ทฤษฎีใหม่! 4 รูปแบบโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ ในปี 2023
การดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีแนวทางธุรกิจแตกต่างกัน หากคนที่ไม่รู้ว่าแฟรนไชส์ที่ตัวเองสนใจและกำลังดำเนินกิจการอยู่นั้นเป็นลักษณะแบบไหน อาจจะพลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้ธุรกิจแฟรนไชส์ที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
หากอยากรู้ว่าแฟนไชส์ที่สนใจเป็นแบบไหน และแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอให้ทราบ
1. Company Owned Company Operated (COCO) บริษัทเจ้าของแบรนด์เป็นเจ้าของร้าน และบริหารจัดการเอง
โมเดลธุรกิจที่บริษัทเจ้าของแบรนด์เป็นเจ้าของร้านและเป็นผู้บริหารจัดการเองทุกอย่าง ทั้งการลงทุน การบริหารจัดการร้าน การขยายสาขา การจ้างพนักงาน ผู้จัดการร้าน รวมถึงรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยบริษัทเจ้าของแบรนด์จะมีรายได้และผลกำไรแต่เพียงผู้เดียว และรับผิดชอบในกรณีกิจการร้านขาดทุนแต่เพียงผู้เดียวด้วย
สำหรับธุรกิจหรือร้านในรูปแบบดังกล่าว จะสามารถเปิดดำเนินการเพื่อเป็นร้านต้นแบบ เมื่อกิจการมีรายได้และผลกำไรดี ได้รับความนิยม สามรารถต่อยอดไปสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์และขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจกิจการหรือธุรกิจได้
ตัวอย่างร้านที่บริษัทเจ้าของแบรนด์เป็นเจ้าของและบริหารจัดการเอง ได้แก่ เอ็มเค สุกี้, บาร์บีคิว พลาซ่า, สุกี้ ตี๋น้อย, วราภรณ์ ซาลาเปา, ฮะจิบังราเมน, ร้านขนมหวาน เช็ง ซิม อี๊, มนต์นมสด, เคอรี่ เอ็กซ์เพรส, Sukiya (สุคิยะ), นิตยา ไก่ย่าง, บี-ควิก, Tiger Sugar Thailand, Brown Café, The Alley, KOI Thé, BEARHOUSE, Cha Tra Mue, Jones Salad ฯลฯ
2. Company Owned Franchise Operated (COFO) บริษัทเจ้าของแบรนด์เป็นเจ้าของร้าน แต่แฟรนไชส์ซีบริหารจัดการ
โมเดลธุรกิจที่บริษัทเจ้าของแบรนด์เป็นเจ้าของร้าน แต่แฟรนไชส์ซีเป็นผู้บริหารจัดการ โดยเบื้องต้นบริษัทเจ้าของแบรนด์จะเป็นผู้ริเริ่มทำธุรกิจและเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาสถานที่เปิดร้าน ค่ามัดจำเช่าสถานที่ ค่าวัตถุดิบ ค่าอุปกรณ์ ส่วนแฟรนไชส์จะดูแลในเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน การจ้างพนักงาน ค่าเช่าสถานที่ ค่าไฟ ค่าน้ำ ซึ่งบางธุรกิจบริษัทเจ้าของแบรนด์จะดูแลในเรื่องค่าเช่าสถานที่ หรือบางครั้งก็ให้แฟรนไชส์ซีเป็นผู้รับผิดชอบ
ข้อดีของรูปแบบแฟรนไชส์ดังกล่าว คือ แฟรนไชส์จะมีค่าใช้จ่ายน้อยในการเริ่มต้นทำธุรกิจ เพราะแฟรนไชส์ซอร์หรือบริษัทเจ้าของแบรนด์เป็นผู้ลงทุนให้ แต่ด้วยการลงทุนที่ต่ำจึงทำให้แฟรนไชส์ซีได้รับส่วนแบ่งรายได้และกำไรต่ำตามไปด้วย
โมเดลแฟรนไชส์รูปแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในกรณีบริษัทเจ้าของแบรนด์หรือแฟรนไชส์ซอร์ ไม่ต้องการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริการจัดการร้าน รวมถึงไม่มีระบบในเรื่องของการบริหารจัดการร้านและพนักงาน จึงมองหาแฟรนไชส์ซีที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยดูแลและบริการจัดการร้านแทนเหมือนกับเป็นผู้ประกอบการเอง แต่ถ้าแฟรนไชส์ซีบริการจัดการร้านไม่ดีก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของแบรนด์
ตัวอย่างโมเดลธุรกิจที่บริษัทเจ้าของแบรนด์เป็นเจ้าของร้าน แต่แฟรนไชส์ซีเป็นผู้บริหารจัดการ เช่น แฟรนไชส์ซี (ผู้รับเหมา) บริหารจัดการโรงอาหารในบริษัทหรือองค์กร โรงงาน โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ รวมถึงโครงการบ้านจัดสรรและคอนโด จะมีแฟรนไชส์ซี (นิติบุคคล) เข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการโครงการ และบริษัทรักษาความปลอดภัย (รปภ.)
3. Franchise Owned Company Operated (FOCO) แฟรนไชส์ซีเป็นเจ้าของร้าน แต่บริษัทเจ้าของแบรนด์บริหารจัดการ
โมเดลธุรกิจที่แฟรนไชส์ซีเป็นเจ้าของพื้นที่ เจ้าของสถานที่ ผู้ดูแลสถานที่ หรือเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และเป็นผู้ลงทุนในช่วงเริ่มต้น ส่วนบริษัทเจ้าของแบรนด์จะเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการหารดำเนินงานต่างๆ การก่อสร้างและติดตั้งร้าน ติดตั้งอุปกรณ์ ติดตั้งเครื่อง โดยแฟรนไชส์ซีหรือเจ้าของพื้นที่จะได้รับส่วนแบ่งกำไรผลการดำเนินกิจการจากบริษัทเจ้าของแบรนด์ แต่บางครั้งถ้าผลประกอบการหรือยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า แฟรนไชส์ซีก็จะได้รับส่วนแบ่งน้อยตามไปด้วย
ตัวอย่างโมเดลธุรกิจที่แฟรนไชส์ซีเป็นเจ้าของร้าน เป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่บริษัทเจ้าของแบรนด์เป็นผู้บริหารจัดการ เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับตู่จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ธุรกิจหยอดเหรียญ ตู้เติมเงิน ตู้กดน้ำ ตู้เอทีเอ็ม เครื่องซักผ้า ฯลฯ
สำหรับแบรนด์แฟรนไชส์ที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ FOCO เช่น ซันเวนดิ้ง โดยแฟรนไชส์ซีเจ้าของสถานที่จะเป็นผู้ลงทุนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 30 เครื่อง 600,000 บาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี ส่วนแบ่งจากกำไรการขายสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ สัดส่วนแฟรนไชส์ซีร้อยละ 65 และ SVT ร้อยละ 35
คาเฟ่ อัตโนมัติ 24 ชั่วโมง “เต่าบิน” เจ้าของพื้นที่ เช่น บริษัท โรงงาน โรงพยาบาล โรงแรม คอนโด มหาวิทยาลัย ฯ ทางเต่าบิน ไปขอติดตั้งและดูแลตู้ให้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ยอดขายขั้นต่ำ 85 แก้ว/วัน) โดยพื้นที่ต้องผ่านการประเมินจากบริษัท
4. Franchise Owned Franchise Operated (FOFO) แฟรนไชส์ซีเป็นเจ้าของร้าน และบริหารจัดการเอง
โมเดลธุรกิจที่แฟรนไชส์ซีเป็นเจ้าของร้านและบริหารจัดการร้านเอง โดยแฟรนไชส์ซีจะเป็นผู้จัดหาเงินทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยได้รับการถ่ายทอดรูปแบบและขั้นตอนการทำงานจากแฟรนไชส์ซอร์
ข้อดีก็คือแฟรนไชส์ซอร์มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนน้อย เพราะใช้เงินส่วนหนึ่งจากแฟรนไชส์ซี ส่วนยอดขายและผลกำไรรวมถึงขาดทุนจะเป็นของแฟรนไชส์ซี โดยแฟรนไชส์ซอร์จะได้รับส่วนแบ่งเล็กน้อยจากค่าแฟรนไชส์, ค่าสิทธิรายเดือน รวมถึงค่าสินค้าและวัตถุดิบบางส่วน โดยปัจจุบันธุรกิจแฟรนไชส์ทั่วโลกประมาณ 90% จะดำเนินกิจการในรูปแบบ FOFO
ตัวอย่างโมเดลธุรกิจที่แฟรนไชส์ซีเป็นเจ้าของร้านและบริหารจัดการร้านเอง เช่น ธุรกิจห้าดาว, เชสเตอร์ , บาจา , กาแฟพันธุ์ไทย, ออฟฟิศเมท, ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส และเซเว่นอีเลฟเว่น, มินิโซ ประเทศไทย, ถูกดี มีมาตรฐาน, สตาร์คอฟฟี่, อินทนิล, คาเฟ่ อเมซอน, ไฮพอร์ค, ไจแอ้นลูกชิ้นระเบิด, เคเอฟซี, แมคโดนัลด์ ฯลฯ
นั่นคือ 4 รูปแบบโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ในโลก ที่ได้รับความนิยมทั้งจากบริษัทเจ้าของแบรนด์ (แฟรนไชส์ซอร์) และผู้ขอรับสิทธิในการดำเนินกิจการ (แฟรนไชส์ซี)
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ข้อมูล https://bit.ly/3RZHHsY
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3yYQBQt
8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์
1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์
- กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
- ชื่อกิจการ (Brand)
- การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
- การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
- การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
- การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
- การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
- การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
- การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์
2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ
- ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
- ระบบการเงิน การบัญชี
- งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
- รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
- ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
- กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ
3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์
- ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
- แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
- สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
- เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
- มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
- มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
- ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
- แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี
4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์
- กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
- การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
- สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
- การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
- เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ
5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายแฟรนไชส์
- ระบบการเงิน
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
- การจดทะเบียนแฟรนไชส์
- เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
- ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
- การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
- แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
- การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
- การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า
6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น
7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
- พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
- ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
- การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
- เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
- จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์
- การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
- กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
- กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
- การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
- การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
- กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
- กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)