แฟรนไชส์ร้านอาหารบุฟเฟต์ Golden Corral กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ 400 สาขาในอเมริกา
Golden Corral คือหนึ่งใน แฟรนไชส์ร้านอาหารบุฟเฟต์ ในสหรัฐอเมริกา ถือกำเนิดมาตั้งแต่ช่วงปี 1970 โดยครอบครัว Harpaul เปิดสาขาแรก 3 มกราคม 1973 ที่เมือง Fayetteville, North Carolina ซึ่งตั้งชื่อว่า “Golden Corral Family Steak House”
ในยุคแรกทางร้านเน้นเสิร์ฟสไตล์สเต๊กเฮาส์แบบมีบริการที่โต๊ะ และมีเมนูเน้นสเต๊กเป็นหลัก หลังจากนั้น Golden Corral ได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นร้านบุฟเฟต์ใหญ่ขึ้น มีพื้นที่เหมาะกับตลาดเมืองใหญ่ (เมโทร มาร์เก็ตส์) โดยมีร้านขนาดประมาณ 10,000 ตร.ฟุต รองรับลูกค้าได้ ราวๆ400–450 ราย
ในปี 1987 ขยายสาขาได้มากถึง 500 แห่ง และเริ่มการขยายแฟรนไชส์อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 1991–1993 โดยเริ่มจากให้สิทธิ์แฟรนไชส์กับผู้จัดการร้าน และในปี 1992 ได้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์รายใหม่ถึง 102 แห่งในปีเดียว
Golden Corral เน้นจุดขายที่ “คุ้มค่า” และ “อิ่มไม่อั้น” แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รูปแบบบุฟเฟต์จะถูกมองว่าเชย และเสี่ยงต่อสุขอนามัย แต่ทางร้านอาหารบุฟเฟต์ Golden Corral กลับปรับตัวและพลิกฟื้นสถานการณ์ได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะหลังเผชิญวิกฤตการณ์โควิด-19 ต้องสาขาและพักงานพนักงาน ซึ่งทำให้ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน
จุดเปลี่ยนสำคัญในยุคโควิด-19

Golden Corral ได้รับผลกระทบอย่างหนักเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส เนื่องจากธุรกิจบุฟเฟต์ไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบบริการเป็นเดลิเวอรีได้ง่ายนัก บริษัทต้องปิดร้านของตัวเองทั้งหมดและปลดพนักงานกว่า 2,000 คน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนกลยุทธ์มาให้บริการแบบ family-style table service ชั่วคราวช่วยประคองธุรกิจให้ดำเนินต่อได้
กลยุทธ์การปรับตัวหลังโควิด-19

1.ปรับขนาดร้านและโมเดลธุรกิจใหม่
- ลดขนาดร้านจากเดิมกว่า 12,000 ตารางฟุต มาเป็นร้านขนาด 3,500-4,000 ตารางฟุต พร้อมบริการ drive-thru และเมนูที่คัดสรรเป็นอย่างดี
- เปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อ Homeward Kitchen เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการอาหารสะดวก รวดเร็ว
2.ลงทุนด้านเทคโนโลยี
- ปรับระบบการจัดการภายใน เช่น การตรวจสอบสาขา การเก็บข้อมูลลูกค้า และการประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแทนระบบจดบันทึกบนกระดาษ
- แต่งตั้ง Chief Information Officer เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี

3.ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ
เพิ่มความแข็งแกร่งด้าน Social Media Marketing และเน้นการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าหลากหลาย เช่น กลุ่มชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และลาติน
พัฒนาเว็บไซต์ และทำคอนเทนต์ไวรัลเพื่อเข้าถึงลูกค้ารุ่นใหม่
4.สร้างประสบการณ์ลูกค้า
- ร่วมมือกับ Service Management Group (SMG) เพื่อนำระบบ Feedback Management เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
- ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์โดยอิงจากข้อมูลจริงของลูกค้าและการดำเนินงาน

5.ดูแลพนักงานและแฟรนไชส์
- สร้างวัฒนธรรม “People-First” โดยเพิ่มสวัสดิการ และให้ความสำคัญกับการรักษาบุคลากร
- จัดทำ Franchise Incentive Program เพื่อช่วยลดต้นทุนและสนับสนุนผู้ประกอบการแฟรนไชส์
6.ทำการตลาดเน้นโซเชียลมีเดีย
- ใช้ TikTok และ Instagram สร้างความบันเทิงผ่านวิดีโอที่มีพนักงานร้อง เต้น สนุกสนาน – แสดงถึง วัฒนธรรมองค์กรที่อบอุ่นและมีชีวิตชีวา
- คลิปไวรัล 2 ครั้งในเดือนธันวาคม 2023 ทำให้มีคนดูรวมกันหลายสิบล้านวิว และทำให้ลูกค้าเริ่มจดจำและต้องการถ่ายรูปกับพนักงาน
- สร้าง “content committee” หรือทีมคอนเทนต์ภายในร้าน รวมพนักงานมาร่วมคิดไอเดีย คลิปใหม่ๆ และตามเทรนด์ TikTok อย่างใกล้ชิด

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
- รายได้ต่อสาขาพุ่งแตะ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ในปี 2023 เพิ่มขึ้นถึง 18% จากปีก่อนหน้า
- บริษัทไม่มีหนี้สิน และมีเงินสดพร้อมลงทุนต่อเนื่อง
- ได้รับรางวัล “Private Company Boards of the Year 2024” และ CEO ได้รับรางวัลระดับอุตสาหกรรม

ทิศทางในอนาคต
ปัจจุบันแฟรนไชส์ร้านอาหาร Golden Corral มีสัดส่วนร้านเป็นแฟรนไชส์กับบริษัท โดยประมาณ 100 สาขาเป็นของบริษัท ส่วนที่เหลือเป็นแฟรนไชส์
ปี 2025 บริษัทเริ่มทดลองแนวคิดร้านใหม่อย่าง Golden Corral Favorites หรือร้านแบบ fast-casual ที่เสิร์ฟเมนูยอดนิยมโดยไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ พร้อมเปิดสาขาแรกในกรุง Southern Pines, North Carolina เมื่อ 22 เมษายน 2025

Golden Corral วางแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 10 แห่งในปี 2025 และขยายไปในตลาดใหม่อีก 400 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา พร้อมเดินหน้าต่อยอดโมเดลร้านอาหารแบบใหม่ เช่น Homeward Kitchen เน้นบริการรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการรักษาคุณค่าเดิมของแบรนด์
สรุปก็คือ Golden Corral เป็นตัวอย่างของแฟรนไชส์ร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จจากการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมครอบครัว + การตลาดดิจิทัล + ความเข้าใจชุมชนท้องถิ่น + ความคิดสร้างสรรค์ + ความเป็นมืออาชีพ ทำให้แฟรนไชส์ร้านบุฟเฟต์แบรนด์นี้กลายเป็นไวรัลและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
อ้างอิงข้อมูล
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)