จักรวาลร้านสเต็ก ข้างทาง ใครเจ้าตลาด

ภาพรวมตลาดร้านอาหารในประเทศไทย จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าในปี 2568 มูลค่ารวมของตลาดร้านอาหารในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 562,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 3.0% เมื่อเทียบกับปี 2567

ตัวเลขนี้ครอบคลุมทั้งร้านอาหารเต็มรูปแบบ (Full-service restaurant), ร้านอาหารให้บริการจำกัด (Limited-service restaurant) และ ร้านอาหารริมทาง (Street Food) ที่มีหน้าร้าน

โดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหารริมทาง (Street Food) ซึ่งยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีการคาดการณ์มูลค่าตลาดน่าจะอยู่ที่ราวๆ 261,000 ล้านบาทในปี 2568 และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 4.7%
หนึ่งในประเภทร้านอาหารที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ก็คือ “สเต็ก”

ที่ผ่านมามูลค่าตลาดร้านสเต็กโดยรวมในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 14,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • Premium ร้านสเต็กหรู ราคาต่อจานอยู่ที่ 500–1,000 บาท ครองสัดส่วนตลาดถึง 60%
  • Standard ร้านสเต็กระดับกลาง ราคาต่อจาน 200–500 บาท มีสัดส่วน 20%
  • Mass ร้านสเต็กราคาย่อม ราคาต่อจาน 69–200 บาท ครองสัดส่วน 30%

เมื่อคำนวณมูลค่าตลาดในกลุ่ม Mass จะอยู่ที่ประมาณ 4,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของตลาดรวม 14,000 ล้านบาท

ตลาดร้านสเต็กในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งร้านนอกห้าง ในห้าง มีแบรนด์ชื่อดังอย่าง Santa Fe, Eat Am Are, Sizzler รวมถึงร้านสเต็กริมถนนทั่วไปอย่าง สเต็กลุงหนวด, สเต็กลุงหยิก ฯลฯ

ซึ่งในกลุ่มร้านสเต็กริมทางอยู่ในเซกเมนต์ตลาด Mass ถือว่าได้รับความนิยมสูง ด้วยจุดเด่นคือราคาที่ย่อมเยา เข้าถึงง่าย ต้นทุนต่ำ เปิดร้านได้ไม่ยาก และสามารถทำกำไรต่อจานได้ในระดับที่น่าพอใจ ในปัจจุบันร้านสเต็กริมทางที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป มีแบรนด์ไหนบ้าง ใครเป็นเจ้าตลาด

สเต็กลุงหนวด

“สเต็กลุงหนวด” แบรนด์สเต็กไทยที่เติบโตจากร้านเล็กๆ มีเอกลักษณ์ชัดเจน ก่อตั้งในปี 2546 ที่ย่านสามัคคี ถนนประชาชื่น จ.นนทบุรี โดยคุณสันทิส ที่ตั้งใจจะทำให้ “ร้านสเต็กริมทาง” เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ทั้งในแง่รสชาติ ราคา และบรรยากาศที่เป็นกันเอง

“สเต็กลุงหนวด” มุ่งเน้นทำเลริมฟุตบาท เพื่อให้คนเดินผ่านมาซื้อกินได้ง่าย, วัตถุดิบคุณภาพ รสชาติเข้มข้นถูกปาก ราคาย่อมเยา เริ่มต้นเพียง 50 บาท, บรรยากาศเรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์ ด้วยโทนสี ขาว–ม่วง, ร่มใหญ่, ผ้าปูโต๊ะสีเดียวกัน และ โลโก้รูปหน้าคุณสันทิส (ลุงหนวด) ที่ใช้บนบรรจุภัณฑ์ ขวดซอส และอุปกรณ์ในร้าน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

เมนูหลากหลาย อิ่มอร่อยทุกเพศทุกวัย เช่น สเต็กหมู, ไก่, ทีโบน, พอร์คชอป, สเต็กเนื้อ, แฮมสเต็ก, Fish & Chips, ไส้กรอก, นักเก็ต, อาหารจานเดียว อย่างข้าวผัดอเมริกัน, ไข่ดาว, ของกินเล่น เช่น เฟรนช์ฟรายส์ ทุกเมนูตั้งราคาเหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม

เอกลักษณ์ของ “สเต็กลุงหนวด” ไม่โฆษณาขายแฟรนไชส์ การเข้าร่วมลงทุนต้องมาจากความตั้งใจของผู้สมัครเอง โดยมีระบบคัดเลือกที่จริงจัง โดยต้องโทรติดต่อด้วยตัวเอง (อาจต้องพยายามหลายครั้ง)
และต้องสัมภาษณ์กับคุณสันทิสโดยตรง

คุยไม่ถูกใจไม่รับ มีเงินอย่างเดียวก็ไม่รับ มักให้โอกาสกับผู้ที่เคยลำบาก หรือมีความตั้งใจจริง มากกว่าผู้ที่มีทุนพร้อมแต่ขาดความเข้าใจ และหากบริหารร้านแรกได้ดี อาจได้รับโอกาสเปิดสาขาเพิ่มเติม

การลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ค่าแฟรนไชส์ 30,000 บาท อุปกรณ์และตกแต่งร้านประมาณ 100,000–200,000 บาท

รายได้…บริษัท สเต็กลุงหนวด จำกัด เจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์สเต็กลุงหนวด

  • ปี 2565 รายได้ 416 ล้านบาท กำไร 10 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 433 ล้านบาท กำไร 20 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 438 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท

สเต็กลุงหยิก

ภาพจาก www.facebook.com/LungYikBangsean

“สเต็กลุงหยิก” เป็นร้านสเต็กที่คนไทยจดจำได้ง่ายจากสโลแกน “กินใหญ่ กินเยอะ กินจุ มาหาเรา” ถือเป็นแบรนด์แฟรนไชส์สตรีทฟู้ดที่เติบโตจากร้านเล็กๆ ในซอยจรินทร์ บางแสน สู่แฟรนไชส์ที่มีมากกว่า 50 สาขาทั่วประเทศ

จุดเริ่มต้นของสเต็กลุงหยิก คือ “นัส – กรฤทธิ ธนกรธนิกกุล” ผู้ก่อตั้งเคยล้มเหลวจากการลงทุนหลายล้านบาท จนเป็นหนี้และต้องเริ่มต้นใหม่โดยไม่มีอะไรติดตัว นั่นคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่ใช้หัวใจและความจริงใจสร้างขึ้นมา

ที่มาของชื่อ “ลุงหยิก” มาจากบุคลิกของนัสที่ผมหยิกและอารมณ์เป็นกันเองเหมือนลุงข้างบ้าน บวกกับโทนสีส้ม-ดำที่โดดเด่น ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำง่าย เมนูของร้านเน้นขนาดใหญ่ ราคาคุ้ม และคุณภาพดี เช่น “เบอร์เกอร์ยักษ์”, “สเต็กถาด”, “ซุปเปอร์จัมโบ้” หรือ “มาม่าผัดลุงหยิก” ที่ลูกค้าชอบถ่ายรูปแชร์ลงโซเชียลโดยไม่ต้องโฆษณาเอง

นอกจากนี้ยังมีชาเลนจ์ “กินหมดรับรางวัล” เพิ่มความสนุกและการมีส่วนร่วมของลูกค้าในร้าน

ภาพจาก www.facebook.com/LungYikBangsean

“สเต็กลุงหยิก” ไม่เน้นโฆษณาใหญ่โต แต่ใช้พลังของลูกค้าจริง แชร์ภาพ-รีวิวผ่าน Facebook, TikTok, Instagram ซึ่งเข้าถึงใจคนและสร้างไวรัลได้อย่างต่อเนื่อง

เงินลงทุนเปิดร้านสเต็กลุงหยิก แบ่งออกเป็นค่าแฟรนไชส์ 490,000 บาท งบลงทุนก่อสร้างร้าน 700,000 – 1,900,000 บาท

รายได้…บริษัท ลุงหยิกบางแสนสุดคุ้ม จำกัด เจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์สเต็กลุงหยิก

  • ปี 2565 รายได้ 27.5 ล้านบาท กำไร 1 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 29 ล้านบาท กำไร 1.2 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 29.3 ล้านบาท กำไร 1.3 ล้านบาท

โชกุน สเต็ก

ปิ้งย่าง
ภาพจาก www.facebook.com/francisesteakchogun

โชกุน สเต็ก แฟรนไชส์ร้านสเต็กที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในด้านรสชาติที่เข้มข้น ทางแบรนด์มีการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี สด สะอาด ทุกเมนูถูกพัฒนาสูตรโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้สเต็กที่อร่อยถูกปากลูกค้าทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเมนูยอดนิยม เช่น สเต็กเนื้อโคขุน, สเต็กหมู, และสเต็กไก่ ที่หมักด้วยสูตรเฉพาะของทางร้าน

จุดแข็งของแบรนด์ คือ ราคาขายเริ่มต้นเพียง 40 บาท เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม, คัดเลือกวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน สด สะอาด และปลอดภัย, มีระบบคลังสินค้าและจัดส่งวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน พร้อมรถขนส่งควบคุมคุณภาพ ช่วยการันตีความสดใหม่ของวัตถุดิบให้กับทุกสาขา ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 201 สาขาทั่วประเทศ แสดงถึงความมั่นคงและได้รับความไว้วางใจจากผู้ลงทุน

แฟรนไชส์ลงทุนน้อย
ภาพจาก www.facebook.com/francisesteakchogun

ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 19,900 บาท ได้รับชุดอุปกรณ์พร้อมขายทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจโดยไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์เอง ใช้ระยะเวลาในการคืนทุนโดยประมาณ 6 – 12 เดือน (ขึ้นอยู่กับทำเลและการบริหารจัดการ) ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการทำอาหาร ทางแบรนด์มีคู่มือและคำแนะนำให้ครบถ้วน

รายได้…บริษัท ซี เอ็น เพาเวอร์ จำกัด เจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์โชกุน สเต๊ก

  • ปี 2565 รายได้ 36.9 ล้านบาท กำไร 5.53 แสนบาท
  • ปี 2566 รายได้ 37.2 ล้านบาท กำไร 5.73 แสนบาท
  • ปี 2567 รายได้ 37 ล้านบาท กำไร 3.6 แสนบาท

40โชกุน สเต็ก
สนใจลงทุน แฟรนไชส์ คลิก
https://citly.me/hypi5
โทร. 086-5718802


นาเนีย สเต็ก

ปิ้งย่าง

นาเนีย สเต็ก แฟรนไชส์ร้านสเต็กที่โดดเด่นในด้านการคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพสูง โดยได้รับการพัฒนาและบริหารจากผู้ก่อตั้งซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจอาหารมากกว่า 8 ปี ทำให้เข้าใจลึกซึ้งถึงมาตรฐานการผลิตและการจัดการด้านวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน

แบรนด์มีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด มีการตรวจสอบวัตถุดิบทุกครั้งก่อนจัดส่งไปยังร้านแฟรนไชส์ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกจานที่เสิร์ฟถึงมือลูกค้าจะได้คุณภาพเท่ากันทุกสาขา ปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 101 สาขา และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ปิ้งย่าง

จุดเด่นของแบรนด์แฟรนไชส์ คือ ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ผ่านการคัดเลือกอย่างละเอียด, ควบคุมมาตรฐานการผลิตและจัดส่งทุกขั้นตอน, ดำเนินธุรกิจโดยทีมงานที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหาร

ที่สำคัญก็คือ จำกัดสิทธิ์แฟรนไชส์เพียง 1 อำเภอ ต่อ 1 สาขา ป้องกันการแย่งลูกค้าในพื้นที่เดียวกัน และมีความยืดหยุ่นในการลงทุน เหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณและอุปกรณ์แตกต่างกัน กล่าวคือ ซื้อเฉพาะอุปกรณ์เท่าที่จำเป็นเปิดร้านก็ได้

ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 12,900 บาท ทางแบรนด์มีคู่มือการดำเนินงาน พร้อมคำแนะนำการบริหารร้านให้แก่แฟรนไชส์ซีทุกคน

นาเนีย สเต็ก
สนใจลงทุน แฟรนไชส์ คลิก
https://citly.me/aGSbP
โทร. 093-9963569 , 091-7569944


สเต็กเด็กแนว

ภาพจาก www.facebook.com/steakdeknaewfranchise

สเต็กเด็กแนว คือแฟรนไชส์ร้านสเต็กที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยรูปแบบร้านที่ทันสมัย เมนูหลากหลาย ราคาย่อมเยา และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน

เมนูหลักประกอบด้วย สเต็กหมู, สเต็กเนื้อ, สเต็กไก่, สเต็กปลา ของทานเล่นต่างๆ เช่น ไส้กรอก, เฟรนช์ฟรายส์, นักเก็ต เครื่องเคียงและสลัด เพิ่มความหลากหลายให้กับลูกค้า

สเต็กเด็กแนวไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหาร แต่มีเป้าหมายในการเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ของไทยในการช่วยสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ว่างงาน ตกงาน หรือผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง โดยออกแบบระบบแฟรนไชส์ที่เข้าถึงง่าย ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูงมาก และสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ภาพจาก www.facebook.com/steakdeknaewfranchise

เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 15,900 บาท คืนทุนไว ภายในประมาณ 1-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับทำเลและการบริหารจัดการ) ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ด้านอาหาร ทางแบรนด์จัดเตรียมวัตถุดิบ อุปกรณ์ และแนวทางการขายให้พร้อมเปิดร้านได้ทันที

รายได้…บริษัท หรรษา ฟู้ดส์ จำกัด เจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์สเต๊กเด็กแนว

  • ปี 2565 รายได้ 181 ล้านบาท กำไร 3 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 181 ล้านบาท กำไร 4.3 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 180 ล้านบาท กำไร 3.7 ล้านบาท

สเต็กเด็กแนว
สนใจลงทุน แฟรนไชส์ คลิก
https://citly.me/CZ4A5
โทร. 094-9891222 , 080-8987222 , 084-6333602


ฮิปสเตอร์ สเต็ก

ภาพจาก FB แฟรนไชส์สเต็ก Hipster

ฮิปสเตอร์ สเต็ก เป็นแฟรนไชส์ร้านสเต็กที่เกิดขึ้นจากผู้ผลิตวัตถุดิบ ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานในวงการอาหาร โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตและจัดส่งวัตถุดิบให้กับแบรนด์สเต็กชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทย จนเกิดแรงบันดาลใจในการต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างอาชีพให้กับคนไทย ผ่านระบบแฟรนไชส์ที่เข้าถึงง่าย ใช้เงินลงทุนต่ำ และสามารถเริ่มต้นได้ทันที

จุดเด่นของแบรนด์ คือ มีความเชี่ยวชาญในการผลิตวัตถุดิบ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพได้ดี และมีต้นทุนต่ำ, ใช้วัตถุดิบเกรดมาตรฐานเดียวกับแบรนด์ร้านอาหารชื่อดัง, มีเมนูสเต็กให้เลือกมากกว่า 20 รายการ รองรับความหลากหลายของลูกค้า

เมนูยอดนิยม เช่น สเต็กหมูพอร์คชอพ, หมูพริกไทยดำ, สันคอหมู, สะโพกไก่สไปซี่, สเต็กเนื้อทีโบน, ปลาดอรี่ทอด, ไส้กรอกและเครื่องเคียงอื่นๆ

ภาพจาก FB แฟรนไชส์สเต็ก Hipster

เงื่อนไขการลงทุน, เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 9,900 – 17,900 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดร้านใหม่ หรือเพิ่มเมนูในร้านอาหารที่มีอยู่แล้ว เพราะแบรนด์มีระบบแฟรนไชส์ที่พร้อมเปิดร้านทันที ไม่ต้องมีประสบการณ์ด้านอาหาร รวมถึงการสนับสนุนผู้ลงทุนด้วยวัตถุดิบพร้อมขาย และคู่มือการดำเนินธุรกิจ

รายได้…บริษัท ทีทูเค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ฮิปสเตอร์ สเต๊ก

  • ปี 2565 รายได้ 23 ล้านบาท กำไร 2.2 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 32 ล้านบาท กำไร 3.6 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 32 ล้านบาท กำไร 2 ล้านบาท

ฮิปสเตอร์ สเต็ก
สนใจลงทุน แฟรนไชส์ คลิก
https://citly.me/LQbhI
โทร. 094-6789869 , 061-2969887


ซูเปอร์สเต็กส์

ภาพจาก ซูเปอร์สเต็กส์

แฟรนไชส์ร้านสเต็กที่มุ่งเน้นการนำเสนอเมนูคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ โดยมีจุดเด่นคือ สเต็กอร่อย ราคาเริ่มต้นเพียง 49 บาท พร้อมเมนูให้เลือกหลากหลาย อาทิ สเต็กหมู, สเต็กไก่, สเต็กปลา, ไส้กรอกหลากชนิด, และเมนูสลัดที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม

แบรนด์ตั้งเป้าหมายเป็นร้านอาหารแนว สตรีทฟู้ด ที่ให้ความรู้สึกเป็นมิตร เป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคที่ต้องการอาหารจานด่วนที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องจ่ายแพง

ภาพจาก ซูเปอร์สเต็กส์

ซูเปอร์สเต็กส์เปิดโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการมือใหม่ หรือผู้ที่มีร้านอาหารอยู่แล้วและต้องการเพิ่มเมนูให้หลากหลายยิ่งขึ้น

โดยแบรนด์มีบริการจัดส่งวัตถุดิบและสเต็กสำเร็จรูป พร้อมจำหน่ายทันที ไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการทำอาหาร ก็สามารถเปิดร้านได้อย่างมืออาชีพ

จุดเด่นของแฟรนไชส์ซูเปอร์สเต็กส์ ใช้เงินลงทุนนต่ำเริ่มต้นเพียง 9,000 – 39,000 บาท, ไม่เก็บค่าธรรมเนียมรายเดือน หรือค่าการตลาด, กำไรสูงมากกว่า 50%, วัตถุดิบคุณภาพดี ส่งตรงจากแบรนด์, เปิดร้านง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับทุกพื้นที่ ทั้งร้านอาหารเดิม ตลาดนัด ฟู้ดคอร์ท หรือหน้าบ้าน

ซูเปอร์สเต็กส์
สนใจลงทุน แฟรนไชส์ คลิก
https://citly.me/hgyDN
โทร. 080-9108199 , 087-0737799


สเต็กลุงใหญ่

www.facebook.com/steakloongyai

แฟรนไชส์ร้านสเต็กต้นตำรับพริกไทยดำ หมักเนื้อด้วยพริกไทยดำจนเข้าเนื้อ รสจัดจ้าน ถูกปากคนไทย การตกแต่งร้านกางร่มสีส้มสลับขาวเป็นเอกลักษณ์ที่จดจำได้ง่าย ราคาจับต้องได้ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สเต็กสไตล์ไทย ราคาคนไทย”

จุดเด่นของสเต็กลุงใหญ่ ทางแบรนด์มีครัวกลางควบคุมคุณภาพ ทำให้มั่นใจในเรื่องรสชาติและโภชนาการ ได้มาตรฐานเดียวกันทุกสาขา มีระบบการฝึกอบรมครบวงจร มีการสอนเป็นขั้นตอน ไม่มีประสบการณ์ด้านอาหารก็เปิดร้านได้

ที่สำคัญทางแบรนด์ยังช่วยประเมินทำเลที่มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง พร้อมสนับสนุนแฟรนไชส์ซีให้เติบโตอย่างมั่นคง

www.facebook.com/steakloongyai

“สเต็กลุงใหญ่” คือแฟรนไชส์ที่ตอบโจทย์คนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูง ทำง่าย ไม่ซับซ้อน คืนทุนเร็ว และมีทีมงานมืออาชีพคอยสนับสนุน ปัจจุบันมี 250 สาขาทั่วประเทศ ใช้เงินลงทุนเปิดร้านเริ่มต้น 35,000-250,000 บาท

รายได้…บริษัท อีซี่ สเต็ก จำกัด เจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์สเต็กลุงใหญ่

  • ปี 2565 รายได้ 110 ล้านบาท กำไร 1.2 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 74 ล้านบาท ขาดทุน -6 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 29 ล้านบาท ขาดทุน -17 ล้านบาท

ทำไม “ร้านสเต็กริมทาง” ถึงได้รับความนิยม

ทำเลดี

1.ราคาจับต้องได้

ร้านสเต็กริมทางอยู่ในกลุ่ม Mass Market ซึ่งมีราคาต่อจานตั้งแต่ 40–200 บาท ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา คนทำงานทั่วไป และกลุ่มครอบครัวทั่วไป

2.ต้นทุนต่ำ เปิดร้านง่าย

ใช้พื้นที่เล็ก ไม่จำเป็นต้องเช่าพื้นที่ในห้าง ทำให้ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ บางร้านใช้เพียงงบหลักแสนก็เริ่มได้ทันที

3.กำไรต่อจานเหมาะสม

แม้จะขายในราคาถูก แต่สามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ และขายในปริมาณมาก ทำให้ได้กำไรต่อจานที่คุ้มค่า

4.ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ “กินง่าย เร็ว อิ่ม”

เมนูเน้นความอิ่ม คุ้มค่า เสิร์ฟไว เหมาะกับคนทำงานทั่วไป หรือคนที่ต้องการอาหารจานด่วนแบบมีคุณภาพ

5.มีภาพจำชัดเจนและสร้างแบรนด์ได้ง่าย

หลายแบรนด์เน้นสร้างคาแรกเตอร์ชัด เช่น “สเต็กลุงหนวด” ที่ใช้ภาพลักษณ์เป็นมิตร เข้าถึงง่าย รสชาติอร่อยแบบบ้านๆ

สรุปก็คือ ร้านสเต็กริมทาง เป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดีในตลาดแมส ด้วยจุดเด่นเรื่อง “ราคาเข้าถึงง่าย เปิดง่าย กำไรเหมาะสม” และยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังไม่มีแบรนด์ใหญ่เข้าไปเปิดแข่งขัน

อ้างอิงข้อมูล

https://citly.me/csI8e
https://citly.me/for6H

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช