แจกสูตรน้ำชง 20 สูตร ทำง่ายขายเป็นรายได้เสริม!

อากาศเมืองไทยขึ้นชื่อเรื่องความร้อน ดังนั้น ธุรกิจเครื่องดื่ม จึงเป็นที่นิยมของผู้ลงทุนอย่างมาก แต่ด้วยความที่คู่แข่งในตลาดมีเยอะ การเปิดร้านขายเครื่องดื่มจึงมีความเสี่ยงสูง

ด้วยเหตุนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีสูตรการชงน้ำที่น่าสนใจมาให้ดู 20 สูตร เป็นพื้นฐานของร้านขายเครื่องดื่มที่ควรมี แต่หากใครคิดต่อยอดพัฒนาสูตรให้ดีขึ้น ก็ย่อมจะทำให้มีรายได้ที่ดีเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

แจกสูตรน้ำชง

และสำหรับทุกท่านที่กำลังมองหาแฟรนไชส์เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ สามารถเลือกดูรายละเอียดได้ตามเหมาะสมทาง www.ThaiFranchiseCenter.com หรือเลือกดูตามหมวดหมู่ได้ดังนี้เลย!!


1.กาแฟโบราณ

o1

ภาพจาก goo.gl/bti1SN

นอกจากกาแฟสดที่คนนิยมมาก กาแฟโบราณก็มีคนสนใจไม่น้อยเช่นกัน เสน่ห์ของกาแฟโบราณคือความเข้มข้น ประเภทที่เลือกได้ทั้งแบบหวานน้อย หวานมาก ใครที่คิดเปิดร้านกาแฟโดยเฉพาะแบบรถเข็นเมนูนี้ขาดไม่ได้เด็ดขาด

ส่วนผสม

  1. ผงโอเลี้ยง 5-6 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำ 1 ½ ถ้วย
  3. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
  4. นมข้นหวาน 9 ช้อนโต๊ะ
  5. นมข้นจืด
  6. น้ำแข็ง

วิธีทำ

  1. ต้มน้ำจนเดือด เตรียมไว้
  2. ใส่ผงโอเลี้ยงลงในถุงกาแฟ นำไปวางลงในเหยือก เทน้ำเดือดลงไป เขย่าถุงเล็กน้อยให้น้ำทั่วถึง พักไว้ 7-10 นาที
  3. ใส่น้ำตาลทรายลงในแก้ว ตามด้วยนมข้นหวาน เทโอเลี้ยงใส่ลงไป คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย
  4. เทใส่ลงในแก้วที่มีน้ำแข็งประมาณ 3/4 แก้ว แล้วเทนมข้นจืดลงไปจนเต็มแก้ว พร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

ต้นทุนประมาณ 10 บาท (ค่านม ค่าน้ำตาลทราย กาแฟ ค่าแก๊ส ค่าแก้ว ฯลฯ) ขายแก้วละ 15 มีกำไรแก้วละประมาณ 5 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


2.เอสเปรสโซ่เย็น

o2

ภาพจาก goo.gl/UfXiDN

กลุ่มกาแฟยอดฮิตต้องมีชื่อของเอสเพรสโซ่ ซึ่งมีรสชาติแบบละมุนที่เกิดจากส่วนผสมของนม ซึ่งรสชาติของเอสเพรสโซ่ขึ้นอยู่กับชนิดของกาแฟที่เอามาทำ ใครอยากเปิดร้านกาแฟสดต้องบรรจุเมนูนี้ไว้ในร้านด้วย

ส่วนผสม

  1. เอสเปรสโซ่กลั่น 3 ออนซ์
  2. นมข้นหวาน 1 ออนซ์
  3. นมข้นจืด 1 ออนซ์
  4. นมสดสำหรับทำฟองนม

วิธีทำ

  1. กลั่นกาแฟให้ได้ 3 ออนซ์ ถ้าไม่มีเครื่องทำกาแฟ ใช้กาแฟผง ประมาณ 2-3 ช้อนชา ชงกับน้ำร้อน 3 ออนซ์
  2. นำกาแฟเอสเปรสโซ่ ผสมกับนมข้นหวาน นมข้นจืด คนให้เข้ากันจนเกิดฟองอากาศ
  3. ตักน้ำแข็งใสแก้ว เทกาแฟเอสเปรสโซ่ลงในแก้ว เกือบเต็ม
  4. นำนมสดเย็นตีให้ขึ้นฟอง ตักฟองนมราดด้านบน

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

เอสเปรสโซ่ถุงละประมาณ 5 กก. ราคาประมาณ 360 บาท เอสเพรสโซ่ 1 แก้วใช้กาแฟประมาณ 10 กรัม ต้นทุนเฉลี่ยรวมวัตถุดิบอื่นๆ ประมาณ 10-15 บาท หากขายในราคา 25-30 กำไรประมาณ 15 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


3.มอคค่าเย็น

o3

ภาพจาก goo.gl/stMoJR

ใครที่ชอบกาแฟผสมผงโกโก้ ต้องสั่งมอคค่าที่ทำให้ได้รสชาติของกาแฟและโกโก้ไปพร้อมกัน สำหรับพนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่นิยมมอคค่าอย่างมาก ด้วยความละมุนที่ดื่มได้เพลินๆ ทำงานไปจิบไป ฟินดีเหลือเกิน

ส่วนผสม

  1. กาแฟ 2 ช้อนชา
  2. โกโก้ผง 1-2 ช้อนชา
  3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  4. นมข้นหวาน 50 ml.
  5. น้ำร้อน 125 ml.
  6. ครีมเทียม 1 ช้อนชา
  7. น้ำแข็ง
  8. นมสดสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

  1. นำกาแฟ ผงโกโก้ น้ำตาลทรายใส่ในแก้ว เติมน้ำร้อนคนจนละลายให้หมด
  2. เติมนมข้นหวาน คนให้เข้ากัน ตามด้วยครีมเทียม
  3. เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง โรยหน้าด้วยนมสด

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

ต้นทุนโดยรวมคล้ายกับเอสเปรสโซ่เย็น อาจเพิ่มสัดส่วนต้นทุนจากผงโกโก้ แต่ต้นทุนเฉลี่ยก็ยังอยู่ประมาณ 10-15 บาท กำไรต่อแก้วประมาณ 15 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและการตั้งราคาขาย

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


4.ลาเต้

o4

ภาพจาก goo.gl/ok3hVf

ในเรื่องของความฮิตเมนูสายกาแฟ ลาเต้น่าจะติดอันดับต้นๆ  เสน่ห์ของลาเต้คือรสชาติจากนมที่เป็นวัตถุดิบสำคัญตัดกับรสชาติกาแฟที่ทำให้ดื่มง่าย เพลินได้ตลอดทั้งวัน เป็นเมนูสำคัญที่ใครอยากเปิดร้านกาแฟต้องฝึกทำไว้ให้ชำนาญ

ส่วนผสม

  1. ผงกาแฟ
  2. น้ำร้อน
  3. นมข้นหวาน 30 ml.
  4. นมสด 2 ออนซ์
  5. น้ำแข็ง

วิธีทำ

  1. ชงผงกาแฟกับน้ำร้อนให้ได้ 2 ออนซ์
  2. เติมนมข้นหวานและนมสด คนให้เข้ากัน
  3. ตักน้ำแข็งใส่แก้วให้เต็ม
  4. เทส่วนผสมที่ชงลงในแก้วพร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

ต้นทุนโดยรวมคล้ายกับเอสเปรสโซ่เย็น และมอคค่าอาจเพิ่มสัดส่วนต้นทุนจากนมสด แต่ต้นทุนเฉลี่ยก็ยังอยู่ประมาณ 10-15 บาท กำไรต่อแก้วประมาณ 15 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและการตั้งราคาขาย


5.ชาเขียวนมสด

o5

ภาพจาก goo.gl/F2BvzG

คนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟก็จะหันมาใช้บริการของชาเขียวนมสด ที่บางคนดื่มเป็นประจำทุกวัน ด้วยเชื่อว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าการดื่มกาแฟ  บางร้านชงแบบรสชาติเข้มข้นยิ่งกินยิ่งมัน ทำงานไปจิบไป กินได้ทุกวันไม่มีเบื่อ

ส่วนผสม

  1. ผงชาเขียว 4 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำร้อน 750 ml.
  3. นมข้นหวาน
  4. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  5. นมสด
  6. วิปปิ้งครีม
  7. น้ำแข็ง

วิธีทำ

  1. นำผงชาเขียวใส่ในถุงกรองชา แช่ในน้ำร้อน ประมาณ 3-5 นาที จะเหลือน้ำชาประมาณ 600 ml.
  2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลาย
  3. เติมนมข้นหวานตามใจชอบ คนให้เข้ากัน
  4. ตักน้ำแข็งใส่แก้ว ให้ล้นแก้วนิดหน่อย
  5. ใส่นมสดลงไป 2/3 แก้ว หรือตามใจชอบ
  6. เทน้ำชาเขียวลงไป
  7. บีบวิปปิ้งครีมตกแต่ง

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

ชาเขียวแบบพรีเมี่ยมราคาประมาณ 350 บาท/ กิโลกรัม ชง 1 ครั้งใช้ใบชา 15 กรัม ใน 1 กก.ชงได้ประมาณ 66 แก้ว รวมกับวัตถุดิบอื่นๆต้นทุนต่อแก้วประมาณ 10-12 บาท หากขายแก้วละ 25-30 บาทก็มีกำไรต่อแก้วประมาณ15-20 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


6.ชาเขียวน้ำผึ้งมะนาว

o6

ภาพจาก goo.gl/GtwL5x

นอกจากชาเขียวนมสด เดี๋ยวนี้ก็มีชาเขียวน้ำผึ้งมะนาวมาเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ข้อดีของเมนูนี้คือรสชาติที่กลมกล่อมแตกต่างทั้งกลิ่นหอมของชาเขียว รสเปรี้ยวนิดๆของมะนาว บวกกับความหวานจากน้ำผึ้ง กินแล้วชุ่มคอดีแท้

ส่วนผสม

  1. ผงชาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำร้อน 250 ml.
  3. น้ำผึ้ง 30-50 ml.
  4. น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา
  5. น้ำมะนาว
  6. เกลือเล็กน้อย

วิธีทำ

  1. นำผงชาเขียวใส่ลงในถุงกรองแช่น้ำร้อน 3-5 นาที ยกถุงชาออก
  2. เติมน้ำตาลทราย น้ำผึ้ง คนให้ละลาย
  3. เติมเกลือนิดหน่อย พร้อมน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน
  4. ตักน้ำแข็งลงในแก้ว 16 ออนซ์
  5. เทน้ำชาเขียวน้ำผึ้งมะนาวลงในแก้ว ใช้ช้อนคนให้เข้ากับน้ำแข็ง

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

ชาเขียวแบบพรีเมี่ยมราคาประมาณ 350 บาท/ กิโลกรัม ชง 1 ครั้งใช้ใบชา 15 กรัม ใน 1 กก.ชงได้ประมาณ 66 แก้ว รวมกับวัตถุดิบอื่นๆต้นทุนต่อแก้วประมาณ 10-12 บาท หากขายแก้วละ 25-30 บาทก็มีกำไรต่อแก้วประมาณ15-20 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


7.ชาเย็น

o7

ภาพจาก goo.gl/xNFW1S

เมนูเครื่องดื่มยอดฮิตที่ฮิตไม่แพ้กาแฟซึ่งชาเย็นนั้นสามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย  บางร้านมีการใส่นมจืดในปริมาณมาก ทำให้เมนูดูน่าสนใจขึ้นอีกมาก เราสามารถกำหนดความหวานได้ตามต้องการด้วย

ส่วนผสม

  1. ผงชาไทย 5 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำต้มเดือด 2 ½ ถ้วย
  3. น้ำตาลทราย 1 ½ ถ้วย
  4. นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
  5. นมข้นจืดสำหรับโรยหน้า
  6. น้ำแข็ง
  7. ถุงกรองชา

วิธีทำ

  1. ใส่ผงชาไทยในถุงกรองชา จากนั้นเทน้ำร้อนใส่ เขย่าถุงกรองชาไปมาเพื่อให้ใบชาโดนน้ำแล้วพักไว้ 15 นาที
  2. ใส่น้ำตาลทรายและนมข้นหวานลงในแก้วผสม เตรียมไว้
  3. ครบ 15 นาที ยกขึ้นแล้วเทน้ำชาไทยที่กรองใส่ในน้ำตาลทรายคนให้เข้ากันจนละลาย พักทิ้งไว้ 5-10 นาที
  4. ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เทชาไทยลงไปประมาณ 3/4 ส่วน ราดนมข้นจืดลงไป พร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญคือ ชา ส่วนใหญ่บรรจุถุงมาประมาณ 400 กรัม ใช้ชงได้หลายครั้งต้นทุนเฉลี่ยต่อแก้วประมาณ 10 บาท ราคาขายประมาณ 20-30 บาทกำไรประมาณ 10-20 บาท/แก้ว

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


8.โอเลี้ยง

o8

ภาพจาก goo.gl/ERc3VD

เมนูเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมแต่ยังคงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ตั้งแต่สมัยที่ยังมีการเปิดร้านกาแฟตามร้านค้าปลีก มาถึงเดี๋ยวนี้ที่ร้านกาแฟยกระดับขึ้นมาเป็นแบบพรีเมี่ยมมากขึ้นแต่โอเลี้ยงก็ยังเป็นเมนูที่ทุกร้านต้องมี

ส่วนผสม

  1. ผงโอเลี้ยง 5-6 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำเปล่า 1 ½ ถ้วย
  3. น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำแข็ง

วิธีทำ

  1. ต้มน้ำเปล่าจนเดือด เตรียมไว้
  2. ใส่ผงโอเลี้ยงลงในถุงกาแฟ วางลงในเหยือกสเตนเลส เทน้ำเดือดลงไป เขย่าให้น้ำทั่วถึงพักทิ้งไว้ 7-10 นาที
  3. ใส่น้ำตาลทรายลงตามชอบ เทโอเลี้ยงตามลงไปคนผสมให้น้ำตาลทรายละลาย เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งจนเต็ม

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญคือผงกาแฟโบราณ (โอเลี้ยง) ขายเป็นซองประมาณ 400 กรัม ต้นทุนเมื่อรวมกับวัตถุดิบอื่นๆ ประมาณ 10 บาท โอเลี้ยงส่วนใหญ่ขายแก้วละ 15-20 กำไรต่อแก้วก็ประมาณ 5-10 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


9.ยกล้อ

o10

ภาพจาก goo.gl/8pkS7J

ต่อยอดจากโอเลี้ยงก็คือโอเลี้ยงยกล้อที่ผสมนมข้มจืดเข้าไป ซึ่งก็ถือเป็นเมนูดั้งเดิมอีกเช่นกัน โดยเฉพาะคนวัยกลางคนทั่วไป จะนิยมเมนูนี้มาก ใครที่จะเปิดร้านกาแฟในตลาดก็ต้องไม่พลาดที่จะมีเมนูนี้ไว้ด้วยเช่นกัน

ส่วนผสม

  1. ผงโอเลี้ยง 5-6 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำเปล่า 1 ½ ถ้วย
  3. น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำแข็ง
  5. นมข้นจืด

วิธีทำ 

  1. ต้มน้ำเปล่าจนเดือด เตรียมไว้
  2. ใส่ผงโอเลี้ยงลงในถุงกาแฟ วางลงในเหยือกสเตนเลส เทน้ำเดือดลงไป เขย่าให้น้ำทั่วถึงพักทิ้งไว้ 7-10 นาที
  3. ใส่น้ำตาลทรายลงตามชอบ เทโอเลี้ยงตามลงไปคนผสมให้น้ำตาลทรายละลาย เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งจนเต็ม แล้ว
    เทนมข้นจืดลงไปจนเต็มแก้ว

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

คล้ายกับโอเลี้ยงแต่เพิ่มต้นทุนนมสดเข้าไป ต้นทุนรวม ประมาณ 10 บาท โอเลี้ยงส่วนใหญ่ขายแก้วละ 15-20 กำไรต่อแก้วก็ประมาณ 5-10 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


10.นมเย็น

o9

ภาพจาก goo.gl/z5cioW

สายสุขภาพและเด็กๆอาจจะเหมาะกับนมเย็นที่มาพร้อมสีชมพูดูน่ากิน  เราสามารถกำหนดความหวานของเมนูนี้ได้ตามต้องการ เป็นเมนูที่ขายดีตามหน้าโรงเรียนเป็นอย่างมาก

ส่วนผสม

  1. น้ำสะอาด
  2. น้ำหวานเฮลบลูบอยสีแดง
  3. น้ำตาลทราย
  4. นมข้นหวาน
  5. น้ำแข็ง

วิธีทำ

  1. เทน้ำหวานเฮลบลูบอยใส่แก้ว ตามด้วยน้ำสะอาด คนให้เข้ากัน
  2. เทนมข้นหวานลงไปกะความหวานตามใจต้องการ
  3. อาจเติมน้ำตาลทรายลงไปเล็กน้อย
  4. คนให้เข้ากันเทลงแก้วที่มีน้ำแข็งพร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญคือน้ำหวานเฮลบลูบอยราคาขวดละประมาณ 43 บาท 1 ขวดสามารถใช้ชงได้หลายแก้ว เฉลี่ยต้นทุนต่อแก้วประมาณ10 บาท ส่วนใหญ่ขายแก้วละ 15 บาทมีกำไรต่อแก้วประมาณ 5 บาทเป็นอย่างน้อย

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


11.นมสดเย็น

o11

ภาพจาก goo.gl/F5fF61

เมนูนมสดปัจจุบันได้รับความสนใจอย่างมากโดยเฉพาะเมื่อเทรนด์สุขภาพมาแรง มีแฟรนไชส์มากมายที่เปิดธุรกิจเครื่องดื่มจากนมสด ให้เราสามารถเลือกลงทุนได้ตามต้องการ และเป็นเมนูที่ทำกำไรได้ดีมาก

ส่วนผสม

  1. น้ำสะอาด
  2. นมวัวสด
  3. นมข้นหวาน
  4. น้ำแข็ง

วิธีทำ

  1. นำนมวัวสดผสมกับน้ำสะอาดคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  2. หากต้องการเพิ่มความหวานใส่นมข้นเล็กน้อย คนให้เข้ากัน
  3. เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งพร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร (ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญคือนมสด หากซื้อขนาด 2000 มล. ราคาประมาณ 91 บาท แต่สามารถใช้ชงได้หลายแก้วและวัตถุดิบประกอบก็ไม่มากต้นทุนต่อแก้วประมาณ 5-10 บาท กำไรต่อแก้วประมาณ 5-10 บาทเช่นกัน

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


12.ชาดำเย็น

o12

ภาพจาก goo.gl/GcM6Fn

เสน่ห์ของชาดำเย็นอยู่ที่ความเข้มข้น ใครที่อยากกระตุ้นตัวเองให้ตาสว่าง ชาดำเย็นเป็นตัวเลือกที่ดี เราสามารถเลือกระดับความหวานได้ตามต้องการ เป็นเมนูที่ต้องมีในร้านกาแฟทั้งหลายเช่นกัน

ส่วนผสม

  1. น้ำสะอาด
  2. ผงชาดำ
  3. น้ำตาลทรายแดง
  4. น้ำแข็ง

วิธีทำ

  1. นำผงชาดำใส่ในถุงชา นำน้ำร้อนมาราดในถุงชา ให้น้ำชาดำไหลลงในแก้วที่เตรียมไว้
  2. เพิ่มความหวานด้วยการเติมน้ำตาลทรายแดงลงไปเช็คความหวานตามต้องการ
  3. ใส่น้ำแก้วที่มีน้ำแข็งเตรียมไว้พร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร(ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญคือ ชา ส่วนใหญ่บรรจุถุงมาประมาณ 400 กรัม ใช้ชงได้หลายครั้งต้นทุนเฉลี่ยต่อแก้วประมาณ 10 บาท ราคาขายประมาณ 20-30 บาทกำไรประมาณ 10-20 บาท/แก้ว

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


13.น้ำเก็กฮวย

o13

ภาพจาก goo.gl/fQ5N45

แตกไลน์ออกมาสำหรับน้ำเก็กฮวยที่แม้จะไม่ได้บรรจุอยู่ในเมนูร้านกาแฟทั่วไปแต่ก็เป็นน้ำเพื่อสุขภาพตัวจริงเสียงจริงที่ขายดีตามหน้าโรงเรียนหรือตามตลาดนัด และมีต้นทุนไม่แพง กำไรก็ดีด้วย

ส่วนผสม

  1. ดอกเก๊กฮวยแห้ง
  2. น้ำต้มเดือด
  3. น้ำตาลทรายขาว
  4. ใบเตยหอม

วิธีทำ

  1. นำดอกเก๊กฮวยแห้งใส่หม้อต้มให้เดือดใช้ไฟแรงพอตัว ก่อนหน้าที่จะต้มให้ใส่ใบเตยหอมลงไป
  2. เดือดได้ที่กรองเอาน้ำเก๊กฮวยออกมาแล้วเติมน้ำตาลทรายขาวให้ความหวานตามต้องการ
  3. ต้มต่อให้เดือดได้ที่ แล้วนำมาพักให้เย็น ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้พร้อมตักขายต่อไป

ต้นทุน-กำไร(ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญผงเก็กฮวย มีหลายแบบให้เลือกทั้งพรีเมี่ยมและไม่พรีเมี่ยม ราคาเฉลี่ยประมาณ 110 บาท (450 กรัม) รวมกับวัตถุดิบอื่นๆ ต้นทุนประมาณ 5 บาท หากขายแก้วละ 10 บาทกำไรประมาณ 5 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


14.น้ำกระเจี๊ยบ

o14

ภาพจาก goo.gl/Yg3kaa

ใครที่อยากเปิดร้านน้ำเพื่อสุขภาพต้องมีน้ำกระเจี๊ยบเป็นตัวเลือก ซึ่งเราต้องมีเทคนิคในการทำที่ให้ได้น้ำกระเจี๊ยบรสชาติอร่อยแบบไม่เปรี้ยวเกินไป ซึ่งน้ำกระเจี๊ยบมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ

ส่วนผสม

  1. ดอกกระเจี๊ยบแบบแห้งหรือสดก็ได้
  2. น้ำตาลทรายแดง
  3. หม้อต้มน้ำ

วิธีทำ

  1. นำน้ำสะอาดใส่หม้อต้ม นำดอกกระเจี๊ยบแห้งหรือสดใส่ลงไปเติมเกลือเล็กน้อย
  2. ต้มให้เดือดโดยใช้ไฟแรงพอประมาณ สังเกตว่าน้ำเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดง เริ่มใส่น้ำตาลลงไป
  3. ต้มต่อจนเดือดและคอยชิมอย่าให้รสชาติหนักหวานหรือเปรี้ยวเกินไป เมื่อรสชาติได้ที่กรองกากออก
  4. นำน้ำกระเจี๊ยบที่ต้มมาใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ เตรียมตักขายเป็นแก้วต่อไป

ต้นทุน-กำไร(ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญกระเจี๊ยบบดผงมีหลายราคาตั้งแต่ 100-300 บาท 1 ห่อสามารถชงได้หลายแก้วเมื่อรวมกับวัตถุดิบอื่นๆต้นทุนประมาณ 5 บาท หากขายแก้วละ 10 บาทกำไรประมาณ 5 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


15.เฉาก๊วยโกโก้

o15

ภาพจาก goo.gl/tkfj32

เป็นการผสมผสานระหว่าโกโก้และเฉาก๊วย เป็นอีกเมนู DIY ที่ฮิตในยุคนี้ บางร้านมีบริการปั่นให้สามารถรับประทานได้อย่างอร่อยมากยิ่งขึ้น  และเช่นกันปัจจุบันมีแฟรนไชส์ดีๆมากมายที่พัฒนาเมนูนี้เป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจตัวเองด้วย

ส่วนผสม

  1. ผงโกโก้ 1 – 2 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำร้อน 75 ml.
  3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  4. นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
  5. นมสด
  6. เฉาก๊วยหั่นเต๋า

วิธีทำ

  1. ผงโกโก้และน้ำตาลทรายใส่แก้ว เติมน้ำร้อน คนให้ละลาย ใส่นมข้นหวาน คนอีกครั้งให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็น
  2. ตักน้ำแข็งใส่แก้ว เทส่วนผสมโกโก้เทลงไปในแก้วและค่อยๆเทนมสดลงไป
  3. ตักเฉาก๊วยวางด้านบนแก้ว อาจใส่น้ำตาลทรายแดงเพิ่มด้วยก็ได้

ต้นทุน-กำไร(ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญผงโกโก้กับเฉาก๊วย ราคาเฉาก๊วย 1 กก.ประมาณ 32 บาท ต้นทุนโดยรวมประมาณ 10-15 บาท แต่เมนูนี้พิเศษที่ใส่เฉาก๊วย อัพราคาขายได้มากขึ้นตั้งแต่ 25-30 บาท กำไรต่อแก้วประมาณ 10-15 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


16.โอวัลตินภูเขาไฟ

o16

ภาพจาก goo.gl/7zyBSJ

เป็นเมนูที่คิดต่อยอดจากโอวัลตินทั่วไปด้วยการใช้ผงโอวัลตินมากขึ้น กลายเป็นโอวัลตินภูเขาไฟ แม้รสชาติจะไม่ได้แตกต่างแต่รูปลักษณ์ที่น่าสนใจก็ทำให้เป็นเมนูยอดฮิตที่เด็กนิยมมาก

ส่วนผสม

  1. นมสด 1 กล่อง
  2. ผงโอวัลติน
  3. นมข้นหวาน
  4. ช็อคโกแลตซอส
  5. โอรีโอ้

วิธีทำ

  1. นำนมกล่องไปแช่ตู้เย็นในช่องฟรีซจนแข็ง
  2. ใช้ช้อนส้อมหรือมีดขูดนมให้เป็นฝอยกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง จนหมด
  3. เทช็อคโกแลตซอส ลงก้นแก้ว ตักส่วนของนมลงใส่ครึ่งแก้วแล้วใส่นมข้นหวาน ตักนมที่เหลือใส่เพิ่มจนหมด
  4. ทุบโอริโอ้พอแหลก โรยบนส่วนของนม ราดด้วยซอสช็อคโกแลตอีกครั้ง
  5. ตักผงโอวัลตินลงไป ราดด้วยนมข้นหวาน ตกแต่งด้วยคิดแคท พร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร(ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญโอวัลติน ห่อ 750 กรัมประมาณ 100 บาท สามารถใช้ได้หลายครั้ง ราคาต้นทุนต่อแก้วเฉลี่ย 10-15 บาท ขายอัพราคาได้ตั้งแต่ 25-30 บาท กำไรต่อแก้วประมาณ 10-15 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


17.นมเย็นอัญชัน

o17

ภาพจาก goo.gl/9ynJq7

เป็นน้ำเพื่อสุขภาพที่ผสมระหว่างนมเย็นและดอกอัญชันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ที่นอกเหนือจากความอร่อย และในยุคที่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาแรงเมนูนี้ก็น่าสนใจมากขึ้นด้วย

ส่วนผสม

  1. น้ำดอกอัญชัน 1 ถ้วยตวง (ผสมดอกอัญชัน 10-15 ดอก)
  2. นมสด ½ ถ้วยตวง
  3. นมข้นหวาน 4 ช้อนโต๊ะ
  4. นมข้นจืด หรือ ฟองนม

วิธีทำ

  1. ต้มดอกอัญชันจนเดือดและน้ำเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม ยกลงกรองเอาเฉพาะน้ำ
  2. ใส่นมสดและนมข้นหวานลงในน้ำอัญชัน คนให้เข้ากัน
  3. ตักน้ำแข็งใส่แก้ว รินนมอัญชันลงไป แล้วราดด้วยนมข้นจืด

ต้นทุน-กำไร(ต่อแก้ว)

ต้นทุนที่เพิ่มมาคือการใช้ดอกอัญชัญแห้ง ราคาในตลาดอัญชัญแห้งครึ่งกิโลกรัมราคาประมาณ 250 บาทหรือหากเรามีแหล่งที่ราคาถูกต้นทุนก็จะถูกลง เมนูนี้กำไรต่อแก้วประมาณ 10-15 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


18.น้ำผึ้งมะนาวโซดา

o18

ภาพจาก goo.gl/goS8BZ

เป็นเครื่องดื่มที่กินได้ไม่มีเบื่อ เสน่ห์ของน้ำผึ้งมะนาวโซดาคือความหวานจากน้ำผึ้งบวกกับความซ่าจากโซดาและความเปรี้ยวจากมะนาว เป็นรสชาติที่ผสมผสานอย่างลงตัว ยิ่งกินยิ่งเพลิน

ส่วนผสม

  1. น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำมะนาว ½ ลูก
  3. โซดาแช่เย็นจัด

วิธีทำ

  1. ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวให้ละลายเข้ากัน เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง
  2. ตามด้วยโซดาแช่เย็นจนเต็มแก้ว แต่งด้วยมะนาวฝานและใบสะระแหน่ พร้อมดื่ม

ต้นทุน-กำไร(ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญคือน้ำผึ้ง ส่วนใหญ่ขวดละประมาณ 250 บาท (เกรดคุณภาพ) ส่วนมะนาวราคาลูกละประมาณ 1 บาท ใน 1 แก้วใช้มะนาวประมาณ 2 ลูก (ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในลูกมะนาว) ต้นทุนรวมประมาณ 10 บาทราคาขายตั้งแต่ 20-25 บาท กำไรที่ได้ต่อแก้ว ประมาณ 10-15 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


19.น้ำแดง/น้ำเขียวผสมโซดา

o19

ภาพจาก goo.gl/BPN8yr

เมนูยอดฮิตของคุณหนูๆทั้งหลายด้วยสีสันของสีเขียว สีแดงจากน้ำหวานผสมผสานกับความซ่าจากโซดา เป็นเมนูขายดีที่เห็นได้ตามหน้าโรงเรียนหรือตามลานกิจกรรมต่างๆ ที่สำคัญทำง่ายวิธีการไม่ยุ่งยากด้วย

ส่วนผสม

  1. น้ำหวานเฮลบลูบอยสีแดงหรือ สีเขียว
  2. โซดาเย็นจัด

วิธีทำ

  1. เทน้ำหวานเฮลบลูบอยใส่แก้วคะเนความหวานตามต้องการ
  2. เทโซดาเย็นจัดใส่ตามลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร(ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญคือน้ำหวานเฮลบลูบอยราคาประมาณ 43 บาท 1 ขวดใช้ชงได้หลายแก้ว ต้นทุนต่อแก้วประมาณ 5 บาท ขายแก้วละ 15 บาทกำไรประมาณ 10 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*


20.แตงโมมะนาวโซดา

o20

ภาพจาก goo.gl/4XgeXW

เป็นการผสมผสานเอาแตงโมมาทำเป็นเครื่องดื่มที่อัพราคาได้มากขึ้น แต่งรสชาติด้วยมะนาวเพิ่มความซ่าด้วยโซดา เป็นเมนูเครื่องดื่มที่น่าสนใจที่ใครหลายคนเคยได้ลองต้องติดใจ

ส่วนผสม

  1. เนื้อแตงโมแกะเม็ด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
  2. โซดาแช่เย็นจัด 2 ถ้วย
  3. น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
  4. น้ำ ¼ ถ้วย
  5. น้ำมะนาวคั้น ¼ ถ้วย (จากมะนาว 2 ลูก)
  6. เปลือกมะนาว 1 ลูก

วิธีทำ

  1. ใส่น้ำตาลทราย น้ำ น้ำมะนาวคั้น และเปลือกมะนาวลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย
    ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
  2. ใส่เนื้อแตงโมลงปั่นในเครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด เทใส่เหยือก เติมน้ำเชื่อมมะนาว และโซดา คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เทใส่แก้ว เติมน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ

ต้นทุน-กำไร(ต่อแก้ว)

ต้นทุนสำคัญคือแตงโม หากเป็นไซด์ใหญ่ขายราคากิโลกรัมละ 9 บาท แตงโม 1 ลูกหนักประมาณ2 กิโลกรัม (18 บาท) แตงโม 1 ลูกใช้ทำเครื่องดื่มได้หลายแก้ว รวมกับมะนาวราคาลูกละประมาณ 1 บาท ต้นทุนเฉลี่ยของเครื่องดื่มนี้ประมาณ 10 บาทต่อแก้ว แต่สามารถอัพราคาขายได้ถึง 25-30 กำไรต่อแก้วประมาณ 15-20 บาท

*การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับรูปแบบร้าน ทำเล ค่าเช่า ซึ่งมีผลโดยต่อกำไรที่อาจเปลี่ยนแปลงได้*

ทั้ง 20 สูตรที่ยกมาให้ดูนี้มีทั้งที่เป็นสูตรมาตรฐานและสูตรที่พลิกแพลงดัดแปลงใหม่ ซึ่งในการเปิดร้านขายน้ำเราควรมีการพัฒนาเมนูใหม่ๆอย่างต่อเนื่องและมีกลยุทธ์การขายที่ดีร่วมด้วยจะทำให้ขายดีมีกำไรมากขึ้น


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

TFC2022-1

TFC2022-2

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก https://bit.ly/2EA5xrF

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด