Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรนไชส์เบอร์เกอร์ 600 สาขาทั่วโลก
ในสหรัฐอเมริกาขึ้นชื่อในเรื่องร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่าง “แฮมเบอร์เกอร์” และหากย้อนกลับไปในปี 2544 ในสวนสาธารณะ Madison Square Park ใจกลางมหานครนิวยอร์ก หลายคนในอเมริกาคงได้เห็น “รถเข็นขายฮอทดอก” ที่ดูแทบจะไม่ต่างอะไรจากรถเข็นทั่วไปในเมืองใหญ่ แต่ใครจะไปคิดว่า ในเวลาไม่ถึง 25 ปี หลังจากนั้นรถเข็นคันเล็กๆ คันนั้น
จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “Shake Shack” แบรนด์แฟรนไชส์เบอร์เกอร์ ที่วันนี้มีมากกว่า 600 สาขาทั่วโลก และกลายเป็นไอคอนของเบอร์เกอร์ระดับพรีเมียม ที่คนทั้งโลกต้องยอมต่อคิวเพื่อได้ลิ้มลองรสชาติ
Shake Shack ไม่ใช่แค่ร้านเบอร์เกอร์ทั่วไป แต่มันคือการผสมผสานระหว่าง “คุณภาพของวัตถุดิบ” “ประสบการณ์ของลูกค้า” รวมถึง “จิตวิญญาณธุรกิจที่เริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ในเมืองใหญ่” ก่อนขยายสาขาไปทั่วโลก
จุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายของ Shake Shack ที่มีการเติบโตอย่างน่าทึ่ง ตลอดจนกลยุทธ์เบื้องหลังความสำเร็จ รวมถึงเหตุผลทำไมลูกค้าทั่วโลกถึงหลงรักแบรนด์นี้อย่างเสื่อมคลาย
จุดเริ่มต้น Shake Shack

เชค แช็ค (Shake Shack) เป็นเครือร้านอาหารประเภท ฟาสต์แคชวล สัญชาติสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน 2547 โดย แดเนียล เมเยอร์ (Danny Meyer)
ก่อนจะก่อตั้งร้านถาวร Shake Shack เริ่มต้นจากรถเข็นขายฮอทดอก เพื่อสนับสนุนองค์กรอนุรักษ์สวนสาธารณะเมดิสันสแควร์พาร์ค Madison Square Park ในนิวยอร์ก เมื่อปี 2544 และได้รับความนิยมจากผู้คนอย่างรวดเร็ว ด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงและประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใคร ต่อมาในปี 2547 ร้านรถเข็นได้ถูกเปลี่ยนเป็นร้านแบบคีออสถาวรภายในสวนสาธารณะแห่งนี้
เริ่มต้นจากการวางแผนทำเมนูแบบง่ายๆ บนกระดาษทิชชู ประกอบด้วย ไอศกรีม frozen custard, มันฝรั่งทอดลอน, ซอสพิเศษ และเครื่องดื่มต่างๆ หลังจากนั้นแบรนด์ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ต่อมาปี 2553 ได้เปิดสาขาแรกนอกเมืองนิวยอร์ก ที่ Miami Beach และขยายสาขาอื่นๆ ภายในสหรัฐ เช่น Upper East Side, Theater District, Grand Central, JFK ฯลฯ จนกระทั่งขยายสาขาไปยังต่างประเทศ
เช่น ลอนดอน ปี 2556 , ดูไบ ปี 2554, คูเวต บาห์เรน จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ ไทย ตุรกี ฯลฯ โดยมีสาขา 224 แห่งในต่างประเทศ
ปัจจุบันร้าน Shake Shack ในสหรัฐอเมริกามีทั้งหมด 371 สาขา รัฐที่มีสาขามากสุด คือ นิวยอร์ก 56 สาขา คิดเป็น 15% รองลงมาแคลิฟอร์เนีย 49 สาขา คิดเป็น 13% และ เท็กซัส 28 สาขา คิดเป็น 8% ของจำนวนสาขาทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้น ยังมีสาขากระจายอยู่ในอีกหลายพื้นที่รวม 35 รัฐ/เมือง เช่น นิวเจอร์ซีย์ ฟลอริดา เพนซิลเวเนีย แมสซาชูเซตส์ อิลลินอยส์ เวอร์จิเนีย แมริแลนด์ ฯลฯ
คู่แข่งหลักของ Shake Shack ในสหรัฐฯ

- Five Guys เด่นเรื่องเบอร์เกอร์ฉ่ำๆ มันฝรั่งทอดสดใหม่ และเลือกเครื่องเคียงได้ตามใจ เน้นคุณภาพแบบไม่ต้องตกแต่งบรรยากาศร้านมาก
- In-N-Out Burger ร้านเบอร์เกอร์ฝั่งตะวันตกชื่อดัง ใช้วัตถุดิบสดใหม่ เมนูเรียบง่าย และมีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น
- Burger King แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดระดับโลก จุดเด่นคือเบอร์เกอร์ย่างไฟ เมนูหลากหลาย และขยายสาขาทั่วโลก
- Wendy’s ชูจุดขายเนื้อวัวสด ไม่แช่แข็ง และเมนูทำสดตามสั่ง เจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่มองหาทางเลือก
- McDonald’s ผู้นำตลาดฟาสต์ฟู้ดโลก เสิร์ฟลูกค้านับพันล้านคนด้วยเมนูมาตรฐานและคุณภาพสม่ำเสมอ
- Smashburger โดดเด่นด้วยเบอร์เกอร์กดบนกระทะ (“smashed-to-order”) วัตถุดิบระดับพรีเมียม และบรรยากาศทันสมัย
- Culver’s มีชื่อเสียงเรื่อง Butter Burgers และไอศกรีมคัสตาร์ดสดใหม่ ผสมผสานบริการรวดเร็วกับความเป็นกันเองแบบมิดเวสต์
- Sonic Drive-In จุดขายคือประสบการณ์ขับรถมาสั่งอาหารได้ (drive-in) พร้อมเมนูหลากหลายทั้งเบอร์เกอร์ ฮ็อตด็อก และเครื่องดื่ม
- Whataburger แบรนด์จากเท็กซัสที่มีเมนูตลอด 24 ชั่วโมง และฐานลูกค้าที่ภักดีทั่วประเทศ
- Habit Burger Grill เน้นเบอร์เกอร์ย่างถ่าน เมนูแซนด์วิชสดใหม่ และความใส่ใจในคุณภาพวัตถุดิบทุกจาน
จุดเด่นของแบรนด์เบอร์เกอร์ในอเมริกา

- Shake Shack คุณภาพพรีเมียม + ประสบการณ์ร้าน
- Five Guys ปริมาณเยอะ + ปรับแต่งได้
- In-N-Out เมนูน้อยแต่เน้นคุณภาพ
- Burger King เมนูหลากหลาย + โปรโมชัน
- Wendy’s ความสดใหม่ + เมนูเฉพาะตัว
- McDonald’s ความเร็ว + ราคาจับต้องได้
- Smashburger เบอร์เกอร์สไตล์กูร์เมต์
- Culver’s บริการอบอุ่นแบบท้องถิ่น
- Sonic Drive-In ประสบการณ์ Drive-In + เมนูหลากหลาย
- Whataburger ความหลากหลาย + บริการ 24 ชม.
- Habit Burger Grill ย่างสด + ราคาจับต้องได้
ทำไมลูกค้าถึงชอบ Shake Shack?

- ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี รสชาติอร่อยและมีเอกลักษณ์
- รสชาติและการจัดเสิร์ฟมีมาตรฐานเหมือนกันทุกสาขา
- พนักงานบริการดี รวดเร็ว เป็นกันเอง
- บรรยากาศร้านน่านั่ง สบาย เหมาะกับการกินข้าว
- ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมีส่วนร่วมกับชุมชน ลูกค้ารู้สึกดีที่ได้สนับสนุน
- มีเมนูใหม่ๆ และเมนูตามฤดูกาล ทำให้ไม่น่าเบื่อ
- เปิดเผยเรื่องแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ทำให้ลูกค้ามั่นใจในสิ่งที่กิน
เมนูขึ้นชื่อยอดนิยมของ Shake Shack

- Classic Shakes มิลค์เชคปั่นมือหลากหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลต วานิลลา และสตรอว์เบอร์รี
- Shack Burger เบอร์เกอร์คลาสสิกที่ประกอบด้วยเนื้อวัวบด ชีส ผักกาดหอม มะเขือเทศ และซอส Shack Sauce
- Shack-cago Dog ฮอทดอกสไตล์ชิคาโก ราดด้วยมัสตาร์ด ผักดอง หัวหอม มะเขือเทศ ผักดอง และเกลือขึ้นฉ่าย
- Crinkle-Cut Fries เฟรนช์ฟรายส์หนากรอบ ปรุงรสด้วยเกลือทะเล
- Frozen Custard Concretes ของหวานคัสตาร์ดแช่แข็งที่สามารถปรับแต่งได้ พร้อมส่วนผสมต่างๆ เช่น คุกกี้ ลูกอม หรือผลไม้
Shake Shack ขยายตลาดเมืองไทย

Shake Shack เปิดสาขาแรกในไทยช่วงปี 2566 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้การนำเข้าบริษัท แม็กซิมส์ เคเทอร์เรอร์ จำกัด (กลุ่มบริษัทในฮ่องกง) และได้จดทะเบียนตั้งบริษัท เชค แช็ค (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อบริหารธุรกิจ Shake Shack ในประเทศไทย
Shake Shack เปิดสาขาที่ 2, 3, 4 และ 5 ที่ดิเอ็มสเฟียร์ เมกาบางนา วันแบงค็อก และสนามบินสุวรรณภูมิ ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายขยายสาขาให้ครบ 15 สาขาภายในปี 2575 ตามเป้าหมายตั้งแต่เปิดตัวในไทย
เมนูเบอร์เกอร์ของร้าน ทำจากเนื้อวัวแองกัส 100% ปราศจากฮอร์โมน และยาปฏิชีวนะ เมนูยอดนิยม แฮมเบอร์เกอร์ แช็คเบอร์เกอร์ ดับเบิ้ล แช็คเบอร์เกอร์ สโมคแช็ค ดับเบิ้ลสโมคเช็ค แช็คแสต็ค ชรูมเบอร์เกอร์
เปรียบเทียบรายได้กับคู่แข่งในไทย

บริษัท เชค แช็ค (ประเทศไทย) จำกัด
- ปี 2566 รายได้ 143.9 ล้านบาท ขาดทุน -44.8 ล้านบาท
- ปี 2567 รายได้ 215.5 ล้านบาท ขาดทุน -27.8 ล้านบาท
บริษัท แมคไทย จำกัด
- ปี 2566 รายได้ 7,217 ล้านบาท กำไร 315 ล้านบาท
- ปี 2567 รายได้ 7,960 ล้านบาท กำไร 350 ล้านบาท
บริษัท เบอร์เกอร์(ประเทศไทย) จำกัด
- ปี 2566 รายได้ 2,328 ล้านบาท กำไร 38 ล้านบาท
- ปี 2567 รายได้ 2,380 ล้านบาท กำไร 72 ล้านบาท
เมื่อดูรายได้และกำไรของ Shake Shack จะเห็นว่าปี 2566-2567 แม้จะมีรายได้หลักร้อยล้านบาท แต่ขาดทุนหลักสิบล้านบาททั้งสองปี อาจเป็นเพราะบริษัทอยู่ในช่วงการขยายสาขา สวนทางกับแบรนด์เบอร์เกอร์สัญชาติเดียวกันอย่าง แมคโดนัลด์ ปี 2566-2567 มีกำไรกว่า 300 ล้านบาททั้งสองปี ส่วนเบอร์เกอร์คิง ปี 2566-2567 มีกำไร 38 และ 72 ล้านบาทตามลำดับ
จับตา! กลยุทธ์ที่ทำให้ Shake Shack ไม่เหมือนใคร

เบื้องหลังความสำเร็จของ Shake Shack ไม่ได้มาจากแค่เบอร์เกอร์อร่อย แต่มาจากการสร้าง “ประสบการณ์ให้ลูกค้า”
- เมนูออกแบบให้เรียบง่ายแต่มีคุณภาพ
- วัตถุดิบมาจากแหล่งผลิตที่โปร่งใส
- ร้านใช้พลังงานสะอาดและวัสดุรีไซเคิล
- มีเมนูตามฤดูกาลหรือเมนูพิเศษเฉพาะท้องถิ่น สร้างความแปลกใหม่เสมอ
ที่สำคัญก็คือ พนักงานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทำให้บริการของ Shake Shack เป็นที่ชื่นชมทั่วโลก
สรุปสุดท้าย Shake Shack ไม่ใช่แค่แฟรนไชส์ร้านเบอร์เกอร์สัญชาติอเมริกา แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ที่ใช้ความตั้งใจจริง ความคิดสร้างสรรค์ และการไม่ยอมลดคุณภาพ กลายมาเป็นแบรนด์เบอร์เกอร์ระดับโลกที่ผู้คนหลงรัก แม้จะราคาแพงกว่าแบรนด์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต่อแถวในนิวยอร์ก หรือสั่งผ่านแอปฯ ที่กรุงเทพ
ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึง “ความพิเศษ” ในทุกคำที่กิน เพราะ Shake Shack เชื่อว่า…ของอร่อยต้องเริ่มต้นจากของดี มีคุณภาพ
แหล่งข้อมูล
- https://citly.me/j5t4f
- https://citly.me/32XEC
- https://citly.me/T9W6f
- https://citly.me/Oie5F
- https://citly.me/5V7Kx
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)