เปิดร้านเองรุ่ง แต่แฟรนไชส์ร่วง! จุดพลาดที่เจ้าของมองข้าม

บางธุรกิจเปิดแล้วขายดีมาก มีลูกค้าสนใจใช้บริการเยอะยอดขายต่อวันหักลบต้นทุนแล้วมีกำไรชัดเจน ซึ่งถ้าดูเคล็ดลับของร้านที่ขายดีจะมีองค์ประกอบสำคัญคือ

  • ทำเลที่ตั้งดีมีกลุ่มลูกค้าของตัวเอง
  • สินค้าคุณภาพดี / บริการดี
  • การควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ / การบริหารจัดการในร้านทำได้ดี
  • แยกบัญชีธุรกิจกับบัญชีส่วนตัวอย่างชัดเจน
  • เน้นการทำตลาด / ส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
  • มีบุคลากรและทีมงานที่มีคุณภาพ

และพอเห็นร้านไหนขายดี บางทีลูกค้าก็อยากลงทุนบ้าง หลายครั้งที่เราถามว่าขายแฟรนไชส์ไหม? คำตอบก็คือ “ไม่” ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่ามีหลายเหตุผล ได้แก่

  1. ต้องการควบคุมคุณภาพแบบ 100%
  2. ได้กำไรต่อสาขาที่สูงกว่า ไม่จำเป็นต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ใคร
  3. สามารถรักษาแบรนด์ให้แข็งแรง ค่อยๆเติบโตและสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ดีกว่า
  4. มีเงินทุนมากพอไม่ต้องรีบร้อน เพราะร้านที่ขายดีส่วนใหญ่มีกำไรสะสมเยอะ ไม่จำเป็นต้องรีบขยายสาขา

เปิดร้านเองรุ่ง

มาดูกันอีกด้านว่าทำไมร้านที่ขายดีก็ไม่ได้การันตีว่าพอเป็นแฟรนไชส์แล้วจะต้องขายดี เนื่องจากสูตรสำเร็จของการเปิดร้านด้วยตัวเอง กับการขยับมาเป็นแฟรนไชส์นั้นมีรายละเอียดที่ต่างกัน ถ้าอยากเปลี่ยนธุรกิจตัวเองให้เป็นแฟรนไชส์ก็ต้องมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี โดยมีขั้นตอนเบื้องต้นได้แก่

  1. ศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุนแฟรนไชส์ว่ามีระบบและขั้นตอนอย่างไร
  2. การสร้างร้านต้นแบบ หรือมีการขยายสาขาอย่างน้อย 2-3 แห่ง
  3. การจดทะเบียนแฟรนไชส์ทั้งเรื่องเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายบริการ เป็นต้น
  4. การจัดทำคู่มือปฏิบัติงาน (Operation Manual) ที่เป็นเหมือนพิมพ์เขียวของระบบงานทั้งหมด
  5. พัฒนาระบบจัดส่งสินค้าและวัตถุดิบอย่างมีคุณภาพ

ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้แล้วก็จะนำไปสู่ขั้นตอนอื่น เช่นการจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ , การนำเสนอขายแฟรนไชส์ , วิธีการส่งเสริมด้านการตลาดแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ เป็นต้น

แต่ทุกเรื่องที่พูดมาจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าธุรกิจของเรา “ยังมีกำไรไม่มากพอ” ยกตัวอย่างถ้าเปิดร้านขายอาหารกำไรสุทธิก่อนจะเป็นแฟรนไชส์ควรอยู่ที่ 25% เพราะระบบแฟรนไชส์ที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน แฟรนไชส์ซีจำเป็นต้องจ่ายค่า Marketing Fee และ Royalty Fee ให้กับแฟรนไชส์ซอร์ หมายความว่ารายได้ของแฟรนไชส์ซีเองต้องหักออกในส่วนนี้ออกด้วยรวมแล้วประมาณ 7%

ชมงาน TFBO 2025

ถ้าแฟรนไชส์ซอมีกำไร 25% เมื่อเราลงทุน (แฟรนไชส์ซี) ต้องหัก Marketing Fee + Royalty Fees อีก 7% จะมีกำไรแท้จริงอยู่ที่ 18% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถือว่าเพียงพอให้การลงทุนมีกำไรได้ เพราะตัวเลขนี้คือกำไรสุทธิที่แฟรนไชส์ซีจะได้รับ ซึ่งระยะเวลาคืนทุนของแฟรนไชส์ซีจะเป็นเท่าใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับ “งบลงทุน” ในเบื้องต้น

เช่น แฟรนไชส์ซีใช้งบในการลงทุนรวม 360,000 บาท สิ่งที่ผู้ลงทุนจะได้รับคือวิธีการบริหารจัดการร้าน , การฝึกอบรม , การพัฒนาบุคลากร , การส่งเสริมด้านการตลาด , การสอนสูตรเมนู และถ้าร้านมียอดขายอยู่ที่ 200,000 บาท กำไรของแฟรนไชส์ซีจะได้อยู่ที่ 18% ต่อเดือนหรือประมาณ 36,000 บาท จึงมีระยะเวลาคืนทุนอยู่ที่ 10 เดือน

เปิดร้านเองรุ่ง

อย่างไรก็ดีตัวเลขต้นทุนอาจผันแปรได้เช่นถ้าเราไม่มีต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ก็สามารถตัดรายจ่ายนี้ออกไป หรือถ้าบริหารจัดการสต็อคได้ดีลดการสูญเสียวัตถุดิบ (food waste) ได้มากต้นทุนวัตถุดิบเราอาจลดลง ก็จะไปเพิ่มที่ผลกำไรได้มากขึ้นด้วย

ถ้าดูจากข้อมูลเหล่านี้สำหรับธุรกิจไหนที่มั่นใจว่า เปิดร้านเองรุ่ง ตัวเองขายดี และต้องการขยายธุรกิจให้เติบโต และเลือกระบบแฟรนไชส์มาช่วยขยายกิจการ ก็จำเป็นต้องมีการปรับรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับระบบแฟรนไชส์ ซึ่งถ้าเริ่มต้นได้อย่างถูกต้อง จากร้านขายดีก็จะกลายเป็นแฟรนไชส์ที่ขายดีและขยายสาขาได้เร็วมากด้วย

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด