กลยุทธ์บุฟเฟต์ ใช้กับทุกธุรกิจได้ จริงหรือ?
พูดถึง “บุฟเฟต์” ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงร้านอาหาร พวกปิ้งย่างหรือร้านหมูกระทะ แต่ความจริง “บุฟเฟต์” เอาไปใช้ได้หลายธุรกิจ เคล็ดลับของการใช้กลยุทธ์บุฟเฟต์ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไหนก็ตามต้องควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่างร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีต้นทุนเฉลี่ย 30% แต่ถ้าจะทำบุฟเฟต์ต้นทุนอาจสูงถึง 35% หมายความว่าหากร้านมีต้นทุน 10,000 บาท จะต้องทำยอดขายถึง 30,000 บาทจึงจะคุ้มทุน
มีหลายเหตุผลน่าสนใจ ทำไมบุฟเฟต์ถึงใช้เป็นวิธีกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจได้
- ดึงดูดลูกค้าได้ง่ายมากลูกค้ารู้สึกว่าคุ้ม ได้เยอะ ในราคาจ่ายครั้งเดียวลูกค้ากล้าลอง เพราะ “กิน/ใช้ไม่อั้น”
- เพิ่มยอดขายต่อหัว ราคาบุฟเฟต์มักจะสูงกว่าขายปกติ ลูกค้าจ่ายมากขึ้นเพื่อความคุ้มค่า
- กระตุ้นลูกค้ากลุ่มใหญ่ ลูกค้าชอบมาด้วยกันเป็นกลุ่ม ชวนเพื่อน ครอบครัว ทำให้ร้านคึกคัก ยอดขายโตเร็ว
- โปรโมทง่าย ขายง่าย มีโปรบุฟเฟต์โพสต์ คนสนใจเยอะ
- สร้างลูกค้าประจำได้ ลูกค้าได้ประสบการณ์สนุก อยากกลับมาอีกถ้าเสริมบริการดี ๆ จะได้ลูกค้าขาประจำและบางร้านแถมคูปอง หรือบัตรสมาชิกต่อยอดรายได้เพิ่มอีกในอนาคต
และอย่างที่บอกว่าบุฟเฟต์ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นธุรกิจอาหารเท่านั้น มีอีกหลายธุรกิจที่นำกลยุทธ์บุฟเฟต์ไปใช้เพื่อกระตุ้นยอดขาย ได้แก่
1.สปา / ร้านเสริมความงาม
บุฟเฟต์ทำเล็บ ตัดผม หรือทรีตเมนต์หน้าแบบเหมา ๆ ทำกี่บริการก็ได้ในเวลาที่กำหนด
2.ฟิตเนส / ยิม
บุฟเฟต์คลาสออกกำลังกาย เช่น โยคะ, Zumba, มวยไทย เข้าคลาสไม่อั้นรายเดือน
3.คอร์สเรียน / เวิร์กช็อป
เรียนได้ทุกคอร์สในแพ็กเกจ เช่น เรียนทำอาหาร ศิลปะ ภาษา ฯลฯ
4.เกม / สวนสนุก
บุฟเฟต์เล่นเกม เครื่องเล่น เล่นได้ไม่จำกัดเวลาในวันนั้น
5.Co-working Space
บุฟเฟต์นั่งทำงาน นั่งกี่ชั่วโมงก็ได้ในราคาหนึ่งวัน
6.สตูดิโอถ่ายภาพ
บุฟเฟต์ถ่ายรูป ถ่ายได้ไม่จำกัดชั่วโมงหรือมุม
7. บริการ Subscription Box
บุฟเฟต์เลือกสินค้าเองในกล่อง เช่น เครื่องสำอาง ขนม ของเล่น ฯลฯ
8.ร้านเสื้อผ้ามือสอง
บุฟเฟต์จ่ายราคาต่อหัว เช่น 999 บาท เลือกหยิบเสื้อผ้ากี่ตัวก็ได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด (เช่นใช้ถุงที่ร้านจัดมาให้)
คำถามที่น่าสนใจคือ ถ้าเราใช้กลยุทธ์บุฟเฟต์แล้วรายได้จะเพิ่มขึ้นแค่ไหน เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจและการบริหารจัดการ เราจะลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น บุฟเฟต์ร้านสปา
สามารถดึงดูดลูกค้าที่อยากลองหลายบริการในครั้งเดียว สามารถเพิ่มยอดขายต่อรอบ เพราะลูกค้าจะเลือกบริการเยอะขึ้นลูกค้ารู้สึก “คุ้มค่า” เกิดโอกาสกลับมาใช้บริการอีก
ตัวอย่างโปรโมชั่นบุฟเฟต์สปา
- “Spa Buffet 2 ชั่วโมง 999 บาท”
- “เลือกได้ไม่อั้น! นวดไทย นวดเท้า สครับผิว อบไอน้ำ”
- “มา 2 คน ลดเพิ่มอีก 10%”
วิเคราะห์ต้นทุนโดยประมาณจะพบว่า ค่าจ้างพนักงานนวดประมาณ 300 – 600 บาท ( 2 ชั่วโมง) , ต้นทุนวัตถุดิบเช่นน้ำมันนวด , น้ำมันหอม , ครีม ฯลฯ เฉลี่ย 100 -200 บาท/คน , ต้นทุนค่าน้ำ ค่าไฟประมาณ 30 บาท/คน , อุปกรณ์อื่นๆ (ผ้าเช็ดตัว , ผ้าปูเตียง) 20 -30 บาท (เพราะของบางอย่างนำมาซักแล้วใช้ซ้ำได้) , ต้นทุนด้านการตลาด
ถ้าคิดราคาโปรบุฟเฟต์ 999 บาท หักต้นทุนต่างๆ ประมาณ 650 บาท เหลือกำไรต่อคนประมาณ 349 บาท ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการโปรบุฟเฟต์ที่จัดขึ้น และก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเป็นสำคัญด้วย ข้อมูลระบุว่าการทำโปรบุฟเฟต์มีโอกาสเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจได้มากกว่า 2 เท่า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ชอบแบบเหมาจ่าย ที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่า
อย่างไรก็ดีโปรบุฟเฟต์แม้จะมีข้อดีและนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้หลากหลาย แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของแต่ละธุรกิจ การควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากบริหารผิดพลาดแทนที่จะได้กำไรมากขึ้นอาจกลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)