผักให้เป็นอาหารเสริมเช่น เปลือกกล้วย และที่สำคัญไส้เดือนชอบผลไม้รสหวาน เช่นแตงโม และมะละกอ

5.หลังจากเลี้ยงไส้เดือนไปประมาณ 1 เดือน ตรวจสอบดูมูลไส้เดือนเป็นเม็ดเล็ก นำไปร่อนเป็นปุ๋ยมูลไส้เดือนได้เลย ส่วนเวลารดน้ำให้ไส้เดือน น้ำที่ไหลออกมาจากภาชนะสามารถรองเก็บไว้เป็นปุ๋ยน้ำหมักของมูลไส้เดือนได้อีกด้วย

การเก็บเกี่ยวผลผลิตจากไส้เดือน

j7

ภาพจาก goo.gl/PdTzHM

หลังจากเลี้ยงไปประมาณ 45 ถึง 60 วันเราจะสังเกตเห็นได้ว่า ไส้เดือนจะมีการขยายพันธุ์ประมาณ 100 ถึง 120 ตัวต่อหนึ่งกะละมัง เราควรแยกไส้เดือนออกก่อน และนำดินที่อยู่ในกะละมังมาร่อนเพื่อเอามูลไส้เดือน

โดยหนึ่งกะละมังจะได้มูลไส้เดือนประมาณ 4 ถึง 5 กิโลกรัม แต่ถ้าเลี้ยงไว้ปริมาณมาก ๆ อาจจะได้สูงถึง 800 ถึง 900 กิโลกรัม โดยราคาขายของมูลไส้เดือนนั้นจะตกอยู่ที่ 20-50 บาทต่อกิโลกรัม

ปัจจุบันมีเกษตรกรที่เลี้ยงไส้เดือนอยู่เป็นจำนวนมากรวมถึงบางคนที่เป็นพนักงานประจำก็ยังสามารถเลี้ยงไส้เดือนเป็นอาชีพเสริมได้ คนที่ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงไส้เดือนนั้นมีรายได้ต่อเดือนกว่า 100,000 บาท ซึ่งถือว่าหากศึกษาวิธีเลี้ยงดีๆ หาประสบการณ์จากผู้ชำนาญการ และทดลองเลี้ยงไปเรื่อยๆ ไส้เดือนก็เป็นอาชีพสร้างเงินล้านได้ในเวลาไม่นานนัก

อ้างอิงจาก https://bit.ly/32HBNGd

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด